สำหรับเดือนกรกฎาคมนี้ โปรแกรมสตรีมมิงของ Netflix Thailand ก็ยังอัดแน่นไปด้วยหนังที่น่าสนใจหลาย เรื่องหลายสไตล์ เหมือนคัดมาแล้วว่าจะถูกใจกลุ่มผู้ชมอย่างหลากหลาย เริ่มตั้งแต่แฟน ๆ หนังเก่าหน่อย อย่างแฟรนไชส์ Back to the Future และ Indiana Jones (ขาดแค่ภาค 1 และเข้ามาตั้งแต่เดือนที่แล้ว) ที่ไม่ใช่จะหาดูกันได้ง่าย ๆ หนังที่ชนะรางวัลออสการ์อย่างParasite (2019) และ Kramer VS Kramer (1979) และเฉียดมาก ๆ อย่าง La La Land (2016), The Usual Suspect (1996)
หนังบู๊พระเอกเท่ John Wick: Chapter (2017) และ12 Strong (2018) หนังบู๊เรื่องใหม่ของ Netflix Old Guard นำแสดงโดย Charlize Theron รวมถึงหนังไทยน้ำดี หลายเรื่อง ทั้ง Homestay (2018), จอมขมังเวทย์ 2020 (2019) และ Low Season สุขสันต์วันโสด (2020) เรียกว่าแค่นี้ก็นั่งดูกันไม่หวาดไหวทั้งเดือนแล้วล่ะ ฝั่งซีรีส์ก็มีทั้งซีรีส์ไทย The Maid คนลับใช้, ซีรีส์ญี่ปุ่น Ju-on: Origins และซีรีส์ฝรั่งอย่าง Cursed ไปดูหนังแนะนำในลิสต์กันเลย
LA LA LAND (2016)
หนังที่เฉียดใกล้ออสการ์ที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นตัวเต็งและเป็นผู้ชนะอยู่ราว ๆ 2-3 วินาทีก่อนจะมีการประกาศแก้ชื่อเป็นหนังMoonlight แทน ถึงอย่างนั้นLa La Land ก็ยังเป็นผลงานมาสเตอร์พีซของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่สร้างบรรยากาศให้หวนนึกถึงหนังเพลงในยุค 60s รวมถึงฉากจบที่แสนปวดร้าว แทบจะพลิกอารมณ์ของหนังทั้งเรื่องให้กลายเป็นหนังเรื่องใหม่เลยทีเดียว
พล็อตเรื่องว่าด้วย “บอยมีทเกิร์ล” ชายหนุ่มหญิงสาวตกหลุมรักกันและฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ โดยเฉพาะการไล่ตามความฝันในมหานครแห่งโลกมายาอย่าง L.A. ด้วย หนังเล่าเรื่องสองพาร์9 หลังจากฉากเต้นสุดหวือหวาบนทางด่วนที่รถติดแน่นขนัด พระเอกกับนางเอกก็ได้พบกันครั้งแรกและประทับใจกันแบบพ่อแง่แม่งอน แล้วหนังก็เริ่มจับไปเล่าชีวิตของ Mia นางเอกที่เป็นเพียงเด็กบ้านนอก มาทำงานบาร์เทนเดอร์ร้านกาแฟ และเฝ้าตามความฝันในการเป็นนักแสดงโด่งดัง เธอผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับการไปออดิชั่นแคสติ้งงานต่าง ๆ แต่ก็ไม่เคยท้อใจ จนวันคริสต์มาสที่ทุกอย่างดูไม่เป็นใจเอาเสียเลย เธอก็ได้พบกับชายหนุ่มนักเปียโนแนวแจ๊สในคลับแห่งหนึ่ง ที่จะกลายมาเป็นทั้งแรงบันดาลใจและแรงผลักดันคนสำคัญ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Ryan Gosling, Emma Stone, J.K. Simmons
- ผู้กำกับ: Damien Chazelle (Whiplash, First Man)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30/446 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 91% / 8/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: ชนะ 6 สาขารางวัลออสการ์ (นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Emma Stone), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ทั้งเพลงและสกอร์) และ องค์ประกอบศิลยอดเยี่ยม) และยังเข้าชิงอีก 8 สาขารางวัลออสการ์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Ryan Gosling), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม (เข้าชิงถึง 2 เพลง คว้ารางวัล 1 เพลง)
BACK TO THE FUTURE TRILOGY (1985-1990)
ในโอกาสที่ปีนี้ หนัง Back to the Future ภาคแรกจะมีอายุครบ 35 ปี ซึ่งคอหนังรุ่นใหม่ที่อายุน้อยกว่า 20 ลงมาอาจจะสงสัยว่า ทำไมรุ่นพ่อรุ่นพี่ถึงได้ยกย่องให้หนัง 3 ภาคนี้เป็นหนังไซไฟแฟนตาซีที่อมตะและครองใจผู้ชมผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน เรื่องราวแสนผจญภัยของ Marty McFly เด็กหนุ่มวัย 17 ที่มีเพื่อนเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง Dr. Emmett Brown ผู้คิดค้นรถยนตร์ไทม์แมชชีนที่เดินทางข้ามเวล่ได้ ด้วยอุบัติเหตุในวันที่การทดลองสำเร็จผล Dr. เกิดถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เขาไปขโมยอุปกรณ์ของระเบิดนิวเคลียร์มาประดิษฐ์ยานฆ่าตาย Marty เลยต้องย้อนเวลาไป 30 ปีเพื่อเตือนเพื่อนของเขา แต่เขากลับไปพบกับแม่ตัวเอง และแม่ก็ทำท่าว่าจะแอบชอบเขาแทนพ่อ ซึ่งถ้าปล่อยไปตัวตนของเขาก็จะหายไปตลอดกาล
- ชวนอ่าน “ยิ่งเก่ายิ่งดี! รำลึก 35 ปี Back to the Future ทำไมผ่านมาจนวันนี้…หนังก็ยังฮิตตลอดกาล“
- ชวนอ่าน “ชวนย้อนอดีตยุค 80s ชี้เป้าจุดสำคัญใน Back To The Future ที่หลายคนอาจไม่สังเกตเห็น“
- นักแสดง: Michael J. Fox, Christopher Lloyd, Lea Thompson, Crispin Glover, Thomas F. Wilson, Mary Steenburgen, Elisabeth Shue
- ผู้กำกับ: Robert Zemeckis (Forrest Gump, Cast Away, Contact, Flight)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: (ภาคแรก) 19/391 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: (ภาคแรก)96% / 8.5/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: (ภาคแรก) ชนะ 1 สาขารางวัลออสการ์ (วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม) และเข้าชิงอีก 3 สาขารางวัล (บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม)
JOHN WICK: CHAPTER 2 (2017)
หลังจากภาคแรกมีลง Netflix ไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน ภาค 2 ก็ตามมาสำหรับหนังที่ปลุกชีวิตทางการแสดงของ Keanu Reeves ให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง โดยในภาคนี้หลังจากล้างแค้นชนวนต้นเหตุ “หมาโดนฆ่า” ไปแล้ว หนังปิดเรื่องมาก็ทวงรถคืนต่อจากมาเฟียเลย ซึ่งจริง ๆ ไม่ต้องเคยดูภาคแรกมาลุยภาคนี้เลยก็รู้เรื่อง เพราะหนังเล่าย้อนภาคก่อนได้ฉลาด แค่บทสนทนาของมาเฟียกับลูกน้องก็เล่าเรื่องภาคแรกจบในตัวเลย
จากเหตุในภาคแรกทำให้วงการก็ได้รู้ว่าเขาไม่ได้วางมืออีกต่อไปส่งผลให้ Santino D’Antonio เจ้าหนี้ผู้ถือตราเลือดของจอห์นมาทวงสัญญาให้ตอบแทนบุญคุณ ซึ่งในวงการถือเป็นกฎที่ห้ามปฏิเสธแต่ John ก็ปฏิเสธ เพราะอยากใช้ชีวิตธรรมดาที่เขาได้รับจากภรรยาคนรัก Santino เลยจัดหนักถล่มบ้าน John ทิ้ง John จึงเลือกไม่ได้ที่จะต้องกลับมาล้างหนี้เดิมให้ตัวเองเป็นอิสระ และจะได้มีสิทธิ์ฆ่า Santino เพื่อล้างแค้น (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- ชวนอ่าน “10 เหตุผลที่ทำให้ John Wick เป็นหนังบู๊ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ 2010s“
- ชวนอ่าน “รู้หรือไม่…เดิมทีหนังไม่ได้ชื่อ John Wick และเกือบจะไม่มีฉากหมาตาย“
- นักแสดง: Keanu Reeves, Laurence Fishburne, John Leguizamo, Bridget Moynahan, Riccardo Scamarcio, Ian McShane, Ruby Rose, Common
- ผู้กำกับ: Chad Stahelski (John Wick 1-4)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/171 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 7.5/10
JIGSAW (2017)
เว้นช่วงจากภาคก่อนหน้าถึง 7 ปีถ้านับตามการเรียงลำดับภาค Jigsaw ก็คือภาคที่ 8 ภาคนี้ดูจะเป็นการยกเครื่องเรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นการรีบูตกลาย ๆ หนังได้พี่น้อง Michael และ Peter Spierig มารับหน้าที่กำกับ เจ้าของผลงานหนังไซไฟฟอร์มเล็กแต่บทและแนวคิดของเรื่องน่าสนใจอย่าง Predestination (2014) รวมถึงหนังยังมีภาค 9 เรื่องราวของ ตัวละคร Jigsaw กับ Spiral: From the Book of Saw ที่คงได้ชมกันไปแล้วตอนนี้ ถ้าไม่มีสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้หนังต้องเลื่อนฉายไป 1 ปีเต็มเป็นเดือนพฤษภาคม 2021
หนังเปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ระทึก เมื่อมีศพปรากฏขึ้นตามจุดต่าง ๆ ในเมือง เมื่อชันสูตรพบว่ามีหลักฐานหลายจุดยืนยันว่าเป็นฝีมือของจิ๊กซอว์ที่ตายไปแล้วเป็น 10 ปี กลายเป็นปริศนาตัวโต ที่ชวนสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน จากนั้นหนังก็เริ่มเล่าเรื่องราวใน 2 เหตุการณ์คู่ขนาน ฟากหนึ่งคือเหยื่อชุดใหม่ 5 คนของ จิ๊กซอว์ ที่ถูกจับมาเล่นเกมชำระบาป ที่แต่ละด่านจะต้องมีเหยื่อสละชีพ 1 ราย แล้วแต่ละรายก็จะถูกนำไปทิ้งในที่สาธารณะ โยงเรื่องราวอีกฝั่งหนึ่งที่มีนักสืบฮอลโลแรน รับหน้าที่ไขปริศนาคดีนี้ ร่วมกับโลแกน แพทย์ที่ทำหน้าที่ชันสูตรศพ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Matt Passmore, Tobin Bell, Callum Keith Rennie, Hannah Emily Anderson, Hannah Emily Anderson, Laura Vandervoort
- ผู้กำกับ: Michael Spierig and Peter Spierig (Predestination, Daybreakers, Winchester)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 10/102 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 33% / 5.8/10
THE FOREIGNER (2017)
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สัก 10-15 ปีก่อนตอนที่ยังดังสุดขีดกันทั้งคู่ คงไม่มีใครนึกว่ายอดดารานักบู๊ของเอเชียอย่างเฉินหลง จะได้โคจรมาเจอกับพยัคฆ์ร้าย 007 Pierce Brosnan แต่พอเข้าสู่วัยรุ่นเดอะ ทั้งคู่ก็ได้มาปะทะกันในที่สุด แต่คนหนึ่งเป็นตัวดีส่วนอีกคนเป็นตัวร้าย หนังฟอร์มกลางที่ดูเอาบู๊เอาสนุกก็ทำได้ดีพอสมควร แถมยังได้ผู้กำกับอย่าง Martin Campbell ที่มีผลงานเก่าอย่าง James Bond ตอน Goldeneye (1995) (ตอนแรกของ Pierce Brosnan) และ Casino Royale (2006)
Quan อดีตทหารจีนที่ไปร่วมรบกับพวกเวียดกงในสงครามเวียดนาม แล้วแปรพักตร์มาอยู่กับทหารอเมริกัน พอฝ่ายเวียดกงชนะก็เลยโดนจับทรมาน Quan หนีออกมาได้เลยพาเมียและลูกสาวสองคนลงเรือหนีมาฮ่องกง ระหว่างอยู่กลางทะเลโดนโจรสลัดไทยปล้นเรือ ลูกสาวทั้ง 2 โดนฆ่าตาย ชีวิต Quan ระหกระเหินกับเมียจนมาตั้งรกรากในอังกฤษ มีลูกสาวคนใหม่และเปิดร้านอาหารจีน เมียตายตอนคลอดลูก ชีวิตของ Quan เลยมีแค่เขากับลูกสาว เคราะห์ซ้ำกรรมซัดลูกสาวมาตายในเหตุระเบิดกลางกรุงลอนดอน ควอนตามหาตัวผู้รับผิดชอบจนเจอว่าผู้ที่จะให้คำตอบเขาได้คือ Liam Hennessy รัฐมนตรีช่วยตัวแทนของไอร์แลนด์ ที่น่าจะมีส่วนพัวพันกับเหตุระเบิดด้วย Quan พยายามตื๊อขอชื่อมือระเบิดแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เขาเลยฟื้นวิญญาณนักรบใช้ไม้แข็งกับ Liam เพื่อบีบบังคับให้เขาเผยชื่อมือระเบิดที่ฆ่าลูกสาวของเขา (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Jackie Chan, Pierce Brosnan, Katie Leung, Lia Williams, Aaron Monaghan
- ผู้กำกับ: Martin Campbell (James Bond (Goldeneye, Casino Royale), The Mask of Zorro)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 35/145 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 65% / 7/10
