โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“สงครามโลก-อาวุธนุก” ในทรรศนะ“คนเจนวาย”

สยามรัฐ

อัพเดต 26 ม.ค. 2563 เวลา 23.00 น. • เผยแพร่ 26 ม.ค. 2563 เวลา 23.00 น. • สยามรัฐออนไลน์
“สงครามโลก-อาวุธนุก” ในทรรศนะ“คนเจนวาย”

หากเอ่ยถึง “คนเจนวาย (Gen Y : Generation Y)” ซึ่งเป็นชื่อย่อของกลุ่มคนยุค “มิลเลเนียลส์ (Millennials)” ก็คือ กลุ่มคน หรือประชากร ที่เกิดในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1980 – 1997 (พ.ศ. 2523 – 2540) ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิตอล เทคโนโลยีพกพา รักความสะดวกสบาย ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟูเติบโต ที่ถึง ณ เวลานี้ กลุ่มคนเหล่านี้ ก็เป็นคนวัยทำงาน ถือเป็นกลุ่มคนที่เป็นกำลังสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกเราให้เดินหน้าไป

และก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายของบรรดาสำนักโพลล์ สำรวจความคิดเห็นทั้งหลาย ให้มาสอบถามเพื่อทราบถึงความเป็นไป และทิศทางด้านต่างๆ

ไม่เว้นแม้กระทั่งทิศทางของสงคราม ความรุนแรง ความขัดแย้งต่างๆ ที่จะบังเกิดมีในอนาคตด้วยว่า กลุ่มคนเจนวายยุคมิลเลนเนียลส์พวกนี้ มีทรรศนะคิดเห็นกันอย่างไร?

ล่าสุด ทาง “คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “กาชาดสากล” หรือ “ไอซีอาร์ซี (ICRC : International Committee of the Red Cross)” ร่วมกับ “อิปซอส (Ipsos)” สำนักงานในสวิตเซอร์แลนด์ ได้สำรวจความคิดเห็นกลุ่มประชากรคนเจนวาย หรือมิลเลนเนียลส์ จำนวน 16,000 คน ใน 16 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม ที่มีการสู้รบ และประเทศที่ยังอยู่ในสภาวะสงบ เพื่อสอบถามถึงกรณีสงครามและการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ตลอดจนความรุนแรง ความขัดแย้งต่างๆ ที่จะบังเกิดในอนาคต รวมถึงแนวทางการจัดการในพื้นที่ที่มีการสู้รบ มีความรุนแรงต่างๆ

นอกจากนี้ ก็ยังมีการสอบถามถึงทรรศนะของพวกเขาที่มีต่อปัญหาต่างๆ ที่เป็น “ประเด็นร้อน - ฮอท อิสชู (Hot Issue)” ที่บังเกิดขึ้นบนโลกบูดๆ เบี้ยวๆ ใบนี้

ผลการสำรวจความคิดเห็น ปรากฏว่า ประชากรส่วนใหญ่ของคนยุคมิลเลนเนียลส์ ได้แสดงความวิตกกังวล ต่อปัญหาความขัดแย้ง และความรุนแรง ที่อาจบานปลายกลายเป็นสงครามเกิดขึ้น

แถมมิหนำซ้ำ ก็มิใช่เป็นระดับสงครามธรรมดาๆ แต่อาจเป็นถึง “สงครามโลก” เลยทีเดียว

โดยมีตัวเลขคิดเป็นถึงร้อยละ 47 หรือเกือบครึ่งหนึ่ง ของกลุ่มตัวอย่าง ที่ตอบแบบสอบถามว่า มีโอกาสเป็นไปได้มากว่า อาจได้เห็น “สงครามโลกครั้งที่ 3” ในชีวิตของพวกเขา

อย่างไรก็ดี กลุ่มคนเจนวาย ก็ยังมีมุมมองในแง่ดีว่า บรรดาสงครามต่างๆ รวมถึงสงครามโลกที่จะเกิดขึ้นครั้งใหม่ สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้ โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีความคิดเช่นนี้มีจำนวนถึงร้อยละ 74

กลุ่มคนเจนวาย ยังได้คิดเผื่อว่า แล้วถ้าหากสถานการณ์หลีกเลี่ยงไม่ได้หล่ะจะทำอย่างไร ปรากฏว่า ร้อยละ 75 ตอบว่า ก็ให้จำกัดรูปแบบและวิธีการสู้รบ เพื่อลดการสูญเสียให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่พลเรือน ให้หลีกเลี่ยงการสูญเสียมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โดยในประเด็นลักษณะทำนองนี้ ทางกลุ่มคนเจนวาย ยังแนะนำด้วยว่า ถ้าหากหลีกเลี่ยงที่จะปะทะระหว่างกันไม่ได้จริงๆ ก็ให้ใช้ “อากาศยานไร้คนขับ” หรือ “โดรน” ตลอดจน หุ่นยนต์ โรบอต ต่างๆ ที่มีระบบการคำนวณที่แม่นยำมาใช้ในการสู้รบ เพื่อลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน โดยมีจำนวนร้อยละ 36 ที่สนับสนุนแนวคิดนี้

พร้อมกันนี้ ทางกลุ่มประชากรยุคเจนวาย ยังได้วิตกกังวลต่อการใช้อาวุธนิวเคลียร์ว่า อาจจะถูกนำมาใช้เป็นอาวุธมหาประลัย ใช้ประหัตถ์ประหารกันด้วยในช่วงทศวรรษหน้า หรือ 10 ปีข้างหน้า โดยผู้ที่คิดเห็นเช่นนี้ มีจำนวนถึงร้อยละ 54 อย่างไรก็ตาม ถ้าหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ ทางกลุ่มคนเจนวาย ก็เห็นดีด้วย โดยมีผู้คิดเห็นต่อต้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์มามาทำลายล้างกัน คิดเป็นถึงร้อยละ 84

ส่วนกรณีการจัดการด้านการเยียวยาเป็นประการต่างๆ แก่เหยื่อของความขัดแย้ง ทางกลุ่มคนเจนวาย ถึงร้อยละ 73 เห็นว่า การเยียวยาด้านอาหาร จิตใจ และการให้ที่พักพิง แก่เหยื่อพวกนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากๆ

ทางด้าน การทรมานต่อศัตรูคู่สงคราม ความขัดแย้งต่างๆ ทางกลุ่มคนเจนวายถึงร้อยละ 55 เห็นว่า เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ โดยเฉพาะกลุ่มตัวอย่างที่มาจากซีเรียและโคลอมเบีย มีจำนวนถึงร้อยละ 71 ทีเดียว ที่ไม่เห็นด้วยต่อการทรมานข้างต้น

ต่อกรณีของสนธิสัญญาเจนีวา ที่บรรดาประเทศต่างๆ ลงนามรับรองกันไว้เมื่อ 70 ปีก่อน ในอันที่จะวางกรอบกฎเกณฑ์เรื่องการทำสงคราม ปรากฏว่า กลุ่มคนเจนวายร้อยละ 75 เห็นว่า ควรที่จะดำเนินการในอันที่จะจำกัดรูปแบบการทำสงครามให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

นอกจากเรื่องสงครามและการใช้อาวุธนิวเคลียร์แล้ว ในประเด็นปัญหาอื่นๆ ที่ทางกลุ่มคนเจนวาย แสดงทรรศนะวิตกกังวลกันอย่างมากๆ ก็มีได้แก่ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน มีจำนวนร้อยละ 54 ปัญหาการว่างงานมีจำนวนร้อยละ 52 ปัญหาความยากจนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จำนวนร้อยละ 47 ปัญหาการก่อการร้าย ร้อยละ 47 และปัญหาความขัดแย้งจนนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกัน จำนวนร้อยละ 45

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0