Facebook :Travel @ Manager
ใครมาเชียงรายแล้วไม่ได้มาเยือน “วัดร่องขุ่น” ก็เหมือนมาไม่ถึงเชียงราย เพราะที่นี่ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์กของจังหวัดไปแล้ว
“วัดร่องขุ่น” ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความงดงามอลังการตามแบบฉบับของผู้สร้างคืออาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงรายที่ต้องการฝากผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้บ้านเกิดและแผ่นดินไทย ตัวอุโบสถขนาดกะทัดรัดเป็นสีขาวสว่างแทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า มีการประดับตกแต่งด้วยงานปูนปั้นอ่อนช้อยคดโค้งอันเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความแวววับด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ ที่สะท้อนแสงแดดระยิบระยับงามจับตา
ตัววัดสร้างขึ้นด้วยคติจักรวาล มีสระน้ำรอบล้อมโบสถ์เปรียบดังมหานทีสีทันดร มีสะพานทอดข้ามมายังอุโบสถเปรียบดังการข้ามผ่านวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ และตัวพระอุโบสถที่เป็นจุดเด่นก็เปรียบดังดินแดนแห่งการหลุดพ้น เหมือนวิมานสีขาวล่องลอยบนสวรรค์ เรียกได้ว่าวัดร่องขุ่นเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ อ.เฉลิมชัย ที่ปรากฏในสายตาคนไทยและคนทั่วโลกที่เดินทางมาชม
และในเวลาอันใกล้นี้ที่วัดร่องขุ่นจะมีการจัดการแสดงอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นครั้งแรกในชื่อ “วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส ตอน ปฐมบท” (Wat Rong Khun Light Fest, Episode: Begins) ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการชมวัดร่องขุ่นที่แต่เดิมเปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น แต่ครั้งนี้จะมีการเนรมิตความงามของวัดร่องขุ่นให้โดดเด่นขึ้นในยามค่ำคืนด้วยการใช้เทคนิคมัลติมีเดียระดับโลกและ 3D Mapping มาสร้างสีสันและเรื่องราวโดยมีตัววัดเป็นฉากหลังอันงดงาม โดยเนื้อหาหลักจะกล่าวถึงธรรมะที่เชื่อมโยงกับความงดงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ ในวัด ไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ หอระฆัง เมรุ เป็นต้น
ความตระการตาที่จะได้ชมกันนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง อ.เฉลิมชัย และกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัทครีเอทีฟอีเวนต์ที่มีผลงานระดับอินเตอร์มาเป็นผู้อำนวยการสร้างสรรค์วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟสต์ รวมถึงสุดยอดฝีมือในแขนงต่างๆ ได้แก่ แน่น สราวุธ เลิศปัญญานุช นักแต่งเพลงผู้สร้างสรรค์บทประพันธ์มิวสิคัล เธียเตอร์ของไทย อาทิ บัลลังก์เมฆ สี่แผ่นดิน ทวิภพ และนิพนธ์ วรรณมหินทร์ หรือครูโจ้ วาไรตี้แดนซ์ ที่มีผลงานทั้งในและต่างประเทศ อาทิ Cannes Festival, พระมหาชนก เดอะฟีโนมีนอน ไลฟ์ โชว์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงบริษัท ไลท์ซอร์ส (LightSource) ผู้นำในการออกแบบแสงที่มีผลงานโดดเด่น อาทิ Mahanakhon Bangkok Rising The Night Of Light, Show DC Grand Opening และ KAAN Show เป็นต้น
สำหรับพื้นที่จัดแสดงอยู่ในวัดร่องขุ่นทั้งหมด 6 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 “The Sins” ณ ปากพญามาร-ขุมนรก เป็นการใช้ Mapping Laser ที่ตื่นตาสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวของนรกและสะพานที่เป็นจุดเชื่อมต่อสู่สรวงสวรรค์ มีเพียงดวงจิตที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะได้เดินทางสู่พุทธภูมิเบื้องหน้า
จุดที่ 2 “The Way to Heaven” ณ อุโบสถ จิตที่ละซึ่งกิเกสตัณหาจะเจริญสู่แดนทิพย์วิมาน ประหนึ่งบัวหลุดพ้นน้ำ จุดที่ 3 “Astrology” ณ บ่อน้ำอธิษฐานจิต ที่ซึ่งแสงแห่งแรงอธิษฐานจะนำแสงสว่างมาสู่ภายในจิตใจ จุดที่ 4 “Enlightening” ณ หอระฆัง-ต้นโพธิ์แห่งการตรัสรู้ เล่าขานตำนานพระพุทธเจ้า
โซนที่ 5 “Circle of Life” ณ เมรุ พบสัจธรรมแห่งชีวิตผ่านวงจรสังสารวัฏ ตระหนักถึงอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา เพื่อมุ่งสู่สุญตา และสุดท้าย จุดที่ 6 “Wat Rong Khun Begins” ณ หอพระพิฆเนศ ชมปฐมบทแห่งวัดร่องขุ่น เรื่องราวความเป็นมาของอาจารย์เฉลิมชัยและการต่อสู้ของชีวิตกว่าจะเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ และเรื่องราวกว่าที่จะมาเป็นวัดร่องขุ่น แลนด์มาร์กของเชียงรายอย่างในปัจจุบัน
ทั้งนี้การแสดงในโซนที่ 1-5 จะเป็นการเดินชมแบบต่อเนื่องในแต่ละจุด โดยใช้เวลารวม 30 นาที ส่วนในโซนที่ 6 จะนั่งชมตามหมายเลขที่นั่ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการสร้างสรรค์วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส กล่าวถึงการแสดงที่จะเกิดขึ้นนี้ว่า ได้เริ่มคุยกับ อ.เฉลิมชัยมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่าอยากให้นักท่องเที่ยวที่มาเชียงรายได้มาพักค้างสัก 1 หรือ 2 คืน และเห็นว่าการแสดงแสงสีที่หอนาฬิกาเชียงรายยามค่ำคืนก็มีนักท่องเที่ยวมาชมกันเยอะ ดังนั้นถ้ามีการจัดแสดงแบบนี้ที่วัดร่องขุ่นซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของเชียงรายก็น่าจะดึงดูดคนได้มาก และสิ่งสำคัญคือสถาปัตยกรรมของวัดร่องขุ่นนั้นสวยงามและมีเอกลักษณ์ มีภาพจิตรกรรมที่หลากหลาย อีกทั้งชีวประวัติของ อ.เฉลิมชัยในการต่อสู้ชีวิตก็เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เป็นที่มาของ “วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส ตอนปฐมบท” ในครั้งนี้
ด้านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติและผู้สร้างวัดร่องขุ่น กล่าวว่า เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมาใครจะไปคิดว่าดินแดนแห่งนี้จะกลายเป็นดินแดนศิลปะ แต่ตอนนี้มีคนทั่วโลกเดินทางมาชื่นชมวัดร่องขุ่น และปลายปีนี้เราจะจัดการแสดงอย่างยิ่งใหญ่เปิดให้เข้าชมได้ในยามกลางคืนเป็นครั้งแรก โดยวัดร่องขุ่นในตอนกลางวันจะให้โทนสีขาวอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการนำเทคนิคแสงและ สีเข้าไปสร้างสรรค์ก็จะทำให้ช่วงเวลากลางคืนมีความงดงามระดับโลกอย่างแน่นอน
อ.เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า คนที่มาชมนอกจากจะได้ชมวัดร่องขุ่นที่เป็นของดีของแปลกไม่เหมือนวัดทั่วไปแล้ว ก็ยังจะได้ชมงานเห็นแสงสีเสียงระดับโลก เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ดึงเอาศิลปะมาใกล้ตัวมากขึ้น และแม้งานนี้จะต้องขาดทุนแต่ก็ยังจะทำเพื่อเป็นศักดิ์ศรีของชาติ จะได้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ที่สุดยอดอย่างไม่มีวันลืมเลือน และอาจจะมีเพียงครั้งเดียว ปีถัดไปอาจจะไม่มีแล้ว เพราะใช้ต้นทุนสูงมาก
“การสร้างสิ่งดึงดูดทางการท่องเที่ยวคือเป้าหมายของเรา วัดร่องขุ่นสร้างมาอย่างหนึ่งก็เพื่อการท่องเที่ยว งานนี้ก็เช่นกัน ถ้าผลตอบรับดีมีผู้สปอนเซอร์เข้ามาปีหน้าก็อาจจะมีครั้งที่ 2 หรืออาจจะดูฟรีเลยก็ได้ แต่ครั้งนี้เก็บเงินเป็น 1,000 บาท ก็ยังร่อแร่อยู่เลย” อ.เฉลิมชัยกล่าวพร้อมหัวเราะ
การแสดง “วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส ตอนปฐมบท” นี้จะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ย.-22 ธ.ค. 2562 เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม โดยจะมีการแสดง 2 รอบ/วัน คือ 18.30 น. และ 20.30 น. (60 นาที/รอบ) และจำกัดเพียง 1,000 ที่นั่ง/รอบเท่านั้น (ที่นั่งปกติ 200 ที่นั่ง และ VIP 800 ที่นั่ง)
ราคาบัตรเข้าชมงานมีดังนี้ ที่นั่งปกติชมการแสดงอย่างเดียว 400 บาท ที่นั่งปกติพร้อมบุฟเฟต์อาหารไทยและชมการแสดง 550 บาท ที่นั่ง VIP ชมการแสดงอย่างเดียว 1,000 บาท และที่นั่ง VIP พร้อมบุฟเฟต์อาหารไทยและชมการแสดง 1,150 บาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
ใครที่อยากมาชมความงามอลังการนี้สามารถจองบัตรกันได้แล้วที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com และสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.08 3989 6926, 08 3989 6831 หรือ www.watrongkhunlightfest.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
