โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“ศรีสุวรรณ”แนะยึดคืนสัมปทานรถเมล์

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 21 เม.ย. 2562 เวลา 04.01 น.

“ศรีสุวรรณ” เกาะติดปรับค่าโดยสารรถเมล์หลังยื่นร้องศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองกรณีปรับค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะเผย22 เม.ย.ศาลนัดไต่สวนย้ำชัดไม่มีเหตุปรับเพิ่มเพราะจะเพิ่มภาระให้ประชาชนพร้อมแนะยึดคืนสัมปทานรถเมล์เอกชนเพื่อนำมาปฏิรูปใหม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ภายหลังยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางถนนแจ้งวัฒนะเมื่อวันที่19 เม.ย.ที่ผ่านมาเพื่อขอให้ศาลไต่สวนเพื่อคุ้มครองชั่วคราวเป็นการฉุกเฉินและขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนหรือระงับการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ทั้งระบบตั้งแต่วันที่22 เม.ย.ว่าศาลได้นัดไต่สวนในวันที่22 เม.ย.นี้ทันที

ทั้งนี้เพราะเห็นว่ามติคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางเมื่อวันที่14  ธ.ค.2561 ยังไม่เห็นว่าจะมีมูลเหตุใดให้ต้องมีการปรับเพิ่มค่าโดยสารรถเมล์ขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซยังไม่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดยกเว้นหากราคาปรับเกิน30 บาทต่อลิตรจึงจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้โดยในช่วงดังกล่าวพบว่าราคาอยู่ในระดับ26-28 บาทต่อลิตรเท่านั้น

“การปรับเพิ่มค่าโดยสารรถเมล์จะเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งๆที่เศรษฐกิจไม่ดีขึ้นประการสำคัญหากค่าโดยสารรถเมล์ปรับเพิ่มขึ้นแน่นอนว่าราคาอื่นจะขอปรับเพิ่มขึ้นตามมาอีกอย่างแน่นอน  คนกรุงที่มีรายได้น้อยไม่ขับรถยนต์ออกไปทำงานจะเดือดร้อนรัฐควรช่วยประชาชนด้วยการใช้สวัสดิการแห่งรัฐเข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าวและทำบัตรคนจนให้ได้รับทั่วถประการสำคัญต้องการให้รัฐบาลเรียกคืนสัมปทานเส้นทางเดินรถโดยสารสาธารณะทั้งหมดหากเอกชนอ้างว่าขาดทุนเพื่อนำมาปฏิรูประบบขนส่งใหม่ใช้รถใหม่ให้บริการจัดเก็บค่าโดยสารในราคาที่ถูกลงใช้บัตรตั๋วร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถเมล์โดยสารสาธารณะทันสมัยกันมากขึ้นจะทำให้รัฐสามารถบริหารจัดการได้ทั้งระบบอย่างสะดวก

“เมื่ออนุมัติให้ค่ารถเมล์ปรับขึ้นเดี๋ยวแท็กซี่ก็จะขอปรับเพิ่มจากนั้นค่าข้าวแกงค่าใช้จ่ายอื่นๆก็จะทยอยปรับเพิ่มขึ้นสุดท้ายประชาชนล้วนรับภาระทั้งหมดอยากให้รัฐเร่งปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวแล้วยังช่วยแก้ไขปัญหาจราจรอีกด้วย”

ด้านนายจิรุตม์  วิศาลจิตร  ผู้ตรวจราชการในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคมกล่าวว่าช่วงนั้นรัฐบาลได้มีการชะลอไว้ก่อนจำนวน 3 เดือนเพื่อช่วยลดค่าครองชีพและสนับสนุนการใช้รถสาธารณะในช่วงที่เกิดปัญหาฝุ่นควันพิษ  PM 2.5  ทั้งนี้ไม่เฉพาะปรับขึ้นรถเมล์โดยสารเท่านั้นกรมการขนส่งทางบกยังจ่อคิวเสนอปรับค่าโดยสารรถแท็กซี่ที่อยู่ระหว่างศึกษาเรื่องการปรับราคา  ส่วนรถไฟและรถไฟฟ้ายังไม่มีการปรับราคาเช่นเดียวกับรถไฟฟ้าบีทีเอสช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการที่อยู่ระหว่างกรุงเทพมหานครพิจารณารายละเอียด

สอดคล้องกับนางภัทรวดี  กล่อมจรูญ  นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางกล่าวว่าหากได้รถใหม่จะปรับราคาเป็น3 ระยะคือ15-20-25 บาทขณะนี้อยู่ระหว่างการทำเรื่องนำเสนอกรมการขนส่งทางบกพิจารณาซึ่งกรณีปรับค่าโดยสารพบว่าได้มีการเตะถ่วงเวลามาตั้งแต่ปี2558 ประการสำคัญมีการปรับค่าจ้างแรงงานมาแล้วหลายครั้งแต่ค่าโดยสารกลับไม่มีการปรับเพิ่มให้สอดคล้องกัน

ทั้งนี้คณะกรรมการขนส่งทางบกกลางอนุมัติให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารตามมติเมื่อวันที่14 ธ.ค.2561 ดังนี้คือ1.รถโดยสารธรรมดาขสมก.จากเดิม6.50 บาทเป็น8 บาท2.รถโดยสารปรับอากาศ(ครีมน้ำเงิน) คิดตั้งแต่12-20 บาท(ตามระยะทาง) 3.รถปรับอากาศยูโรทู13-25 บาท(ตามระยะทาง)  4.รถปรับอากาศใหม่ระยะทาง4 กิโลเมตรแรกราคา15 บาท ระยะทาง4-16 กิโลเมตรราคา20 บาท และระยะทาง16 กิโลเมตรขึ้นไป25 บาท5.รถใช้ทางด่วนให้กำหนดค่าทางด่วนเพิ่มจากค่าโดยสารปกติ2 บาทต่อคนต่อเที่ยว 6.รถบริการตลอดคืน(เวลา23.00 - 05.00 น.) ให้กำหนดค่าธรรมเนียมบริการตลอดคืนเพิ่มจากค่าโดยสารปกติ1.50 บาทต่อคนต่อเที่ยว 7.นอกจากนี้ในส่วนของรถร่วมบริการฯเอกชนนั้นปรับขึ้นในอัตรา1 บาทโดยจากเดิม9 บาทเป็น10 บาท

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0