“สุชาติ” ตัดสิทธิ์เด็กเพื่อไทย ลุกประท้วงถูกพาดพิง “จิรายุ” ติงฝ่ายรัฐบาลพูดเท็จกลางสภาฯ แต่ฝ่ายค้านไม่มีสิทธิ์ชี้แจง ขณะที่ “ครูมานิตย์” วอนอย่ายุบโรงเรียนขนาดเล็กตามชนบท ชี้การลงทุนกับต้นกล้าการศึกษา ไม่มีคำว่า “ขาดทุน”
เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอเรียกร้องให้ยกเลิกผลพวงของมาตรา 44 โดยให้คืนสำนักงานเขตการศึกษา เพราะคำสั่งดังกล่าวได้ยกเลิกผู้แทนครูแล้วตั้งผู้แทนระดับจังหวัดเข้าไปจำนวน ทำให้การทำงานเกิดการขบเหลี่ยมขัดแข้งขัดขา เป็นเหตุให้การจัดการศึกษามีปัญหาอย่างมาก ดังนั้น ควรจัดการศึกษาแบบกระจายอำนาจเหมือนเดิมดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาล และรมว.ศึกษาธิการ อย่าเพิ่งยุบโรงเรียนขนาดเล็กตามชนบท เนื่องจากเหตุผลว่ามีจำนวนนักเรียนน้อย ขอให้ท่านดูให้ดีก่อน เพราะขณะนี้ชาวบ้านก็ไม่เชื่อว่าโรงเรียนขนาดใหญ่จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะตัวเลขการสอบโอเน็ต-เอเน็ต ฟ้องว่าเด็กโรงเรียนขนาดเล็กมีศักยภาพมากกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่ จึงขอให้รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาย่างรอบคอบ อย่าให้เป็นรัฐมนตรีในประวัติศาสตร์ที่ยุบโรงเรียนมากที่สุดในประเทศไทย
นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนอยากฝากว่า การลงทุนกับต้นกล้าการศึกษาไม่ต้องเสียดาย ไม่มีคำว่าขาดทุน แต่ตอนนี้งบที่ตั้งไว้เพื่อการศึกษาน้อยไป ถ้าคนไม่มีความรู้อย่าว่าแต่งบ 3.2 ล้านล้านบาท ต่อให้ตั้งงบเป็น 10 ล้านล้านลาท ก็บริหารประเทศได้ไม่ดี เพราะเราขาดทรัพยากรอันทรงคุณค่าคือมนุษย์ สิ่งเหล่านี้เป็นเศรษกิจที่สร้างขึ้นมาแล้วถาวรชาติจะยิ่งใหญ่ถ้าเด็กในประเทศมีการพัฒนาที่ดี
อย่างไรก็ตาม นายสุชาติ ไม่อนุญาตให้นายจิรายุ ใช้สิทธิ์พาดพิง โดยระบุว่า นายจิรายุ ต้องระบุให้ชัดว่าถูกพาดพิงในประเด็นใด นายจิรายุ จึงตอบโต้ว่า ทำไมฝ่ายรัฐบาลพูดเท็จกลางสภาฯ ได้ แต่พวกตนฝ่ายค้านกลับไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้แจง ทำให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงนายสุชาติว่า ต้องให้นายจิรายุ นั่งลง และเคารพคำตัดสินของประธานในที่ประชุม นายสุชาติ จึงวินิจฉัยว่า รัฐมนตรีเป็นฝ่ายที่เสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ประเด็นใดที่สมาชิกแสดงความเห็น รัฐมนตรีก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจงได้ ซึ่งกรณีของนายจิรายุ ไม่ทราบว่าจะชี้แจงประเด็นใด ก่อนที่จะตัดบทให้สมาชิกท่านอื่นได้อภิปรายต่อไป
ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิง นาย สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม จึงสอบถามว่า ไม่ทราบว่าจะใช้สิทธิ์พาดพิงในประเด็นใด และผิดข้อบังคับข้อไหน โดยนายจิรายุ กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะจะปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลพูดแต่เรื่องเก่าๆ ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นายสุชาติ ไม่อนุญาตให้นายจิรายุ ใช้สิทธิ์พาดพิง โดยระบุว่า นายจิรายุ ต้องระบุให้ชัดว่าถูกพาดพิงในประเด็นใด นายจิรายุ จึงตอบโต้ว่า ทำไมฝ่ายรัฐบาลพูดเท็จกลางสภาฯ ได้ แต่พวกตนฝ่ายค้านกลับไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้แจง ทำให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงนายสุชาติว่า ต้องให้นายจิรายุ นั่งลง และเคารพคำตัดสินของประธานในที่ประชุม นายสุชาติ จึงวินิจฉัยว่า รัฐมนตรีเป็นฝ่ายที่เสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ประเด็นใดที่สมาชิกแสดงความเห็น รัฐมนตรีก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจงได้ ซึ่งกรณีของนายจิรายุ ไม่ทราบว่าจะชี้แจงประเด็นใด ก่อนที่จะตัดบทให้สมาชิกท่านอื่นได้อภิปรายต่อไป