โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“เจ้าสัวสหพัฒน์”แนะคุนรุ่นใหม่ ลงทุน-ค้าขายระมัดระวัง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

Money2Know

เผยแพร่ 27 มิ.ย. 2562 เวลา 07.04 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
“เจ้าสัวสหพัฒน์”แนะคุนรุ่นใหม่ ลงทุน-ค้าขายระมัดระวัง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

"เจ้าสัวสหพัฒน์" ห่วงเงินบาทแข็งค่า อยากเคลื่อนไหวมีเสถียรภาพ ฝาก"สมคิด"แก้ไขเร่งด่วน แนะความสำเร็จเกิดจากการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง เตือนคนรุ่นใหม่ต้องลงทุน-ค้าขายอย่างระมัดระวัง 

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่าช่วงนี้ตลาดการซื้อขายสินค้าของประชาชน ถือว่าเงียบเหงา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งแล้วแต่ยังไม่ได้รัฐบาล ถ้ารัฐบาลตั้งได้ช้ายิ่งมีโอกาสเสียหายมาก โดยวันนี้ได้มีโอกาสคุยกับผู้ว่าการจังหวัด"คุมาโมโต้" ประเทศญี่ปุ่น และผู้ว่าฯก็ถามว่า "สมคิด ยังได้ดูและด้านเศรษฐกิจอยู่หรือไม่ ?" ถ้าตั้งได้ภายในเดือนหน้าก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ พร้อมทั้งมองว่า รัฐมนตรีที่จะเข้าทาดูแลด้านเศรษฐกิจคนใหม่จะต้องมี"กึ๋น" ถ้าเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้วไม่รู้เรื่อง ก็ทำอะไรไม่ได้และความซื่อสัตย์ก็เป็นส่วนสำคัญ

สิ่งที่สหพัฒน์เป็นกังวลอยู่ตอนนี้ คือ "เงินบาทแข็งค่า" เพราะ เมื่อเงินบาทแข็งค่าก็ทำให้อุตสาหกรรมส่งออกมีมูลค่าลดลง และอุตสาหกรรมด้านการเกษตรก็เป็นส่วนที่สหพัฒน์ มองว่า ได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะเมื่อทำการเกษตรแล้วไม่สามารถผันตัวไปทำอุสาหกรรมอื่นๆได้เลย จึงทำให้ภาคการเกษตรมีปัญหา

โดยส่วนตัวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และได้ฝากถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งตัวด้วย ส่วนตัวอยากเห็นเงินบาทอยู่ที่ 34 บาท ต่อ 1 ดอล์ล่าสหรัฐ แต่คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะ สหรัฐคงไม่ยอม ดังนั้นถ้าหากค่าเงินบาทมีการผันผวนที่ต่ำก็จะทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ

สิ่งที่สหพัฒน์พบในการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติคือ ต่างชาติยังมองประเทศไทยเป็นโอกาสในการลงทุนอยู่ และโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ก็เป็นส่วนที่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามา

แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรฝากความหวังไว้กับจุดนี้มากนัก ตอนนี้สหพัฒน์ได้ลดกำลังการผลิตในส่วนของสินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้าลงเพื่อรองรับความเปลี่นแปลงที่เกิดขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว และได้ทำการขยายตลาดลูกค้าใหม่ๆ เช่นการถือลิขสิทธิ์ ตัวการ์ตูนประจำจังหวัดคุมาโมโต้ อย่าง "หมีคุมะมง" รวมถึงปรับโรงงานต่างๆให้สัมพันธ์กับการเป็น Smart City ลดการใช้พลังงานด้วยการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์

นายบุณยสิทธิ์ ระบุว่า นโยบายของสหพัฒน์ตอนนี้คือการศึกษาและนำข้อมูลจำนวนมาก(Big Data)มาปรับใช้กับองค์กร ซึ่งมีการดำเนินนโยบายนี้มาเป็นปีที่ 2 แล้ว เราต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ที่ผ่านมาได้มีการเข้าไปพูดคุยกับลาซาด้า และทางลาซาด้าเองก็ให้ความรู้เรามาเป็นจำนวนมาก

สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากลาซาด้า คือการผลิตในจำนวนที่พอเหมาะมากกว่าราคาผลิตที่ต่ำลง ดังนั้นหากผลิตสินค้าที่ไม่เหมือนใครและสร้างความต้องการให้ประชาชนก็จะสามารถพัฒนาธุรกิจให้อยู่รอดในยุคหน้าได้

ปัจจุบันสิ่งที่สหพัฒน์เดินหน้าอยู่คือการกระจายอำนาจการตัดสินใจไม่ให้อยู่แต่เพียงศูนย์กลาง แต่ให้แต่ละภาคส่วนมีการตัดสินใจด้วยตัวเอง ปัจจุบันยังไม่มีธุรกิจใดที่ขาดทุนจนต้องทำการปรับโครงสร้างหรือควบรวมธุรกิจ ขณะที่การเข้ามาของโลจิสติกส์รายใหญ่ๆไม่ทำให้สหพัฒน์เป็นกังวลเพราะสิ่งที่สหพัฒน์ดำเนินการอยู่เป็นเพียงการส่งสินค้าให้กับลูกค้าของตนเองเท่านั้น ไม่ได้ต้องการแข่งขันกับใคร

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า 70 ปีผ่านไป ของสหพัฒน์ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บางปีดีมาก-ดีน้อย แตกต่างกันไป แต่ทำอย่างไรให้สมดุลกันในแต่ละปี การค้าขายมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา

"การบ้านของรุ่นต่อไป คือ ต้องลงทุนและค้าขายอย่างระมัดระวัง พร้อมที่จะสู้กับความเปลี่ยนแปลง และอย่าหมดกำลังใจ ส่วนจะเป็นใคร นักข่าวต้องไปหาเอาเอง"

ที่ผ่านมายอดการซื้อตกลงไปเยอะ การจัดงาน"สหพัฒน์แฟร์ ครั้งที่ 23"ในวันนี้เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นการซื้อของประชาชนได้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0