“อรอนงค์” โต้หนีไปบวชชีซ่อมใจหลังหย่าสามี บอกเข้าวัดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และถือว่าธรรมะอยู่ในใจ อยู่ที่ไหนก็สามารถทำบุญกล่อมเกลาจิตใจได้ บอกช่วงที่ผ่านมาก็พยายามคุยทำความเข้าใจกับลูกๆ ให้มากขึ้น เพราะตอนแรกเป็นห่วงกลัวได้รับผลกระทบจากที่โรงเรียน แต่บอกตอนนี้ข่าวเริ่มคลี่คลาย ตนก็สบายใจ เผยกับอดีตสามีก็ยังมีคุยกันบ้าง แต่ก็ต่างคนต่างทำหน้าที่พ่อกับแม่ และบอกอดีตสามีต้องทำใจยอมรับกระแสที่เข้ามาให้ได้ เพราะเป็นฝ่ายที่เลือกให้เป็นแบบนี้เอง
ตั้งแต่ออกมาแถลงข่าวว่าหย่าขาดจากอดีตสามีหลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 26 ปี สำหรับนักแสดงมากความสามารถอย่าง “อร อรอนงค์ ปัญญาวงศ์” ก็ดูจะมีงานเยอะขึ้น ออกงานอีเว้นท์ให้ได้เห็นหน้าเห็นตากันมากขึ้น ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกงานอีกครั้งในงานรอบสื่อภาพยนตร์เรื่อง Playmobil The Movie Party ณ อินฟินิซิตี้ ฮอลล์ ชั้น 5 โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ พร้อมกับโต้ข่าวที่ว่าหนีไปบวชชีพราหมณ์เพื่อรักษาแผลใจ
“สภาพจิตใจตอนนี้ ก็โอเคนะคะ แล้วตอนนี้ก็ไปไหนมาไหนกับลูกๆ มากยิ่งขึ้น แล้วลูกก็เริ่มเป็นงาน เริ่มออกงานกับคุณแม่ได้ นี่ก็ถือว่าเป็นครั้งที่สองที่ไปงานด้วย แล้วล่าสุดเมื่อวานก็มีออกรายการ เขาก็ออกสื่อมากขึ้น ไม่ได้พูดอะไรไม่ถูก ทำอะไรไม่ถูกค่ะ ที่สำคัญเลยก็เป็นกำลังใจให้แม่ได้เต็มร้อย พึ่งพากันได้ (ยิ้ม) ข่าวว่าไปซ่อมใจ โดยการไปบวชชีเหรอ โอ๊ย ไม่มีเลยค่ะ ไม่ได้ไปเลย เพราะว่าจริงๆ แล้วเป็นคนที่เข้าวัดเข้าวาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แล้วหลังจากที่เซ็นใบหย่าก็ไม่ได้ไปปฎิบัติธรรมที่ไหนเลย ก็มีงานตลอดเลยค่ะ แล้วก็งานที่ผ่านๆ ก่อนหน้านี้ก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้วิทยุธรรมะ ซึ่งมันทำก่อนหน้านี้อยู่แล้วค่ะ แต่ว่าการเอาหลักธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันเราก็ยึดถือของเรามาตลอดอยู่แล้วค่ะ”
“แต่ถามว่าอยากไปบวชไหม คือพระท่านสอนไว้ว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถบวชได้ถ้าใจเราบวชค่ะ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปวัด เราอยู่ที่บ้านก็สามารถทำเองได้ ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระ แล้วก็นึกถึงสิ่งที่ดีๆ แล้วนึกถึงว่าวันนี้เราทำอะไรผิดไหม ถ้าทำอะไรผิดก็ขออโหสิกรรมสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่อง อันนี้มันเป็นสิ่งที่เราสามารถทำเองได้ที่บ้านอยู่แล้ว ไม่ต้องไปพึ่งใคร ไม่ต้องไปถึงที่วัดด้วย แต่ถามว่าคิดว่าจะไปปฎิบัติธรรมไหม ก็คงยังค่ะ เพราะทำบุญทำทาน พวกนี้เราทำอยู่แล้ว ในไลน์เราก็มีกลุ่มที่ช่วยทำบุญ บางทีวัดไหนเขามีหล่อพระ เราก็จะทำบุญ แล้วก็มีถวายเพล คือเราก็จะทำบุญอยู่แล้วค่ะ”
“แต่หลังจากที่แถลงข่าวไปก็มีคนส่งกำลังใจมาให้เต็มเลยค่ะ จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าเวลาออกสื่อทุกครั้ง ต้องขอบพระคุณประชาชนค่ะที่ส่งกำลังใจมาให้ ทุกวันนี้ก็ยังมีส่งมา ขอบพระคุณมากๆ รวมไปถึงพี่ๆ น้องๆ ในวงการ เวลาไปถ่ายละคร ไปทำงาน ทุกคนก็ยังให้กำลังใจ ก็กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง”
บอกหลังจากแถลงข่าวแล้วตนก็พยายามพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกๆ ตลอด
“โสดแล้วก็ดูสวยสะพรั่งขึ้นเหรอ (ยิ้ม) ก็เราไม่ได้จมอยู่กับความเหงาความเศร้าความผิดหวังค่ะ เราก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า แล้วเราก็มีอนาคตของลูกรออยู่ แล้วอนาคตของเราเองด้วย การทำงานที่เราได้รับมอบหมาย เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ ถามว่าลูกๆ มีชมไหม ก็ไม่ค่ะ แค่ลูกบอกโอเค แม่ก็โอเคแล้ว (หัวเราะ) เขาหวงแม่ไหมเหรอ ไม่ค่ะ ก็เป็นปกติ เพราะว่าแม่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ลูกต้องเป็นห่วง”
“คือพอแถลงข่าวไปแล้วก็คุยกับลูกทุกวันค่ะ พ่อแม่มีข่าวมีอะไร แต่ลูกๆ ก็โอเคเข้าใจ อาจจะเป็นเพราะว่าเราอยู่ในเบื้องหน้า คนก็ติดตามข่าวสาร แต่ลูกก็เข้าใจว่ามันก็เป็นวิถีชีวิตของคนคนหนึ่งที่มีแต่งงานมีเลิกรา ลูกก็เข้าใจ แต่ว่าในความเข้าใจของเด็ก เราก็ต้องพยายามคอยดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ ไม่ให้เขาคิดเองเออเอง พอมีอะไรก็จะถามลูกตลอดว่าวันนี้ไปโรงเรียนแล้วยังมีเพื่อนถามอีกไหม ก็จะคุยกับลูกทุกวัน แล้วยิ่งมีสื่อมีอะไรออกมาก็ยิ่งคุยกับลูกตลอด”
“ล่าสุดที่มีรายการทีวี เผอิญมันออกเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ไง ก็ยังไม่รู้ฟีดแบค แต่ถ้าลูกไปโรงเรียนวันจันทร์-อังคาร แล้วจะเป็นยังไงบ้าง ของเด็กเราว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แล้วเราเคยทำงานเกี่ยวกับเด็กมาแล้ว ได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญ อรว่าตอนนี้เราต้องมีการจัดที่ละมุนละม่อน ต้องคุยกับลูก เราก็กังวลตรงนี้เหมือนกัน เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเด็กแต่ละคนเขาได้ข้อมูลมายังไงบ้าง แต่เราก็เอาข้อมูลของลูกเราให้แน่นที่สุด ว่าลูกเราจะไม่เป็นอะไรและลูกโอเค”
เผยยังรับงานปกติ ไม่ได้เยอะขึ้นหรือน้อยลง แต่บอกอดีตสามีต้องรับฟีตแบ็คที่เข้ามาให้ได้ เพราะเป็นฝ่ายเลือกเอง
“งานตอนนี้ก็มีเรื่อยๆ ไม่ถึงกับเยอะมากนะคะ ก็ถ่ายละครตามปกติค่ะ 3 เรื่อง 4 เรื่องก็ว่าไปค่ะ คือจริงๆ มันรับงานก่อนที่เราจะหย่าอีก เป็นงานต่อเนื่อง แต่ว่าพอมีข่าวเรื่องนี้มาปุ๊บ ก็อาจจะได้หลายๆ กำลังใจ แล้วก็มีผู้ใหญ่ที่ยังคอยให้การสนับสนุนดูแลมากยิ่งขึ้น ก็ยังรับงานได้อีกเรื่อยๆ ค่ะ เป็นบทแม่พระเอกนางเอก คือถ้าเป็นนางเอกอาจจะรับได้น้อย แต่พอเป็นแม่ปุ๊บก็รับได้หลายเรื่องค่ะ (หัวเราะ)”
“ถามว่าหลักแถลงข่าวไปยังได้เจอกับอดีตสามีไหม ก็มีพูดคุยผ่านไลน์ค่ะ อย่างเช่นถ้าพรุ่งนี้เราถ่ายละคร เราก็จะบอกเขาว่ารับช่วงให้หน่อยประมาณนี้ค่ะ ก็จะคุยกันเรื่องของลูกจริงๆ ไม่มีนอกเหนือเรื่องอื่นๆ เลย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง นั่นก็คือพ่อและแม่ ส่วนเรื่องอย่างอื่น เราไม่ได้ก้าวก่ายกันเลยค่ะ ทางฝั่งเขามีฟีดแบคอะไรไหมเหรอ ก็อย่างที่บอกว่าไม่ได้คุยอะไรกันเลยค่ะ ก็เลยไม่ทราบว่าฟีดแบคเขาเป็นยังไงบ้าง จริงๆ ถามว่าเป็นห่วงเขาไหม เพราะฟีดแบคที่เขาได้รับก็ค่อนข้างรุนแรง เราว่าเขาต้องรับได้นะ เพราะว่าเขาเป็นคนเลือก (หัวเราะ)”
