โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“หนิง” เคลียร์ทุกเรื่อง ช่วย “เป้ย” แหกมือที่สาม สุดท้ายเป็นหมา! “อั้ม พัชราภา” อินเลิฟ

Manager Online

อัพเดต 18 ส.ค. 2561 เวลา 03.47 น. • เผยแพร่ 18 ส.ค. 2561 เวลา 03.47 น. • MGR Online

“หนิง ปณิตา” เมินคำวิจารณ์ ออกตัวแรงช่วยเพื่อน สุดท้ายเป็นหมา บอกเป็นหมาก็ยอม ขอแค่ “เป้ย” มีความสุข คืนดี “ป๊อป” ชื่นชมฝ่ายหญิงยึดมั่นสถาบันครอบครัว ปัดตอบเป็นคนลุยแหกมือที่สามให้เป้ย พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ชมเพื่อนสตรองกว่าตนมาก ขนาดตนยังหนีหน้าหายไป 3 เดือน แต่เป้ยยังออกงานชิลๆ ไม่รู้ “อั้ม พัชราภา” อินเลิฟ เบื่อตอบเรื่องเพื่อนทุกคน

กำลังเป็นเรื่องที่หลายคนติดตาม หลังหนุ่ม “ป๊อป นิธิ บุญยรัตกลิน” ออกมาโพสต์อินสตาแกรมขอโทษภรรยาสาว “เป้ย ปานวาด บุญยรัตกลิน” ว่ารู้สึกสำนึกผิด เพราะหลังจากเกิดเรื่องราวสาวเป้ยจับได้ว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อย เจ้าตัวก็รู้สึกเครียดจนมีผลกระทบต่อลูกในครรภ์ ล่าสุดมีโอกาสได้เจอเพื่อนสนิทสาวเป้ย อย่าง “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” ผู้จัดละครเรื่อง “ระบำมาร” ที่หลังจากเกิดเรื่องราวสาวหนิงได้โพสต์ให้กำลังใจสาวเป้ยเป็นคนแรก ทั้งยังถูกหลายคนตั้งขอสันนิษฐานว่าเพื่อนสาวที่เป็นคนไปเคลียร์กับมือที่ 3 ให้นั้นจะอาจจะเป็นสาวหนิง ซึ่งสาวหนิงก็พูดถึงเพื่อนด้วยความเป็นห่วงว่า…

“ก็เพื่อนกัน บ้านก็อยู่ติดกันก็จะเจอหน้ากันตลอด จะมีแค่ช่วงเราไปต่างประเทศที่ไม่ได้เจอกัน ก็เป็นห่วงเขามากๆ หนิงยังไม่ได้เจอคุณป๊อป ได้เจอแต่คุณเป้ย เราคุยกันในมุมของเพื่อนที่คุยกัน ก็ได้แต่ส่งกำลังใจ ส่งความเป็นห่วง หนิงเชื่อว่าคนเราเวลาที่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา บุคคลที่เขาเกิดปัญหาเขาจะไม่ได้ต้องการอะไรมาก นอกจากกำลังใจ กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ”

“หนิงจะบอกเสมอว่าบางทีคนเราเวลาเกิดปัญหาขึ้นมาเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนที่อยู่ข้างนอก เราไม่รู้หรอกว่าเขาเจออะไรยังไงบ้าง ในมุมที่คุยกันหนิงเชื่ออย่างหนึ่งว่าเป้ยเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เวลาใครมีปัญหาอะไรในมุมที่เป็นเมียเป็นแม่ เป้ยจะพูดเสมอว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตคู่ครอบครัวคือสิ่งสำคัญ เป้ยพูดคำนี้ ฉะนั้นหนิงเชื่อว่าทุกสิ่งที่เขาทำเขาต้องพยุงครอบครัวเขาไปให้รอด ปัญหาหลายๆ อย่างต้องใช้เวลาในการเคลียร์ แต่ยังไงเขาก็เป็นคนที่ยึดมั่นในสถาบันครอบครัวมากๆ”

กับกรณีที่หลายคนมองว่าพอมีปัญหาสาว “เป้ย” ใช้เพื่อนเป็นเครื่องมือให้เพื่อนช่วยจัดการ พอถึงเวลาสุดท้ายดีกันเพื่อนเป็นหมาหัวเน่านั้น สาว “หนิง” ตอบตนยอมเป็นหมาได้หากทำให้ครอบครัวของเพื่อนกลับมามีความสุขกัน

“ทุกปัญหาเกิดขึ้นได้ตลอด ในส่วนของเราของความเป็นเพื่อน เขาคงไม่มีหัวสมองไปคิดอะไรซับซ้อน วางแผงการจะให้เพื่อนออกโรงอะไรยังไง หนิงว่าเขาไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นหรอก เพื่อนกันเวลามีปัญหาก็เล่าสู่กันฟังมากกว่า หน้าที่เพื่อนที่ดี สำคัญที่สุดเลยคือเมื่อเขามีปัญหา เขาต้องการกำลังใจ แล้วจะกำลังใจจากใคร ก็จากเพื่อนนี่แหละสำคัญที่สุด ถ้าคนเป็นเพื่อนยังไม่เข้าใจ นับประสาอะไรกับคนที่เขาอยู่วงห่างออกไป เขาจะไปเข้าใจอะไร”

“หนิงว่าอย่าไปมองว่าใช้เพื่อนหรือไม่ใช้เพื่อน หนิงว่าเวลาเพื่อนเกิดปัญหาสำคัญที่สุดคือกำลังใจ ถ้าเวลาเราให้กำลังใจกัน เราพร้อมจะช่วยเหลือกัน บางคนพูดว่าอย่าไปอะไรเลยเดี๋ยวถึงเวลาเราก็โฮ่ง เราก็เป็นหมา อันนี้ในมุมหนิงคนเดียวนะสมมติสุดท้ายถ้าเราต้องโฮ่ง ต้องเป็นหมาแต่เราทำให้เขาดีกันได้ หนิงก็จะทำนะ มันคือเพื่อน มันคือครอบครัว แล้วมันยังต่อไปจนถึงลูกถึงหลาน เยอะแยะมากมาย”

บอกแล้วแต่คนจะเชื่อ หลังจากโดนพุ่งเป้าสันนิษฐานว่าตนเป็นเพื่อนสาวที่คุยแชตไลน์กับมือที่ 3 ครอบครัว “เป้ย-ป๊อป”

“ถ้าจะให้หนิงพูดว่ามันไม่ใช่ คนจะเชื่อมั้ย อะไรก็แล้วแต่ถ้าคนคิดไปแล้วคนก็คิด จะให้หนิงไปบอกว่ายังไง ไม่ใช่ฉันนะ ให้หนิงออกมาร้องไห้ฉันไม่ได้ทำ มีคนอื่นอีกเยอะแยะ ก็จะต้องมีคำถามกลับมาอีกว่าแล้วหนิงรู้มั้ยว่าใครทำ ถ้าหนิงตอบว่าหนิงไม่รู้ จะมีคนเชื่อมั้ยล่ะว่าหนิงไม่รู้จริงๆ ตรงนี้แล้วแต่ใครจะคิดยังไง เอาเป็นว่าเรารับรู้แต่เราก็แล้วแต่เลยว่าใครจะคิดยังไง เราไม่พูดดีกว่า แล้วแต่คนจะมองคนจะเชื่อเลย คนรักเราเขาก็จะเชื่อว่าเราไม่ได้ทำ แต่ถ้าคนตั้งเป้าเป็นทุนเดิมว่าเรื่องเมียน้อยเมียหลวงต้องเป็นเราแน่นอน บางครั้งภาพความแรงของหนิงมันเกิดขึ้นจากข่าว ถ้าคนที่รู้จัก สนิทกับหนิงจริงๆ จะรู้ว่าหนิงไม่ได้แรงขนาดนั้น หนิงเป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน”

“เวลาที่เรารู้ว่าเพื่อนเรามีปัญหาสิ่งที่เราทำก็คือคุยกับเขา ทำอะไรอยู่ ตื่นรึยัง วันนี้โอเคมั้ย กินข้าวรึยัง หนิงจะไม่ไปถามอะไรที่ทำให้เขาต้องคิดมาก เขาอยากจะพูดอะไร เขาจะพูดจะเล่าเอง ถามว่าวันนี้หนิงรู้มั้ยว่าอะไรมันเกิดขึ้นยังไงบ้าง หนิงรู้ แต่จะให้หนิงมาพูดแทนเขาหนิงพูดแทนเขาไม่ได้ หน้าที่ที่ดีของเพื่อนคือให้กำลังใจ อยู่ข้างๆ คอยปลอบ เมื่อวานหนิงทำงานเสร็จก็เดินไปหาเขา แต่เขาไม่อยู่ เขาไปเดินในน้ำเพราะเขาท้องแข็ง เขายังมีภาวะท้องแข็งเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งมันเป็นภาวะของคนท้องอยู่แล้วด้วยส่วนหนึ่ง เป้ยเขาก็ดูแลตัวเอง เลยต้องไปออกกำลังกายในน้ำ เลยสวนทางกัน แล้วหนิงทำงานยาว เขาโทร.มาก็ไม่ได้รับ”

ลั่นสาว “เป้ย” สุดทนแล้วถึงได้โพสต์แชตไลน์ออกมา บอกเพื่อนสาวสตรองมากที่ยังออกมาเจอสื่อ ตอนตนขอหนีหน้าหายไป 3 เดือนเต็มกว่าจะพร้อมเจอผู้คน

“หนิงว่าน่าจะอย่างนั้นนะคะ เอาอย่างนี้นะ เราไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกข้างในเขาเป็นยังไง เราว่าเขาพยายามที่จะสตรอง แต่เอาว่าเป็นเรา ณ วันที่จะต้องออกงาน ของหนิง หนิงหนีการออกงานอยู่ 3 เดือนเลย เพราะหนิงไม่สตรองพอที่จะออกมาเจอคน หนิงหายจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ คนติดต่อหนิงไม่ได้ 3 เดือนเลยนะ ที่บอกไงว่าเขาเป็นคนที่ยึดมั่นใจสถาบันครอบครัว”

ไม่รู้ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” มีความรักรึเปล่า หลังโพสต์รูปหัวใจสีชมพู รับเบื่อตอบแทนเพื่อนทุกคน

“อันนี้หนิงไม่รู้จริงๆ นะ หนิงเห็นโพสต์แล้วหนิงยังไปคอมเมนต์หัวใจสีแดงเข้าไป แต่ความหมายลึกๆ หนิงไม่ทราบนะ จริงๆเลยนะ เอาว่าทุกวันนี้ชีวิต 12 ชั่วโมงในการที่แบบว่าละครระบำมารจะออกอากาศ หนิงอยู่ในห้องอัดทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนไหนจะทำหน้าที่ของแม่กับณิริน ทำหน้าที่เมีย ทำหน้าที่ลูกของแม่อีก คือมันหมดเวลาแล้วจริงๆ เพื่อนทุกคนยังพูดเลยว่าหนิงมันหายหัวไปไหน ก่อนหน้าหนิงจะไปเที่ยวอีก แต่ว่าไปเที่ยวหนิงแพลนไว้นานแล้ว เป็นช่วงที่ณิรินเปิดเทอมต้องไปด้วยกัน แล้วบวกกับว่าละครจะออนแล้ว ทุกคนก็ไม่รู้ หนิงไม่รู้เหมือนกัน แต่หนิงไม่ได้คิดอะไร เห็นอั้มโพสต์หัวใจสีชมพู หนิงโพสต์กลับไปหัวใจสีแดงแค่นั้น”

“เอาจริงๆ บางทีหนิงก็อึดอัดนะมีอะไรก็มาถามแต่หนิง ถามว่าเบื่อมั้ย พูดเลยเบื่อ คำถามคือสมมติหนิงไม่ตอบ หนิงอยากให้ประชาชนบางคนที่ด่าหนิงเข้าใจด้วยนะ ตัวหนิงเองไม่รู้ว่าทำไมทุกคนต้องมาถามหนิง แต่อยากให้เข้าใจหนิงด้วย ว่าหนิงจะตอบอะไรแต่ละทีหนิงเครียดนะ จะพูดอะไรแต่ละทีจะพูดอย่างไรไม่ให้กระทบกับใคร ไม่ให้ใครเสีย แต่บางเรื่องหนิงไม่รู้จริงๆ หนิงไม่จำเป็นที่ต้องรู้ทุกเรื่อง”

ปัดใช้เพื่อนเป็นเครื่องมือ ตั้ง #เมียหลวงยืน 1คอมเมนต์ให้กำลังใจสาว “เป้ย” หวังโปรโมตละคร “ระบำมาร” ที่ตัวเองเป็นผู้จัดไปในตัว

“อันนี้เป็นแฮชแท็กที่ถูกคิดและถูกเขียนก่อนมีเรื่อง คือว่าคำพูดนี้มันอยู่ในละครเรื่องระบำมารเนี่ยล่ะ ตั้งแต่แรกอยู่ เดี๋ยวนี้เวลาที่ทำละครมันจะมีแฮชแท็ก ก่อนหน้านี้มันมีแฮชแท็ก คือเมียหลวงยุค 4 จีต้องเร็วและแรง พอลงไปมีนักข่าวโทร.มาเลยจ๊ะ ถามหนิงว่าเกิดเรื่องหรือมีอะไรหรือเปล่า หนิงบอกว่าเปล่านะ หนิงกำลังหาแฮชแท็กให้กับละครแล้วพอสุดท้ายมันยาวไป จนมาตกผลึกที่เมียหลวงยืน 1 มันถูกเขียนก่อนมีเรื่องพักใหญ่ๆเลย”

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่หนิงโปรโมตละคร มันก็ดันเป็นจังหวะเดียวกัน บางคนก็จะมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าหนิงไทร์อิน ซึ่งเปล่านะ มันมีมาอยู่แล้ว และหนิงคิดว่าเมียหลวงยืน 1 น่าจะเป็นที่รู้จักในช่วงละครระบำมารออนด้วย แต่มันดันมาก่อนไง กับเรื่องของเพื่อนนะ หนิงว่ามัยไม่ดีหรอกไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรบนโลกใบนี้ที่เกี่ยวกับสภาวะของครอบครัว ในฐานะของคนที่เคยมีปัญหามาก่อน บอกเลยว่ามันเจ็บปวด ทุกข์ทรมานมาก แต่เราอาจจะโชคดีที่เราผ่านมาได้”

โอดชื่อตนหนีไม่พ้นละครเมียหลวงเมียน้อย รับกดดันคนคาดหวังทำละคร “ระบำมาร” ต้องแซบ

“คนจะพุ่งเป้าละครของหนิงเป็นเรื่องเมียน้อยมีหลวง แต่จริงๆ แก่นของละคร คือตัวนางเอกมาแก้แค้น มันเป็นละคร คล้ายกับสืบสวนสอบสวนเบาๆ นางเอกต้องมาสืบเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง เพื่อแก้แค้น แต่ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ชายที่มากเมีย มีเมียถึงสามคน หนิงว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ถามว่าใช่ทางมั้ยมันก็มีประสบการณ์ในแง่ของรายละเอียดตัวละคร ถ้าบทมันมาประมาณนี้ แนวคิดของตัวละครนี้จะเป็นแบบไหน ในฐานะผู้มีประสบการณ์แต่หนิงคิดว่า มันน่าจะเป็นความบังเอิญมากกว่า แต่หนิงฟินนะ สนุกในแง่ของการทำงาน พี่นีโน่ขาก็คุยกับหนิงเหมือนกันว่าเขาอยากทำแนวสนุกสนานสไตล์เขา หนิงก็บอกว่าทำถ้าได้โอกาสจากช่องเราก็ถามเราทำอะไรก็ได้ที่ช่องให้เราทำ”

“นี่คือสิ่งที่หนิงกดดันและด้วยกระแสนะตอนนี้คนก็คาดหวังว่ามันจะเป็นละครเมียน้อยเมียหลวง ละครหนิงมันแซบ คือหนิงตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด แต่ความคาดหวังของคนมันก็ย้อนมาทำให้เรากดดันเพราะความแซบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก เวลาที่หนิงทำละครโทร.ไปหาเจ้าของบทประพันธ์ นั้นคือคุณป้ากฤษณาท่านบอกท่านเป็นแฟนละครพริ้งฯ คุณป้าฝากเอาไว้ว่าเวลาทำละคร ทำก่อนให้มันได้ แซบได้ สะใจคนดูได้ แต่อย่าลืมให้ให้อะไรกับคนดูและสังคมคุณป้าบอกดีใจที่เราได้ทำคุณป้าชอบพริ้งฯ ในเวอร์ชั่นที่เราทำ ท่านบอกว่าอยากให้เรื่องนี้เหมือนกับเรื่องพริ้งฯ เราก็บอกว่าแต่เรื่องนี้หนิงของปรับบทนิดหน่อย ในเรื่องของการส่งจดหมายและอื่นๆ อีก ที่ไม่เข้ากับยุคนี้ ท่านบอกว่าทำเลย”

ดีใจนักแสดงที่มาร่วมงานยอมลดค่าตัวให้เพื่อให้ละคร “ระบำมาร” ที่ตนทำหวังให้ตนได้กำไรบ้าง ฟุ้งการเป็นผู้จัดละครเป็นความฝันมาตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือ

“บอกเลยว่าตัวนักแสดงหลักในละครเรื่องนี้ของหนิงทุกคนยอมลดค่าตัวให้หนิง อันนี้ต้องกราบขอบคุณทุกคนจริงๆ เพราะทุกคนค่าตัวมหาศาล แต่เรื่องนี้หนิงก็ไม่เหลืออะไรจริงๆ ละครเรื่องนี้เป็นละครที่หนิงตั้งใจมาก มันเป็นความฝันของหนิงที่อยากเป็นผู้จัดมาตั้งแต่เด็กเด็กตั้งแต่ตอนเรียนนิเทศฯ ไม่ได้เคยอยากเป็นดารา แต่ได้เป็นดาราก่อนจนมาถึงวันนี้ได้ทำงานซึ่งละครหนึ่งเรื่องที่เราทำออกมาก็เหมือนเรียนจบได้รับปริญญาใบหนึ่งมันค่อยๆ สะสมประสบการณ์เรื่องนี้ เรายอมรับทุกคำติชม มาปรับปรุง เราตั้งใจกับเรื่องนี้มากเสียจนเราถามตัวเองว่าเราเครียดมากเกินไปรึเปล่าแต่มันคือสิ่งที่เราตั้งใจมากและอยากให้คนดูมีความสุขกับงานที่เราทำ”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0