โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

“หงส์แดง” เสียสถิติกับเกมที่ควร “จบง่ายๆ”

Soccersuck

เผยแพร่ 11 ก.ค. 2563 เวลา 16.39 น. • Soccersuck

ถ้าให้พรรณนาเป็นหนังจีนกับการล่องยุทธจักรของ ลิเวอร์พูล ก็คงไม่ต่างอะไรกับเดินทางข้ามภูเขานับ 10 ลูก ผ่านศัตรูมาตลอดทางอย่างโชกโชน
แต่จู่ๆมาธาตุไฟเข้าแทรกเลือดกลบปากเพียงเพราะถูกยุงกัดเป็นไข้มาเลเลีย!!
การเสมอ เบิร์นลีย์ แบบน่าจะปิดเกมได้ตั้งแต่ครึ่งแรกทำให้ “หงส์แดง” พลาดสถิติชนะในบ้านทุกนัดและหยุดตัวเลขชนะรวดใน แอนฟิลด์ ไว้ที่ 24 นัด
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ไม่ต้องใครเลยครับ นิค โป๊ป ผู้รักษาประตูทีมเยือนที่วันนี้เซฟลูกควรเข้าหากเป็นวันอื่นไม่ต่ำกว่า 3-4 หน ปฏิกริยาไวและอ่านทางบอลเก่งมาก ที่เหลือก็เป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ยิงเบา ยิงแป๊กพลาดกันไปเอง
สถิติล่อเป้ายิง 23 หนเข้ากรอบ 9 และเป็นประตูลูกเดียวแสดงให้เห็นถึงความป้อแป้ไม่เด็ดขาดและทำให้ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ ที่มีโอกาสยิงแค่ 6 เข้ากรอบ 2 เปลี่ยนเป็นประตูสำคัญได้
เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงลูกเข้าข้อของ “กรีนวู้ด” ขึ้นมาจับใจจริงๆครับ!!
เอาจริงๆเกมนี้ ลิเวอร์พูล น่าจะแพ้คาบ้านด้วยซ้ำจากการที่ทุกคนดันสูงจะเอาประตูชัยจนทีมเยือนได้ขึงอยู่พักนึงและยิงชนคานจนสะท้านไปถึงตาตุ่ม
แรงจูงใจในการทำสถิติชนะทุกนัดในบ้านของนักเตะ “หงส์แดง” ผมว่ามันก็มีนะแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการได้แชมป์ตั้งแต่ไก่โห่มันก็ดึงให้ความจริงจังลดลงไม่มากก็น้อย
เราจึงได้เห็นนักเตะที่ฝืนยิงฝืนเล่นในหลายๆจังหวะทั้งๆที่เพื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าทั้ง มาเน่ ที่วันนี้เหมือนแกมาเล่นแบบชิวๆชมนกชมไม้ ส่วน โม ซาลาห์ ก็ฝืนยิงทุกๆจังหวะแม้กระทั่งเท้าข้างไม่ถนัด
แต่ที่ไม่เกี่ยวกับผลเสมอวันนี้โดยตรงแต่ก็ชวนหงุดหงิดเหมือนเป็นที่ระบายของแฟนบอลก็คงไม่พ้น โจ โกเมส ที่ครั้งนึงเหมือนจะปักหลักเป็นนักเตะในระดับ top ได้แต่ท้ายที่สุดยิ่งดูเราเห็นได้เลยว่าขาดศักยภาพที่ว่าคือความนิ่ง(หยาบๆหน่อยก็คือล่กนั่นเอง) เป็นแบบนี้เรื่อยๆจะกลายเป็นมาตรฐานของตัวเองและลงเอยด้วยการเป็นผู้เล่นดาดๆคนนึง
เราได้เห็นการเสียบอลแบบไม่น่าเสียของ “โกเหม่อ” ทั้งๆที่ทีมกำลังตั้งเกมนวดอย่างหนักจนเสียฟาวล์ถูกเผาเวลาไปแบบไม่สมควร
ในขณะที่ประเด็นที่ชาวเน็ตพูดถึงกันจังหวะที่ โรเบิร์ตสัน โดนเตะหัวทิ่มในเขตโทษแต่ก็เป็นอีกครั้งที่หลายคนตั้งคำถามว่าเราควรเรียกดู VAR ตอนไหนหรืออยากเรียกตอนไหนเดี๋ยวกูเรียกเอง?
ผมถึงบอกไงครับว่าทีมงานของ พรีเมียร์ลีก ควรต้องพัฒนาตัวเองให้ทันด้วยหากคิดจะใช้เทคโนโลยี มีปัญหาอยู่ลีกเดียวจริงๆครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นประเด็นพวกนี้อาจจะเบาบางจนไม่น่าถูกพูดถึงด้วยซ้ำหากการจบสกอร์ของแข้ง “หงส์แดง” เด็ดขาดมากกว่านี้
ผมขอพูดถึงเรื่องการจัด 11 ตัวจริงของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในเกมนี้น่าสนใจตรงที่ส่งทั้ง เนโก้ วิลเลี่ยมส์ และ เคอร์ติส โจนส์ ลงตั้งแต่ต้นเกม
ในรายเจ้าหนู เนโก้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจิตวิทยาหรือไม่เพราะนัดที่พบ ไบรจ์ตัน ถูกโยกไปเล่นแบ็คซ้ายและถูกเปลี่ยนตัวออก (เนื่องจากติดใบเหลือง)
ฟอร์มโดยรวมในเกมนั้นก็เจอเผาเครื่องหลุดตำแหน่งไปหลายหนซึ่งมองกันจริงๆการถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่พักครึ่งอาจทำให้เด็กขวัญเสียเล็กๆ
เกมนี้ JK เลยเรียกความมั่นใจด้วยการดร็อป เทรนต์ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหนู เวลส์ วัย 19 ปีไปเล่นในตำแหน่งแจ้งเกิด
แน่นอนครับการเลี้ยงๆแล้วเปิดด้วยขวาหรือเล่นด้วยขวาทันทีทำให้เจ้าตัวไม่ต้องล็อกเยอะเหมือนเกมกับ ไบรจ์ตัน
และเป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นศักยภาพการวางบอลยาวข้ามฝากที่เกินเด็กเหมือน copy รุ่นพี่อย่าง TAA มาทั้งกระบิ ที่เหลือเหมือนที่ผมเคยบอกไว้ครับในเรื่องประสบการณ์ จังหวะการเข้าบอล
ในส่วนของ โจนส์ ที่ยิงประตูในเกมชนะ แอสตัน วิลล่า ได้เล่นร่วมกับรุ่นพี่อย่าง ฟาบินโญ่ และ ไวจนัลดุม
ผมเคยพูดถึงเจ้าหนูวัย 19 ปีเจ้าของความสูง 185 ซม. เอาไว้ตั้งแต่ปีสองปีก่อนว่าต้องปรับสไตล์การเล่นโดยด่วนเพราะเหมือนเจ้าตัวจะติดการคลึงบอลแบบ “ฟุตซอล”
เล่นบอลหลายจังหวะ ก่อนส่งต้องม้วนต้องคลึงทำให้จังหวะบอลเสีย มันไม่ใช่แนวทางของการเล่นบอลสนามใหญ่
มาวันนี้ถือว่าเล่นบอลจังหวะเดียว ออกบอลง่ายและมีความเข้าใจในเกมพอสมควรแต่ยังเสียบอลง่ายไปในหลายๆครั้งโดยเฉพาะตอนสวนกลับแล้วน้องได้บอลลากทะลุตรงกลางแต่เก็บบอลพาบอลไปเองนานเกินไปจนถูกตัด
เป็นเรื่องปกติครับ พวกเราแฟนบอลมักรู้สึก “ตื่นเต้น” และ “รอดู” ในทุกๆครั้งที่มีชื่อของนักเตะใหม่ หรือ ดาวรุ่ง ลงสนามแต่การส่งเด็กลงเล่นเร็วเกินไปก็อันตรายครับเพราะถ้าเล่นไม่ออก ด้วยสภาพจิตใจการรับมือกับความผิดหวังที่ยังไม่โตอาจจะมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ท้อใจ การทำให้การพัฒนาฝีเท้าชะงักและดีไม่ดีอาจเป๋ยาวไปเลย
เหมือนเจ้าหนู เบน วู้ดเบิร์น ที่เหมือนจะมาก่อนใครเพื่อน ถูกตั้งความหวังเอาไว้เยอะ ถูกส่งลงเล่นบอลถ้วยแล้วเคยประเดิมตัวจริงในลีกด้วยซึ่งตอนนั้น “หงส์แดง” มีตัวผู้เล่นเจ็บหรือโปรแกรมถี่ยังไงนี่แหละ สุดท้ายเล่นแล้วออกทะเลเพราะดันมีหน้าเป้าเป็น โอริกี้ (ฮา) ก็เลยยิ่งพัง จนถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งและก็หลุดยาวหายไปเลย
สำหรับ “แรงจูงใจ” ที่เหลืออยู่คือการทำทะลุ 100 แต้มซึ่งตอนนี้ต้องเอาชนะทั้ง 3 นัดที่เหลือทั้งหมด
แต่ถ้าจะมาถามตอนนี้คุยตอนนี้หลังจบเกมกับ เบิร์นลีย์ สดๆร้อนๆพวก เดอะ ค็อป คงไม่คาดหวังอะไรอีกแล้วล่ะครับ…

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0