โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

"มีนาทรานสปอร์ต" หรือ MENA รถโม่ปูนรายใหญ่ของไทยกำลังจะไอพีโอ

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 08.11 น. • เผยแพร่ 01 มิ.ย. 2564 เวลา 12.46 น. • This’s Alano

หุ้น IPOกำลังจะทยอยเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัท บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน)หรือ MENA ก็เช่นกันที่มีแผนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2564 นี้ โดยจำนวนหุ้นที่ IPO จำนวน 184,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.1 ของทุนชำระแล้วหลัง IPOมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเชีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โดยนางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เปิดเผยว่า เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) TOP 3 ของประเทศไทย รวมทั้งการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง
ขณะที่เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของ MENA ในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 184.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ บริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 367 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 275 ล้านบาท
ขณะที่วัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้สำหรับลงทุนในโครงการในอนาคต ทั้งการขยายกองรถเพิ่มขึ้นรวมทั้งจ่ายคืนหนี้สิน 10-20 ล้านบาท ที่จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนปรับตัวลดลง จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.5 เท่า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยโครงการในอนาคตของบริษัทฯ ซึ่งมีนโยบายกำหนดอัตราผลตอบแทนภายในขั้นต่ำ (IRR) เพื่อประโยชน์แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ยังมีแผนเข้าซื้อกิจการ หรือ M&A ในธุรกิจขนส่ง เพื่อต่อยอดธุรกิจปัจจุบันของบริษัทเพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเจรจา จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนได้
ปัจจุบัน MENA มีรถที่บริหารจัดการมากกว่า 500 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 466 คัน และรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) 75 คัน นอกจากนี้ ยังมีรถกึ่งพ่วง หรือหางลากประเภทต่างๆ 104 คัน รวมทั้ง มีพนักงานจัดส่งภายใต้การบริหารกว่า 500 คนด้วยความสามารถในการบริหารจัดการกองยานและพนักงานจัดส่งจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจและรับงานได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานโปรเจกต์ขนาดใหญ่ โดยจะทำการขนส่งสินค้าชนิดต่างๆ ให้กับคู่ค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ อาทิ บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด (INSEE) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง บริษัท เอเซียผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ จำกัด (BUA Concrete) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์เอเซีย และ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย รวมถึง การขยายขอบเขตการให้บริการไปยังบริษัทผู้ผลิตท้องถิ่นอื่นๆ ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการขนส่งสินค้าให้แก่บริษัทปูนซีเมนต์ผงต่างๆ บริษัทวัสดุก่อสร้าง และ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้ง การเป็นตัวแทนขายสินค้าให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และเพื่อความครบวงจร
อย่างไรก็ดี ธุรกิจขนส่งของบริษัทฯ มีจุดแข็งในด้านศักยภาพการเติบโตสูง ได้รับประโยชน์จากงานโครงสร้างพื้นฐาน และงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ สอดรับนโยบายการลงทุนของภาครัฐและเอกชน เนื่องจาก รถขนส่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ขับเคลื่อนงานโครงการต่างๆ
MENA ถือเป็นผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่มีรถผสมคอนกรีตรองรับความต้องการของลูกค้าในงานโครงการขนาดใหญ่ได้อันดับต้นๆของประเทศ และยังถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกในธุรกิจรถผสมคอนกรีตที่เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการ และความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อบริษัทฯ
สำหรับภาพรวมผลประกอบการปีนี้ บริษัทวางเป้าจะมีรายได้เติบโตอย่างน้อย 10% จากปีก่อน โดยเตรียมพร้อมรับโอกาสการเติบโตจากความพร้อมทั้งกองยานรถมิกเซอร์ และพนักงานจัดส่ง เพื่อสอดรับนโยบายการลงทุนจากภาครัฐ และเอกชน ซึ่งจะทยอยกลับมาเดินหน้าตามแผนการลงทุนที่วางไว้ ได้แก่
โครงการ EEC เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน , โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และ โครงการรถไฟทางคู่ รวมทั้ง การปรับกลยุทธ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับการขยายงานโครงการของกลุ่มลูกค้าหลัก และการขยายการพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสนับสนุนแผนการเติบโตของ MENA ให้เป็นไปตามที่วางไว้ได้ อย่างไรก็ตามตัวเลขของรายได้บริษัทจะขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน หากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูง รายได้ก็จะสูงตามไปด้วย แต่หากราคาน้ำมันลดลง รายได้อาจจะคงที่หรือลดลงเล็กน้อย ดังนั้นหากจะดูผลประกอบการของบริษัทให้ดูที่ตัวเลขกำไรสุทธิ
นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจะนำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทฯ (โรดโชว์) ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนปีนี้ และคาดว่าจะเสนอขายและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ภายในปี 2564 นี้ โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1/2564 รายได้รวมของ MENA ประกอบด้วยรายได้ค่าขนส่ง รายได้ค่าบริการ รายได้จากการขาย และ รายได้อื่นๆ รวมอยู่ที่ 152.5 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย ราว 14.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 178.8 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากค่าขนส่งและค่าบริการในสัดส่วนอย่างน้อย 90% ของรายได้รวมทั้งหมด โดยสาเหตุหลักในการปรับลดลง เนื่องจากค่าขนส่งและค่าบริการปรับขึ้นลงตามราคาน้ำมัน ซึ่งในไตรมาส 1/2564 นี้ ราคาน้ำมันลดลงมากกว่าปีที่แล้วราว10% นอกจากนี้ ภาคก่อสร้างยังคงชะลอตัวจากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้จำนวนเที่ยวขนส่งลดลงด้วย
ขณะที่ ในงวดไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 10.1 ล้านบาท โดย MENA ปรับตัวโดยการลดค่าใช้จ่าย ประกอบกับต้นทุนทางการเงินลดลงจากการชำระคืนหนี้อย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์ COVID-19 ยังคงมีอยู่ แต่อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปี 2563 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.7% และในไตรมาส 1 ปีนี้อยู่ที่ 6.6% ขณะที่ผลประกอบการปี 2563 MENA มีรายได้รวม 614.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 34.8 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ในปีนี้สถานการณ์ COVID-19 จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง แต่บริษัทฯ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ และหากในอนาคตจะมีการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ MENA คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบกับการขนส่งอย่างเป็นสาระสำคัญ และจะยังคงสามารถดำเนินการได้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0