โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“อะตอม ชนกันต์” เผยเกือบไม่ได้ทำงานเพลงแล้ว

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 13 ธ.ค. 2561 เวลา 13.00 น.

อะตอม ชนกันต์” เผยเกือบไม่ได้ทำงานเพลงแล้ว 

กว่าจะมาเป็นอะตอมทุกวันนี้เคยได้ยินว่าเกือบไม่ได้มีผลงานเพลงแล้วเพราะอะไร?  “แต่ก่อนการเป็นศิลปิน การได้ทำเพลง เป็นความฝันในวัยเด็กที่ดูค่อนข้างห่างไกลจากตัวเรามา แต่สุดท้ายเราโตพอที่จะรู้ว่าเราชอบมันจริงๆ อยากทำมันจริงๆ เราก็ตั้งใจทำ เริ่มเขียนเพลงสะสมไว้ตั้งแต่ช่วงอายุ 16 - 17 ใช้เวลาพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ไม่หยุดที่จะฝึกเขียนเพลง วันหนึ่งมีเดโม่ 4 - 5 เพลง ที่เราชอบที่สุดก็ไปอัดในห้องอัด แล้วส่งมาที่ค่าย ส่งมาหลายรอบมาก ทำอยู่หลายปีมากจนได้เข้ามาอยู่แกรมมี่ ตอนนั้นเป็นค่ายสนามหลวงยุคก่อน ยังไม่ใช่ทีมงานปัจจุบันทีมนี้ พอได้เข้ามาก็ยังเป็นศิลปินฝึกหัด เรามีแค่เพลงอย่างเดียวเลย ทิศทางดนตรีกับคาแรคเตอร์ก็ยังไม่ชัด มีแต่ตัวเพลงที่แข็งแรงจริงๆ ไปเจอโปรดิวเซอร์เก่งๆ มาหลายคน แต่ยังไม่ได้ทำเพลงจนจบซักทีจนมาเจอ “พี่บอล อพาร์ทเมนต์คุณป้า” ก็กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทำเพลงจริงจัง จากนั้นเป็นเวลาอีกเป็นปีเหมือนกัน เป็นช่วงที่กำลังเรียนกฎหมายอยู่ ตอนนั้นทำเพลง PLEASE เสร็จแล้ว  เป็นปีอยู่เหมือนกันกว่าจะได้ปล่อยออกมาให้ฟังกัน สุดท้ายพอจะได้ปล่อยเพลงค่ายสนามหลวงก็ยุบพอดี แค่ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเพลงจะได้ปล่อย ตอนนั้นเป็นช่วงที่หลายค่ายเริ่มยุบตัว ก็มองหาค่ายดนตรี จนมาเจอ White Music”

ถูกคาดหวังหรือไม่จากการที่ทั้งครอบครัวอยู่บนเส้นทางวิชาชีพด้านกฎหมาย? หาทางออกให้กับตัวเองอย่างไร? “กดดันประมานหนึ่ง หลักๆ คือพ่อแม่เป็นห่วงว่าจะรอดไหมกับเส้นทางนี้ ช่วงที่งานดนตรียังไม่เป็นรูปเป็นร่าง พ่อแม่ก็จะพูดให้เตรียมไปสอบนั่นสอบนี่ เตรียมตัวทำงานด้านกฎหมาย มันเป็นเพราะเขามองไม่เห็นทางว่าจะรอดไปได้ขนาดไหน เวลาไปห้องอัด อัดเพลง ติดต่อค่าย ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องดนตรี เขาก็ไปด้วยตลอด แล้วก็เห็นว่ามันอาจจะไม่รอดก็ได้ แต่เขาก็ให้อิสระเรา แค่เป็นการเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่เรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่อยากทำงานกฎหมาย ตอนเรียนเราชอบ แต่พอมาชั่งน้ำหนักตอนทำงาน ระหว่างกฎหมายกับเพลงมันเทียบกันไม่ได้เลย ใจมันพามาทางทำเพลง แล้วถ้าเราไม่ได้ลองให้ถึงที่สุด มันจะเสียใจไปตลอดชีวิต สุดท้ายก็รอด…คนฟังให้โอกาสเรา”

วันนี้ไม่ได้เป็นศิลปินคิดว่าตัวเองจะกำลังทำอะไรอยู่?  “ก็คงทำงานด้านกฎหมาย ทำสิ่งที่เรียนมา อาจจะทำบริษัทด้านกฎหมายแบบเพื่อนๆ แต่ถ้าวันนี้ถามว่าเสียดายไหมที่ไม่ได้ทำงานด้านกฏหมาย ก็ไม่เสียดายนะ เราได้เข้าไปเรียนรู้แล้ว จนมีวิธีการคิดแบบนักกฎหมาย ที่มันต่างจากการเรียนในสายวิชาอื่น ซึ่งมันก็ส่งผลกับเราในเรื่องการเขียนเพลง การทำงาน การทำเกี่ยวกับเอกสารสัญญา ความรู้ตรงนั้นมันก็ยังอยู่ตลอด ไม่ได้หายไปไหน”

อายุแค่27 ปีแต่ทำไมแต่งเพลงได้หลากหลายเรื่องราวและกินใจคนฟังเหลือเกิน “ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่มาจากประสบการณ์ตรง เรื่องที่เจอเองเราจะเขียนได้ลึกซึ้ง เราจะรู้ดีว่าเราอยากเล่าอะไร โดยเฉพาะเรื่องที่มันจับหัวใจหรือกระทบความรู้สึกเรามากๆ  แล้วเรารู้สึกอยากจะเล่าให้คนฟังได้ฟัง  เกือบ 9 ในอัลบัม CYANTIST ก็เป็น เรื่องที่เราเจอมาเอง เรื่องมันยิ่งจริงเราก็สามารถเล่ามันได้ลึกซึ้งกินใจ”

คิดว่าอะไรคือเอกลักษณ์ในเพลงของ'อะตอม'?  “เท่าที่มีคนบอกผมมา เขารู้สึกว่าเพลงของผมเป็นเพลงที่ออกมาพูดบ่นผู้หญิง แต่สำหรับผมมันคือความเจ็บปวด เกิดจากตอนที่คนเรารักกัน…เรารักกันมาก ยิ่งมีความสุขกับช่วงเวลาที่เราเคยมีมากๆ เวลาเจ็บปวดหรือผิดหวังเพลงมันก็เลยหนักหน่วงตามไปด้วย ผมถนัดที่จะเล่าเรื่องในแง่มุมนี้ ความสนุกหรือความสุขด้านอื่นของชีวิตมันก็มีแหละ แต่ก็เล่ามันได้ไม่คมไม่ชัดเท่าเรื่องแบบนี้ เพลงพวกนี้ก็เลยออกมาเป็นเพลงเศร้าเสียส่วนใหญ่ บางเพลงก็เป็นเพลงเศร้าจริงๆ บางเพลงก็เป็นเพลงเศร้าที่กวนประสาท (หัวเราะ)”

ชีวิตตอนนี้เป็นอย่างที่หวังไว้ไหม? ถือว่าประสบความสำเร็จหรือยัง?  “เหมือนเราผ่านจุดที่คิดว่าเราต้องการไปให้ถึงแล้วในบางจุด เช่น การปล่อยเพลงหรือการมีกลุ่มคนฟังเป็นของตัวเอง มีการได้ร่วมงานกับคนนั้นคนนี้ สุดท้ายแล้วเราเลยรู้เลยว่าความสำเร็จมันเป็นเรื่องของเมื่อวาน มันไม่ได้อยู่กับเราในวันนี้ วันนี้สิ่งที่สำคัญกับเราที่สุดคือเรื่องตรงหน้า คือ วันนี้จะทำอย่างไรต่อไป ก็เป็นเรื่องของการรักษามาตรฐานมากกว่า การรักษาไว้ มันยากกว่าการไปให้ถึงเป้าหมายเสียอีก เรื่องที่ผ่านมาหรือจุดที่เราเคยฝันไว้แล้วทำมันได้สำเร็จ มันก็เป็นพลังให้เราแหละ แต่สุดท้ายเราอยู่กับมันไปตลอดไม่ได้ สุดท้ายเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว”

กลัวอะไรที่สุดในชีวิตวงการเพลง?  “กลัวการอยู่ที่เดิม กลัวทำงานออกมาแล้วซ้ำซาก เราสามารถสัมผัสได้จากการทัวร์คอนเสิร์ต ปีที่ผ่านมานี้ผมทัวร์ไม่ได้หยุดเลย คือปกติศิลปินส่วนใหญ่จะมีช่วงเวลาหยุดพักเพื่อผลิตผลงานออกมาใหม่ พักสมอง ให้สมองปลอดโปร่ง เพราะที่ผมเจอกับตัวคือ สมองมันตื้อ ชีวิตอยู่กับการเดินทาง นั่งรถตู้ นั่งเครื่องบิน เดินทางไปนั่นไปนี่ ช่วงที่ทัวร์เยอะๆ นี่ เราจะคิดงานไม่ค่อยออก ในช่วงปีที่ออกทัวร์แรกๆ มันก็ดีมันได้เอนจอยกับการไปโชว์ แต่พอเข้าปีที่ 3 - 4 ถ้าไม่หยุดพักมันเริ่มเข้าสู่อะไรที่เป็นแบบแผน สุดท้ายชีวิตก็จะไม่ต่างจากงานทางกฎหมายที่ผมหนีมา นี่ก็เป็นปีที่หาจุดลงตัวว่าเราจะเป็นอย่างไรต่อไปดี”

อายุมีผลกับการทำงานไหม “คิดว่ามีผลเหมือนกัน อายุคนตอนต้นปีกับตอนปลายปีมันต่างกันอยู่นะ ไม่ว่าจะความคิด วิธีพูด ทัศนคติต่างๆ ที่มีต่อสิ่งรอบตัว ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เราทำเพลงมา 4 - 5 ปี มันก็มีเปลี่ยนไปในบางจุด เราอาจจะมองอะไรได้ทะลุปรุโปร่งมากขึ้น ความตื่นเต้นความประหม่าที่มีมาแต่ก่อนก็ค่อยๆ น้อยลง ใจเย็นมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องระวังไม่ให้มันหายไปก็คือแพสชั่น  ถ้ามันมอดไปแล้วก็ต้องหาวิธีเอามันกลับมา ถ้ามันไม่อยู่แล้วมันมีผลกับผลงานและการทำงานของเรา” 

นิสัยส่วนตัวแบบไหนที่คิดว่าวัยรุ่นควรเอาเยี่ยงอย่างและไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง?  “ที่ควรเอาเป็นแบบอย่างคงเป็นความดื้อ ดื้อที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ คือไม่ยอมจนกว่าจะสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจ กว่าเราจะได้ปล่อยเพลงแรกก็ต้องดิ้นรนเอาเอง ไม่มีใครช่วยเราได้ พ่อแม่ก็เรียนกฎหมาย ไม่มีใครมีเส้นสาย เราก็มาด้วยตัวเอง เราท้อไปหลายรอบ รออยู่หลายปี เคยลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราลองทำไป 2 - 3  รอบแล้วเรายอมแพ้ กลับไปทำงานทางด้านกฎหมาย ตอนนี้เราจะเสียใจแค่ไหน เพราะสุดท้ายรางวัลที่เรารอมันคุ้มค่า เรารอที่จะได้เจอคนที่เข้าใจเรา ได้ทำเพลง ได้อยู่กับคนที่เรารัก ตอนนี้ได้ทำงานที่เราชอบจริงๆ  มันคุ้มค่ากับการพยายามลองมาเรื่อยๆ ส่วนนิสัยที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง คงเป็นความขี้เกียจ (หัวเราะ)”

มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี่ยังโอเคกับการทำงานเบื้องหลังที่สปอตไลต์ฉายไม่ถึงไหม?  “พอมีเพลงของตัวเองงานเบื้องหลังมันก็ลดน้อยลง เขียนเพลงแต่งเพลงให้คนอื่นได้น้อยลง เพราะเราต้องโฟกัสกับงานตัวเอง การทัวร์คอนเสิร์ต การทำโชว์ของตัวเอง คนที่เราเคยเขียนเพลงให้เยอะที่สุดคือของ “พี่บุรินทร์” เพลงเพิ่งจะทยอยออกปีนี้ ซึ่งเป็นเพลงที่เราเขียนไปตั้งแต่ก่อนเพลงแรกของเราจะออกเสียอีก มีของ “พี่ป๊อบ ปองกูล” “พี่ลุลา” “พี่โอ๊ต ปราโมทย์” เราชอบที่จะเขียนเรื่องจริงมากกว่า ถ้ามาบอกว่ามีนักร้องคนนี้มา อยากได้เพลงแบบนี้เขียนให้หน่อย เราชอบเขียนให้นักร้องที่มีเรื่องในใจจริงๆ มีเรื่องของเขา แล้วเราช่วยเล่าตัวเขาออกมา มันเลยกลายเป็นว่าเราเขียนเพลงให้ศิลปินคนอื่นค่อนข้างน้อย” 

มีใครเป็นไอดอลหรือแรงบันดาลใจ “ถ้าเป็นเรื่องดนตรี เรื่องการทำเพลง ผมชอบ “เอมี่ ไวน์เฮาส์” เขาคือคนที่เปลี่ยนการฟังเพลงของเราไปจากการฟังเพลงป็อปเมนสตรีมที่ฟังมาตั้งแต่ตอนเด็กมากๆ พอยุคอินดี้เฟื้องฟูแล้วมาได้ฟังเพลงของเขา ทำให้เราไปเปิดหูฟังศิลปินคนอื่นๆ อีกเยอะมาก เป็นคนที่เรารักมาก” 

มีอะไรที่ตั้งใจจะทำต่อไปในเร็วๆนี้ไหม?  “แผนที่ตั้งใจไว้ในปีหน้าคือ เราจะทำเพลงกันใหม่เป็นอีพี อัลบัม เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่วิธีเข้าห้องอัด  วิธีการคิดงาน เนื้อเพลงที่เราจะเขียน ไปจนถึงสไตล์ภาพที่ห่อหุ้มอัลบัมนี้ เพราะพักหลังกลัวว่างานของเรามันจะวนเข้าลูปเดิมๆ กลายเป็นอะไรที่มันซ้ำซากจำเจ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0