โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“เถ้าแก่น้อย”กำไรลด 20% จากรายจ่ายเพิ่ม

Money2Know

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2561 เวลา 15.29 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
“เถ้าแก่น้อย”กำไรลด 20% จากรายจ่ายเพิ่ม

บริษัทเถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ยอดขายไตรมาส 3 ปี 2561 อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท โต 8% ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 20% จากรายจ่ายเพิ่ม ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ระดับโลก

นายคู่สูรย์ รัตนพร ผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน บริษัทเถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดขายไตรมาส 3 ปี 2561 อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 

ในขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 129 ล้านบาท ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 160 ล้านบาท เนื่องจาก มีการลงไลน์การผลิตเต็มรูปแบบที่นิคมโรจนะ ซึ่งจำเป็นต้องมีการทดลองการผลิต ฝึกพนักงาน รวมถึงเครื่องจักรบางส่วนยังอยู่ระหว่างการติดตั้ง ประมาณ 10 ล้านบาท

และจำเป็นต้องชำระค่าปรับในการจำกัดขยะอุตสาหกรรม ตามกฎกระทรวงอุตสาหกรรม ที่นอกเหนือการควบคุมรวม 21 ล้านบาท (มีการดำเนินงานแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว), ผลขาดทุนจากเถ้าแก่น้อย U.S.A. ที่กระทบต่อไตรมาส 3 ประมาณ 10 ล้านบาท ทำให้มีค่าใช้จ่ายรายการพิเศษรวมกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้กำไรสุทธิลดลง

ยอดขายเพิ่มขึ้น แม้นักท่องเที่ยวชะลอตัว

นายคู่สูรย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เถ้าแก่น้อยยังสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดของขนมขบเคี้ยวได้อยู่ที่ประมาณ 70% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ประมาณ 60% จากการทำการตลาดออนไลน์ สนับสนุนกิจกรรมคอนเสิร์ตและงานแฟร์ต่าง ๆ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สาหร่าย เทมปูระรสไข่เข็ม และสาหร่ายทอดรสวาซาบิ

สัดส่วนการขายในประเทศ ประมาณ 41% ของการขายทั้งหมด โดยยอดขายในไตรมาส 3/2561 ที่ 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 546 ล้านบาท

ส่วน การขายในต่างประเทศ มีสัดส่วน 59% ของการขายทั้งหมด มียอดขายในไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 859 ล้านบาท โดยมีผลมาจากการเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลักซึ่งเป็นวัฏจักรที่รายได้จะเติบโต

"ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวลดลง แต่ยอดขายใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน เนื่องจากสาขาเถ้าแก่น้อยแลนด์ที่เปิดใหม่ ไม่ทับซ้อนกับสาขาเดิม ซึ่งช่วยกระจายการขาย ทำให้ยอดขายคงที่แม้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง" 

ส่วนสัญญาณนักท่องเที่ยวจะลดลงต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 เถ้าแก่น้อยวางแผนปรับแผยทำตลาด ดึงคนให้เข้ามาซื้อสินค้า เพื่อรักษายอดขายในระยะยาว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูกาลทองเที่ยว จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามลำดับ 

ขยายตลาดสหรัฐ-จีน-อินโดนีเซีย

สัดส่วนยอดขายสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ตลาดในประเทศ 41% ประเทศจีน 39% และตลาดอื่น ๆ อีก 20%

เถ้าแก่น้อยตั้งเป้าเจาะกลุ่มขนมขบเคี้ยวในสหรัฐฯ โดยเริ่มออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ชื่อ “NORA” ปัจจุบันมี 3 SKU ซึ่งคิดว่าเป็นชื่อแบรนด์ที่สร้างการจดจำที่ได้กว่าชื่อเถ้าแก่น้อย โดยการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง amazon ช่องทางออฟไลน์อยู่ระหว่างหาผู้กระจายสินค้า โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ในปีหน้า

ในประเทศจีน เถ้าแก่น้อยมียอดขาย ไตรมาส 3 ปี 2561 รวม 589 ล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจากสาเหตุการปรับคู่ค้าที่ทำตลาดจีน เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในไตรมาส 3 ทำให้ยอดลดลงเล็กน้อย

นอกจากนี้ยังมีการเดินหน้าเจาะตลาดจีนตามแผนเดิม ด้วยการเปิดตัวสำนักงานที่เซียงไฮ้ประเทศจีน มีทีมงานที่ช่วยผลักดันการกระจายสินค้า และส่งเสริมให้มีการขยายตลาดจีนต่อไปในอนาคต

พร้อมทำการตลาด โดยใช้พรีเซนเตอร์วง SBFIVE บอยแบนด์ไทยเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ ก่อนขยายกลุ่มพรีเซเซนเตอร์ไปทำการตลาดในประเทศอื่น ๆ  ที่เล็งเห็นศักยภาพการเติบโต เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย พร้อมกับทำกิจกรรมแฟนมีตติ้ง ของวง SBFIVE เพื่อสร้างแบรนด์ในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนเริ่มทำงานในจีนด้วย

ส่วน ตลาดในประเทศ เดินหน้าสาขา "เถ้าแก่น้อยแลนด์" อย่างต่อเนื่อง ณ ปี 2560 มีหน้าสาขาทั้งหมด 17 สาขา โดยเปิดสาขาใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2561 ถึงปัจจุบันทั้งหมด 6 สาขา คาดว่าในปลายปีนี้ จะมีเถ้าแก่น้อยแลนด์รวมทั้งสิ้น 20 สาขา

ซึ่งหวังว่าการเพิ่มจำนวนสาขา จะเป็นช่องทางในการเจาะตลาดนักท่องเที่ยว ในลักษณะของร้านขายของที่ระลึก ของฝากของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ  เช่น เถ้าแก่น้อยแลนด์พลัส ที่เซนเตอร์พ้อย สยามแสควร์ และสาขาไอคอนสยาม ที่มีร้านขนาดใหญ่ขึ้น มีสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น

ปรับวิสัยทัศน์สู่องค์กรระดับโลก

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากนี้ TKN จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรเป็นระดับโลก ผลักดันให้ทุกคนในองค์กรมีโอกาสเสนอโปรเจค คิดสร้างสรรค์มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เถ้าแก่น้อยโตไม่ได้หยุดในอีก 10-20 ปีข้างหน้า

“วิสัยทัศน์เดิมคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์สาหร่ายไปในตลาดโลก แต่วิสัยทัศน์ใหม่จะเปิดกว้าง และทำให้เติบโตไม่หยุด ช่วยให้เถ้าแก่น้อยไปสู่ตลาดโลกได้เหมือนเดิม แต่กระจายธุรกิจได้มากกว่าเดิม" นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

หุ้น TKN ปิดตลาดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 61 เพิ่มขึ้น 0.80 คิดเป็น 7.69% อยู่ที่ 11.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 354.8 ล้านบาท 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0