วันที่ 8 เม.ย.63 ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานประชุมเพื่อรับฟังและแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 พื้นที่จ.เชียงใหม่ มีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. นายพงศ์บุณย์ปองทอง รองปลัดกระทรวง ทส. นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.สืบสกุล บัวระวงศ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละพล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีรนันตะสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่พร้อมเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เข้าร่วมกว่า 30 คน โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
จากนั้น นายวราวุธ ได้มอบเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า และครอบครัว จำนวน 2 ราย คือ ครอบครัวนายสงิห์ทน ยวลักษณะกุล ผู้เสียชีวิต จำนวน 30,000 บาท และนายไพโรจน์ ปัทมาถาวร ซึ่งได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ จำนวน10,000 บาท พร้อมมอบเกียรติบัตรและเครื่องเป่าลมดับไฟป่าแก่นายวิรัช ยั่งยืนสกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ป้องกันและสนับสนุนการดับไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ป่าด้วย
นายวราวุธ กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าดอยสุเท-ปุย เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมได้ 100 % แล้ว เป็นเรื่องน่ายินดี และใช้กำลังลาดตระเวนทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์และป่าสงวนทำให้จุดความร้อน หรือฮอตสปอตลดลงพอสมควร ซึ่งได้นำกำลังจากภาคใต้ช่วยดับไฟอีก 3,000 นาย ซึ่งทำงานมาแรมเดือน ทำให้เหนื่อยล้า ส่งผลประสิทธภาพการดับไฟถดถอยลงไป อาจนำกำลังจากภาคกลางและอีสาน มาสับเปลี่ยนหมุนเวียน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวแทน
“สถานการณ์ไฟป่าภาคเหนือ ที่เกิดขึ้นสามารถเข้าไปดับได้ทันท่วงทีเช่น อ.แม่วงค์ จ.นครสวรรค์ ใช้เวลา 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน สามารถดับได้หมดแล้ว แต่บางพื้นที่เมื่อดับแล้วมีการเผาอีก จึงได้จัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือดับไฟเพิ่มเติม ให้เพียงพอกับกำลังเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปดับไฟดังกล่าว ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุมโควิด 19 พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงเรื่องไฟป่าภาคเหนือด้วย ไม่ใช่เรื่องโควิด อย่างเดียว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญเรื่องไฟป่าภาคเหนือ ซึ่งสำคัญพอกับเรื่องโควิด 19” นายวราวุธ กล่าว
ผู้สื่อข่าว ถามถึงมาตรการป้องกันไฟป่า โดยส่งเจ้าหน้าที่ฝังตัวในหมู่บ้าน หรือพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันเกิดไฟป่าซ้ำซาก นายวราวุธกล่าวว่า เบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝังตัวในพื้นที่ 4 จังหวัด จำนวน 1,221 หมู่บ้าน 211 ตำบล 51 อำเภอ ซึ่งได้ผลพอสมควร จำนวนจุดความร้อนลดลง แต่ปริมาณฝุ่นยังสูง เพราะฝุ่นไม่ไป ไม่มีอากาศระบาย ปีนี้ใช้กำลังดับไฟป่าพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ รวม7,000 นาย แบ่งเป็น ลาดตระเวน 4,000 นาย ดับไฟ 3,000 นายปีหน้า อาจใช้กำลังคนเพิ่ม ดังนั้นต้องหารือ กองทัพ ฝ่ายปกครองตำรวจ กรมป่าไม้ กรมอทยานฯ เพื่อดูว่าต้องใช้กำลังคนเท่าไร เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ในเขตป่าดังกล่าว
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ไม่หนักใจ แต่เห็นใจ อยากขอโทษชาวเชียงใหม่อีกครั้ง ทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่ ทำอย่างต่อเนื่อง ยืนยันไม่ได้ละเลยปัญหาดังกล่าว พร้อมให้ความสำคัญเรื่องไฟป่าภาคเหนือ ไม่น้อยกว่าปัญหาโควิด 19 จึงอยากขอบคุณทุกฝ่ายส่วนที่เสียสละ ช่วยเหลือให้ปัญหาดังกล่าวเบาบางลงไป ส่วนที่มีผู้เสียชีวิตจากไฟป่า 4 รายนั้น ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า เป็นฝ่ายปกครอง 1 ราย ชาวบ้าน 2 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ไฟป่า ที่เสียชีวิตนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าอย่างใด
