พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ออกประกาศกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณ์ภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.)เรื่องยกระดับ การจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) วานนี้ (20 ก.ย.) ความว่าตามที่ได้เกิดพายุโพดุลและพายุคาจิกิ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก และเกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ตั้งแต่ 29 ส.ค.
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยต่อเนื่องในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด และสถานการณ์ยังคงรุนแรง ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมากโดยบกปภ.ช.ได้ตรวจสอบแนวโน้มสถานการณ์ ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำพบว่าอิทธิพลของลมมรสุมอาจส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประกอบกับข้อมูลของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกรมชลประทาน เห็นว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีและแม่น้ำมูล มีระดับลดลงแต่ยังคงล้นตลิ่ง สอดคล้องกับความเห็นเชิงพื้นที่ของ จ.อุบลราชธานี ยังเสียหายเป็นวงกว้างและยังรุนแรงต่อเนื่อง
ในฐานะผบ.บกปภ.ช.จึงได้ประกาศยกระดับการจัดการสาธารณภัยเป็นระดับ 3 ซึ่งถือเป็นสาธารณภัยขนาดใหญ่ ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และร้อยเอ็ด โดยให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง ดำเนินการและปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลและรายงานผู้บังคับบัญชา
รวมทั้งให้จัดตั้งบกปภ.ช.ส่วนหน้าขึ้น ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 13 อุบลราชธานี โดยมีนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัด มท.กำกับควบคุมพื้นที่โดยมีส่วนราชการต่าง ๆ ร่วมบูรณาการช่วยเหลือประชาชน และให้บกปภ.ช.จัดตั้งส่วนสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉินโดยให้ประสานภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชนจิตอาสา เร่งดำเนินการและเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลาย จะเร่งสำรวจความเสียหายด้านต่าง ๆเพื่อฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว
"การยกระดับการจัดการสาธารณภัยเป็นระดับ 3 ในพื้นที่ 4 จังหวัดเพื่อให้เกิดการประสานและบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงาน ทั้งในระดับนโยบายและระดับการปฏิบัติในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อตอบสนองและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"