โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“สิงห์เอสเตท” ประกาศเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” เตรียมทุ่ม 8.5 หมื่นล้านขยายธุรกิจ

MATICHON ONLINE

อัพเดต 21 พ.ย. 2561 เวลา 14.48 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2561 เวลา 14.48 น.
นายนริศ เชยกลิ่น

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทว่า จะชูยุทธศาสตร์มุ่งสู่การเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” โดยกลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย
1.มุ่งมั่นในการเป็น Global Holding Company ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล มุ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพภายใต้แบรนด์ระดับพรีเมี่ยม กระจายการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลก ภายใต้กลยุทธ์ Smart M&A ซึ่งปัจจัยสำคัญคือความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท ที่เอื้อให้สามารถรองรับโอกาสทางการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทฯ วางแผนระดมทุนระยะยาว ผ่านการตั้งกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การทำ credit rating เพื่อการออกหุ้นกู้ ตลอดจนการเป็นหุ้นยั่งยืน (Sustainability Investment Stock) นอกจากนี้บริษัทฯวางแผนยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการในต่างประเทศ (Management Capability Enhancement) โดยโครงการสำคัญที่จะเปิดในปี 2019 คือโครงการ CROSSROADS ที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์

นายนริศกล่าวว่า 2. เพื่อตอกย้ำจุดยืนของการเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” โดยสร้างแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” ให้เป็นแบรนด์ชั้นนำและน่าเชื่อถือ สะท้อนเอกลักษณ์ที่ประณีตและคุณภาพระดับพรีเมี่ยม มีมาตรฐานระดับสากล บริษัทฯ พัฒนาแบรนด์ สิงห์ เอสเตท บนพื้นฐานของความเข้าใจในธรรมชาติของการใช้ชีวิต (Human Bonding) มุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจ สร้างอนาคตที่ดีสำหรับคนรุ่นต่อไป (Better world for next generation) มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ผ่านการบริการที่พิถีพิถัน (Human touch service) และการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการชีวิต SMART Human Technology นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาบนพื้นฐาน Good Corporate Citizenship สู่การเป็นแบรนด์ที่ยั่งยืนในระดับโลก (Global SD Brand) เพื่อสร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนให้กับพันธมิตรทางธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

3.ปรับองค์กรให้มีความพร้อมในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยสร้างองค์กรที่มีความคล่องตัว ทั้งในด้านธุรกิจ พอร์ทโฟลิโอ และการดำเนินการ ซึ่งทุกกลุ่มธุรกิจล้วนมีโอกาสทางธุรกิจที่จะพัฒนาต่อเนื่องจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ เช่น การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ( Value Enhancement) นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสินทรัพย์ประเภทใหม่ ธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูงในระยะยาว

4.ด้วยหลักปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ บริษัทฯ ได้นำแนวคิดเรื่องความสมดุลของการอยู่ร่วมกัน (Harmonious Co-Existence) และการสร้างองค์ความรู้ (Body of Knowledge) มาใช้ผ่านกิจกรรมหลายอย่างในหลายปีที่ผ่านมา อาทิ เช่น โครงการ “โตไวไว” ที่สร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติ บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะช่วยชุมชนให้มีความยั่งยืนในตัวเอง (Self-sustained Communities) ผ่านการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน (Social Enterprise) และทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านความยั่งยืนในระดับสากล นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกดัชนี Dow Jones Sustainability Indices: DJSI

“ผมมั่นใจที่จะนำบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าและบรรลุเป้าหมายใหม่ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ซึ่งเราได้เตรียมงบลงทุน 8.5 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับบริษัทอีกด้วย”นายนริศกล่าว

นายนริศ กล่าวว่า ในปี 2019 จะเป็นปีที่บริษัทฯจะทยอยรับรู้รายได้จากการโอนโครงการที่พักอาศัยที่ทยอยสร้างเสร็จ ได้แก่ ดิ เอส อโศก, ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส, บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ รวมทั้งการรับรู้รายได้เต็มปี จากอาคารสำนักงานสิงห์ คอมเพล็กซ์,โรงแรม Outrigger 6 โรงแรม และเริ่มรับรู้รายได้จาก โครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ทำให้ภาพรวมในปี 2019 จะเป็นปีที่บริษัทฯจะมีการเติบโตในระดับสูงและมีความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อความพร้อมในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ขณะที่แผนงานของปี 2019 บริษัทยังคงวางแผนลงทุนในคอนโดมีเนียมอีกอย่างน้อย 1 โครงการ ขณะที่ธุรกิจสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก คาดว่าจะได้เริ่มก่อสร้างและเปิดตัวอีก 1 โครงการติดกับอาคารซันทาวเวอร์ส บริเวณถนนวิภาวดี-รังสิต

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0