รู้หรือไม่?…กรณีการเติบโตอย่างรวดเร็วของ“ETF” ของ“ARK Invest” ทำให้เกิดคำถามตามมาในหมู่นักลงทุนว่าจริงๆแล้วการไปลงแบบ‘Feeder Funds’ หรือ‘Fund of Funds’ นั้นดีกว่ากัน
ไม่เพียงผลตอบแทนที่ร้อนแรงในปีที่20 ที่ผ่านมานำมาซึ่งเม็ดเงินที่ทะลักเข้า“ETF” ของ“ARK Invest” อย่างต่อเนื่องจนอาจทำให้บุคลิกของกองทุนต้องเปลี่ยนไป
จากที่โฟกัสใน“หุ้นขนาดกลาง-เล็ก” อาจหมดหุ้นให้ลงทุนจนต้องขยับไปสู่“หุ้นขนาดใหญ่” ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนจากนี้ไม่ได้ร้อนแรงอย่างที่เคยเป็นมา
ตลอดจนการปรับฐานของ“หุ้นเทคฯ” ในช่วงต้นปีลงกว่า-10% จนทำให้“ETF” ของ“ARK Invest” สะดุ้งไปตามๆกันนี่เป็นเพียงกรณีตัวอย่างเท่านั้น
วันนี้ทีมงาน‘Wealthythai’ มีเรื่องราวชวนคิดดีๆที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย
“กองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก” ยอดนิยมของไทยในอดีต…‘บทเรียน’ เรื่องขนาด-ใหญ่แล้วผลงานไม่เหมือนเดิม
ในจังหวะที่“ETF” ของ“ARK Invest” กำลังดังเป็นพลุแตกก็มีเสียงสะท้อนจากอีกมุมหนึ่งว่ากองทุนควรหยุดรับเงินใหม่เข้ามาเพิ่มเติมแล้วคงขนาดกองทุนไว้ในระดับที่เหมาะสมที่ยังสามารถตอบโจทย์บุคลิกเดิมของกองทุนเอาไว้ได้ซึ่งในอดีตก็มีหลายกองทุนที่ใช้วิธีนี้เช่นกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการลงทุนของกองทุนเอาไว้
ในอดีตไทยเองก็เคยมี“กองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก” ของบางบลจ.ที่ได้รับความนิยมมากจนขนาดกองทุนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ถึงระดับหนึ่งก็ต้อง‘หยุดการรับเงินใหม่’ เพิ่มเติมเพราะเหตุผลว่า…ไม่สามารถหาหุ้นลงทุนได้และอาจทำให้การบริหารไม่มีประสิทธิภาพเช่นในอดีตสมัยที่กองทุนยังมีขนาดเล็กนั่นเอง
“และเมื่อผลตอบแทนไม่ได้ดีดั่งเช่นในอดีตสุดท้ายก็มีเงินไหลออกจากกองทุนตามมาจนสุดท้ายก็กลับสู่ภาวะปกติของขนาดปกติที่ควรจะเป็นของ‘กองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก’ อีกครั้งแต่สิ่งนี้จะเกิดกับ‘ETF’ ของ‘ARK Invest’ หรือไม่ยังเป็นปริศนา? เพราะกรณีของARK Invest ไม่หยุดรับเงินใหม่และเชื่อมั่นว่าหุ้นที่ลงทุนอยู่ยังสามารถโตได้เหมือนที่เคยเป็นมาในอดีตได้นั่นเอง(อันนี้…นานาจิตตัง)”
มองต่างมุม“Fund of Funds” คำตอบที่ยืดหยุ่นกว่า‘Feeder Fund’
โดย“ติยะชัยชอง” กรรมการผู้จัดการบลจ. ฟิลลิปจำกัด(PAMC) ยอมรับว่าสิ่งที่ตลาดเป็นกังวลและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับขนาด“ETF” ของ“ARK Invest” เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และนั่นก็คือเหตุผลหนึ่งที่บริษัทออกแบบ‘กองทุนเปิดฟิลลิปเวิลด์อินโนเวชั่น(PWIN)’ ให้เป็นFund of Funds มาตั้งแต่แรกและเราเป็นกองทุนแรกในไทยและในเอเชียในตอนนั้นที่ลงทุนในกองทุนของ“ARK Invest” อีกด้วยโดยปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนใน‘กองARKK’ มากสุดก็จริงแต่ถ้าพื้นฐานของกองเปลี่ยนไปเราก็สามารถลดน้ำหนักการลงทุนลงได้หรือในกรณีที่เรามองว่าแนวโน้มจะไม่ดีก็สามารถเปลี่ยนกองทุนเพื่อไปลงทุนในกองทุนใหม่ที่มีโอกาสที่ดีกว่าได้ทันทีนี่คือความยืดหยุ่นที่เป็น‘จุดเด่น’ ของFund of Funds
(ติยะชัย ชอง)
“อย่างไรก็ตามเราก็ติดตามและพูดคุยกับทาง‘ARK Invest’ อย่างใกล้ชิดและยังมองว่าธีมเทคโนโลยีนี้จะยังอยู่ไปในระยะเวลาอีก5 – 7 ปีข้างหน้าได้อย่างสบาย”
ด้าน“ดร.ธนาวุฒิพรโรจนางกูร”หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุนบลจ.บางกอกแคปปิตอลจำกัด(BCAP) มองว่าการไปลงทุนในหุ้นเทคฯแบบFeeder Fund อาจไม่ได้สร้าง‘เพิ่มมูลค่า’ ให้กับผู้ลงทุนแต่ประการใดและยังมีความเสี่ยงที่มากกว่าเพราะลงทุนในกองทุนเดียวลองนึกดูว่าปัจจุบันบลจ.ตั้งกองทุนไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศแบบFeeder Fund ทำตัวเหมือน‘ตัวกลาง’ พานักลงทุนไปลงทุนในกองทุนปลายทางเท่านั้นเองในอนาคตด้วย“เทคโนโลยี” ที่ก้าวหน้าเมื่อนักลงทุนไปลงทุนซื้อกองทุนปลายทางได้ด้วยตัวเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องมี‘บลจ.’ มาตั้งกองทุนให้ลงทุนแต่ประการใดเพราะเหมือนกัน
(ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร)
“สิ่งที่บริษัททำคือFund of Funds เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ลงทุนเราจะไปมองหากองทุนที่ดีที่น่าสนใจมาเพื่อลงทุนคอยดูว่ากองทุนไหนดีกองทุนไหนไม่ดีถ้ากองทุนน่าสนใจน้อยลงก็ขายทิ้งไปลงทุนในกองทุนอื่นที่น่าสนใจกว่าโดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องทำอะไรเราทำหน้าที่ตรงนี้ให้แทนซึ่งต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญสำหรับธีมเทคโนโลยียังเป็นMega Trend แต่ก็ต้องเลือกและทำการบ้านการจะไปหวังกับกองทุนใดกองทุนหนึ่งว่าจะดีเป็นเรื่องยากในจังหวะแบบนี้การกระจายไปในวงกว้างจะตอบโจทย์กว่าและไม่พลาดทุกโอกาสการลงทุนด้วย”
สุดท้ายจะ“Feeder Fund” หรือ“Fund of Funds” ก็มีจุดดีจุดด้อยกันคนละแบบแล้วแต่มุมมองของนักลงทุนแต่ละคนเลือกที่ใช่ให้ตอบโจทย์การลงทุนของตัวเองให้ได้เท่านั้นก็พอจะได้ลงทุนแบบสบายใจด้วยความเข้าใจนั่นเอง