นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ส.ส. พรรคพลังประชารัฐจังหวัดสงขลา ,จังหวัดภูเก็ต และ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยจังหวัดกระบี่ รวม 8 คน และคณะลงพื้นที่ ตรวจสอบโครงการก่อสร้าง อาคารชุดพักอาศัย แห่งหนึ่ง ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและผู้ประกอบการบริเวณหาดกะตะน้อย จ.ภูเก็ต ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย ทั้งเรื่องของการออกใบอนุญาตก่อสร้างและเรื่องของการออกโฉนดที่ดิน โดยศาลปกครองนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองประโยชน์ (น.ส.3ก.)และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์
โดยนายสิระ ได้พูดคุยกับชาวบ้านและผู้ประกอบการที่มารวมตัวกันยื่นหนังสือร้องเรียนโดยมีนายเชิดชัย วงศ์เสรี เป็นตัวแทนยื่นหนังสือในครั้งนี้ โดยระบุว่า เอกสารที่ยื่นในครั้งนี้เป็นเอกสารที่มีการรวบรวมจากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับออกเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังว่าออกมาได้อย่างไร มีการเขียนการออกเอกสารสิทธิวันเดียวเสร็จซึ่งเรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร หลังจากนั้นโอนต่อไปสู่มือที่ 3 อย่างรวดเร็ว การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้แปลกประหลาดมากไม่มีกำนัน – ผู้ใหญ่บ้านเซ็นชื่อรับรอง ไม่มีการปิดประกาศที่อำเภอ บ้านผู้ใหญ่บ้านทั้งๆที่ความเป็นจริงจะต้องมีการปิดประกาศอย่างน้อย 30 วัน มีการเบิก น.ส. 3 ก มาเขียนวันเดียวเสร็จ เบิกวันนั้นเขียนวันนั้น รวมทั้งข้อมูลการออกใบอนุญาตการก่อสร้าง ที่ดินแปลงนี้ถ้าทวงคืนกลับมาได้ก็จะกลายเป็นสมบัติของชาติ
อย่างไรก็ตามหลังนายสิระ ได้เดินทางไปดูโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง พบว่า ทางโครงการยังคงเดินหน้าก่อสร้างต่อไป โดยมี แบคโฮ กำลังขุดปรับหน้าดิน พร้อมเปิดเผยว่า ในการออกเอกสารสิทธิ นส.3 ก.เชื่อว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน และมีการดำเนินการเป็นขบวนการซึ่งจะเห็นว่าเมื่อออกเอกสิทธิ์เสร็จในวันรุ่งขึ้นก็มีการซื้อขายกันทันที ถ้าไม่เตรียมการจะเอาเงินที่ไหนจำนวนมากๆมาซื้อขายกันได้ หลังจากนั้นอีก 1 วันก็ขายต่อให้กับ อดีตบิ๊กตำรวจและหลังจากนี้ตนจะเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้มีคำสั่งระงับการก่อสร้างโครงการ ทันที รวมถึงจะต้องมีการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างด้วย โดยให้ตรวจสอบการออกใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ หากตรวจสอบว่าไม่ถูกต้องก็จะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ในเบื้องต้นขอให้ผู้ว่ามีคำสั่งให้นายกเทศมนตรีตำบลกะรนหยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างโปร่งใสหากไม่มีความผิดก็ให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ใหม่และถ้าในระดับจังหวัดไม่สามารถตรวจและดำเนินการนี้ได้สำเร็จ ก็จะนำเข้าสู่สภาเพื่อตั้งกะทู้ถาม ให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงในเรื่องนี้ และตนจะไปยื่นเรื่องกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่คดีพิเศษ และขอกรมคุ้มครองสิทธิ์ให้การคุ้มครองตนเนื่องจากหลังจากที่เข้ามาทำเรื่องนี้ก็ถูกข่มขู่มาว่า ถ้าไม่หยุดตนก็จะกลายเป็นศพที่ 3
