“มิ่งขวัญ” ขน ส.ส.ยกพรรค โต้ข่าวลือ ยันไม่ไปร่วมรัฐบาล

สมพงษ์ผู้นำฝ่ายค้าน ปราม ส.ส.อวยเกินไป ปรับ ‘บอล-เพนกวิน’! สร.ลุย ‘ชวน-พรเพชร’

โปรดเกล้าฯ “สมพงษ์” ผู้นำฝ่ายค้าน ยืนยันจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เอาฤกษ์เอาชัยจี้ต่อมสำนึก “บิ๊กตู่” เข้าสภา เรียก “ครูมานิตย์” ปรามอวยนายกฯเกินเหตุ “ยุทธพงศ์” ของขึ้นชงสอบ ส.ส.ชะเลียร์ “ท็อปบูต” “ครูมานิตย์” ตอกกลับแค่คนอยากดัง อ้างผู้ใหญ่ไม่เห็นว่าอะไร “มิ่งขวัญ” ขนลูกพรรคสยบลือย้ายขั้วซบตักรัฐบาล ยืนยันยังอยู่ฝ่ายค้าน เลขาฯเศรษฐกิจใหม่ออกตัวขอโหวตสวนแค่บางเรื่อง “ไพบูลย์” ตบหน้าแฟนคลับยื่นยุบพรรคจ่อซบอก “ลุงตู่” “ชวน” เบิกฤกษ์เปิดฟลอร์ถลุง “ประยุทธ์” ต้น ก.ย. “บิ๊กป้อม” ปัดไล่บี้ 5 รมต.ไขก๊อก ส.ส. แค่แนะนำให้ไปคิดเอง “ศรีสุวรรณ” มาตามนัดยื่น ป.ป.ช.สอบ ส.ส.กร่าง “สิระ” ท้าย้อนดูคลิปได้ เสรีรวมไทยจี้ “ชวน” ตั้ง กก.ขยี้ซ้ำ

หลังกระแสการดูด ส.ส.ฝ่ายค้านของรัฐบาลพลังประชารัฐ กลับมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.บางส่วนของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ล่าสุดนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขนทีม ส.ส.ของพรรคเปิดแถลงยืนยัน ยังทำงานกับฝ่ายค้านต่อไป ไม่มีใครแตกแถว

เปิดฟลอร์ถลุง “บิ๊กตู่” ต้น ก.ย.

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ส.ค. ที่รัฐสภาใหม่ เกียกกาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการบรรจุวาระญัตติการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำ ครม.กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่า คาดว่าจะเปิดอภิปรายได้ช่วงต้นเดือน ก.ย. โดยจะเปิดเป็นวาระพิเศษเพื่อพิจารณาการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยเฉพาะ อาจเป็นวันอื่นที่ไม่ใช่วันพุธหรือวันพฤหัสบดี ที่เป็นวาระประชุมปกติของสภาผู้แทนราษฎร ต้องหารือกันอีกครั้ง แต่จะเกินวันที่ 18 ก.ย. ที่จะปิดสมัยประชุมสภาฯไม่ได้ ทั้งนี้ จะประสานไปยังรัฐบาลให้ส่งคนมาตอบญัตติดังกล่าว เพราะเป็นญัตติการซักถามต้องมีคนมาชี้แจง ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะส่งใครมาตอบ ส่วนสัปดาห์หน้าจะงดการประชุมสภาฯในวันที่ 28-29 ส.ค. เนื่องจากติดการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (ไอป้า)

โปรดเกล้าฯ “สมพงษ์” ผู้นำฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้เข้าบริหารประเทศ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 106 ของรัฐธรรมนูญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายสมพงษ์เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประกาศ ณ วันที่ 17 ส.ค.2562 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

“ตี๋กร่าง” สัพยอกให้เป็นไปนานๆ

ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มีประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาฯ พร้อมตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเข้าร่วมพิธี หลังเสร็จสิ้นพิธี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นายสุชาติ ตันเจริญ และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ มอบแจกันดอกไม้ร่วมแสดงความยินดี ก่อนที่นายสุชาติจะกล่าวอวยพรนายสมพงษ์ทีเล่นทีจริงว่า ขอให้ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านไปนานๆ

เชื่อเศรษฐกิจใหม่ไม่ชิงย้ายขั้ว

นายสมพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ยืนยันจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน จะทำงานให้ทุกพรรคไม่ใช่แค่เป็นผู้นำฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เมื่อถามว่า น่าสังเกตว่าไม่มี ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่มาร่วมแสดงความยินดีด้วย นายสมพงษ์ตอบว่า ได้พูดคุยกันแล้วภายในคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ยังยึดมั่นเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน ถ้าไปถามพรรคเศรษฐกิจใหม่เชื่อว่าจะได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน มั่นใจว่าไม่ย้ายไปอยู่ฝ่ายรัฐบาล รัฐมนตรีเขาก็แบ่งตำแหน่งกันไปแล้ว “จะเข้าไปเป็นพระอันดับมันก็ไม่ควร”

ทวงสำนึกผู้นำเข้ามาแจงสภา

เมื่อถามว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นัดเปิดการอภิปรายโดยไม่ลงมติต้นเดือน ก.ย. นายกฯต้องมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ นายสมพงษ์ตอบว่า ต้องดูความพร้อมของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่พร้อม ก็ไม่รู้จะเปิดอภิปรายไปทำไม ตามมารยาทและจิตสำนึก คงต้องหาเวลามาตอบเพื่อให้ความกระจ่างแก่สภา ฝ่ายค้านรอมา 3-4 สัปดาห์แล้ว หากต้องรออีกสักสัปดาห์คงไม่เป็นอะไร เมื่อถามว่านายสุชาติอวยพรขอให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านไปนานๆ นายสมพงษ์กล่าวติดตลกตอบกลับว่า “ต้องขอบคุณรองประธานสภาฯ บางทีท่านก็คงอยากเป็นรองประธานสภาฯไปนานๆเหมือนกัน สภาก็เป็นแบบนี้ ไปๆมาๆก็ยินดีที่ท่านอวยพร”

ปราม “ครูมานิตย์” อวยเกินเหตุ

นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ไปร่วมต้อนรับและพูดสนับสนุนนายกฯระหว่างลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ข้อเท็จจริงคงเป็นการพูดเอาใจ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะของบประมาณลงพื้นที่ไป 500 ล้านบาท แต่ได้มา 1,500 ล้านบาท ก็เลยต้องอวยต้องยอเอาอก เอาใจกันหน่อย เป็นเรื่องกลอนพาไป แต่คำพูดอาจดูเกินเลยไปหน่อย เพราะตรงข้ามกับแนวทางของฝ่ายค้าน คงต้องเรียกมาเตือนเรื่องความเหมาะสม แต่คงไม่ถึงขั้นต้องไปห้ามไม่ให้ ส.ส.ฝ่ายค้านไปต้อนรับนายกฯลงพื้นที่ ส่วนจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่นายครูมานิตย์ต้องไปชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจ เชื่อว่าคำพูดนายครูมานิตย์คงไม่มีเจตนาแสดงออกถึงการต้องการย้ายพรรค

ชงสอบ ส.ส.ชะเลียร์ “ท็อปบูต”

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยภาคอีสาน กล่าวว่า การที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม บอกว่าจะยกมือให้นายกฯล้านเปอร์เซ็นต์ และไม่ได้ลงชื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ พร้อมพาดพิง ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อว่าเป็นบ้าไปหรือไม่นั้น ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน หากไม่ทำอะไรก็ควรต้องลาออก ส่วนกรณีของนายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล ส.ส.สุรินทร์ ที่พูดอวยให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ 8 ปีนั้น เคยพูดไว้แล้วว่าไม่นิยมคนชะเลียร์รองเท้าทหาร ไม่นิยมสังฆกรรมด้วย พรรคมีข้อบังคับเรื่องจริยธรรมอยู่ วันที่ 22 ส.ค.จะยื่นเรื่องถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย และมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกตามข้อ 113 ของข้อบังคับพรรค กับนายครูมานิตย์และนายตี๋ใหญ่ ส่วนนายคุณากรไม่ต้องถูกสอบ เพราะเห็นว่าเป็นการไปต้อนรับตามปกติ และไม่ได้ไปพูดสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

“ครูมานิตย์” เย้ยแค่คนอยากดัง

ด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายยุทธพงศ์คงอยากแสดง อยากจะเป็นข่าวก็ปล่อยเขาไป ถือเป็นสิทธิที่เขาจะทำ แต่สำหรับตนไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะปัญหาของประชาชนใน จ.สุรินทร์ มีความสำคัญมากกว่าจะเอาสมองมาคิดเรื่องเหล่านี้ และเรื่องนี้สำหรับตนถือว่าจบแล้ว ได้คุยกับหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว ไม่ได้ตำหนิอะไร เพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ตักเตือนว่าการให้สัมภาษณ์ หรือให้ความคิดเห็นทางการเมืองต้องระมัดระวังมากขึ้น

เชื่อแค่ต้อนรับนายกฯไม่ย้ายขั้ว

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ท่าทีของนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่ไปให้การต้อนรับนายกฯ พร้อมกล่าวพาดพิงพรรคฝ่ายค้าน ทำให้ถูกเชื่อมโยงไปถึงการจะเปลี่ยนขั้วทางการเมืองนั้น เราไม่ได้มองไกลไปขนาดนั้น ส.ส.สุรินทร์ที่ไปต่างยืนยันจะไม่ย้ายออกไปไหน เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องของพื้นที่มากกว่า นายครูมานิตย์เป็นคนมีเพื่อนเยอะ เมื่อนายกฯลงไปคงอยากไปสะท้อนปัญหาเรื่องภัยแล้ง และปัญหาอื่น ในการประชุมพรรคไม่มีการพูดกันในเรื่องนี้ ผู้ใหญ่ในพรรคก็ยังขำๆ ไม่มีการเรียกไป ว่ากล่าวตักเตือน เพื่อน ส.ส.ในพรรคไม่ได้ติดใจอะไร

“มิ่ง” ขนลูกทีมยืนยันอยู่ฝ่ายค้าน

วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ นำทีม ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 คน ได้แก่ นายศุภดิช อากาศฤกษ์ หัวหน้าพรรค นายภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรค นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล นายมนู สิวาภิรมย์รัตน์ และนางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ แถลงชี้แจงกระแสข่าวมี ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่บางส่วนจะย้ายขั้วไปร่วมกับฝ่ายรัฐบาล นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ขอพูดชัดๆว่า ส.ส. 6 คน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ยังเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีใครแตกแถวไปไหน แต่บางกรณีที่เป็นความเห็นร่วมกันของพรรคฝ่ายค้าน ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่อาจใช้เอกสิทธิ์ลงมติสวนทางพรรคฝ่ายค้านในบางประเด็น จะไม่ค้านแบบหัวปักหัวปํา ไม่ต้องมาถามว่าจะเป็นฝ่ายค้านอิสระหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของพวกเรา ว่ารักษาคำพูดหรือไม่ ขอให้สบายใจได้ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคเศรษฐกิจใหม่พร้อมเข้าร่วมด้วยแน่นอน การตัดสินใจของ ส.ส.จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด

นายศุภดิช อากาศฤกษ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ กล่าวยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เรายังอยู่กับฝ่ายค้าน และไม่เคยมีใครมาทาบทามไปร่วมรัฐบาล พรรคไม่ได้แตกแยกตามที่เป็นข่าว

ขอโหวตสวนฝ่ายค้านบางเรื่อง

ขณะที่นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ในฐานะเลขาธิการพรรค กล่าวว่า ยอมรับว่าแม้จะอยู่ฝ่ายค้าน แต่มีความอึดอัด เนื่องจากฝ่ายค้านมีความมุ่งเน้นเรื่องการเมืองมากเกินไป แต่พรรคเศรษฐกิจใหม่ชำนาญเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้การทำงานบางเรื่องไม่ราบรื่น ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ถูกพูดถึง มีแต่พูดเรื่องการเมืองที่ไม่ช่วยให้ประชาชนอิ่มท้อง ดังนั้นพรรคจึงอยากมีเอกสิทธิ์การแสดงความเห็นและการออกเสียงในบางกรณีที่อาจไม่ตรงกับมติฝ่ายค้าน เพราะบางเรื่องพรรคเศรษฐกิจใหม่ไม่เห็นด้วยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่อยากให้ลากชื่อพรรคไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยืนยันว่า ณ วันนี้เรายังเป็นฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าวนาย มิ่งขวัญได้นำไมโครโฟนยื่นให้ลูกพรรคทั้ง 5 คน กล่าวยืนยัน ซึ่งทุกคนต่างยืนยันว่ายังทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน ไม่มีใครตีจากไปร่วมกับฝ่ายรัฐบาล

“ไพบูลย์” ยุบพรรคจ่อซบอก “ลุงตู่”

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวว่า พรรคได้ยื่นเรื่องต่อ กกต. เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ขอแจ้งการเลิกกิจการพรรคฯเป็นไปตามมติพรรค เนื่องมาจากกรรมการบริหารพรรคแต่ละคนมีภารกิจมากมาย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมืองมาตรา 91 (7) และในวรรคท้ายระบุเรื่องการรับรองสิทธิ์ ส.ส. กรณีที่มีการเลิกพรรคทำให้พรรคสิ้นสภาพ แต่ให้การรับรองสิทธิ์ของ ส.ส.คล้ายกับกรณียุบพรรค คือ ส.ส.ต้องไปหาพรรคสังกัดใหม่ภายในเวลาไม่เกิน 60 วัน ไม่เช่นนั้นถือว่าพ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส. คาดว่า กกต.จะพิจารณาและมีความชัดเจนภายในปลายสัปดาห์หน้า เมื่อพรรคเดิมหมดสิ้นสภาพและส.ส.ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ จะมีการถ่ายโอนทั้งตัว ส.ส.และคะแนนของ ส.ส.ไปยังพรรคการเมืองใหม่ด้วย ส่วนจะตัดสินใจไปอยู่พรรคใด ต้องดูว่าพรรคนั้นมีอุดมการณ์ที่สอดคล้องรับกันกับพรรคประชาชนปฏิรูปได้ ได้พูดไว้ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้งว่าเราสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

“วิษณุ” มั่นใจนายกฯตอบญัตติเอง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เขียนคำชี้แจงไปถึงผู้ตรวจการแผ่นดินชี้แจงเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม หรือยัง เมื่อถามอีกว่าผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน สามารถนำไปชี้แจงในสภาฯได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่รู้ว่านายกฯจะชี้แจงอย่างไร ไม่ทราบว่าเขาตีเป็นเอกสารลับหรือไม่ หากตีเป็นเอกสารลับก็ไม่สามารถนำไปชี้แจงได้ เรื่องนี้ต้องถามเลขาฯนายกฯ ไม่ต้องห่วงว่านายกฯจะไปหรือไม่ไป เมื่อยื่นมาต้องไปอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า ส.ส. จะช่วยเท่าที่ช่วยได้นั้นไม่ทราบ ถือเป็นธรรมดา และเรื่องนี้จะให้ผู้ใดเป็นผู้ช่วยชี้แจงก็ได้ ไม่มีปัญหาว่าจะเอาช้าหรือเอาเร็ว ถือเป็นสิทธิ์ของสภาฯอยู่แล้ว

“เสรีพิศุทธ์” บี้ “ชวน-พรเพชร” ไขก๊อก

ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงว่า ยื่นหนังสือ 60 หน้า ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้แสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่ง กรณีปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงนโยบายต่อรัฐสภา และให้ ครม. ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่นายกฯนำ ครม. ถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เคารพนับถือทั้งสองคน แต่จำเป็นต้องยึดหลักการยื่นหนังสือขอให้ลาออก ที่ผ่านมานายชวนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับหลายประการ โดยเฉพาะวันที่โหวตเลือกนายกฯ และวันแถลงนโยบายรัฐบาล ทั้งนายชวนและนายพรเพชรทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ให้เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯต่อที่ประชุมรัฐสภา แม้จะมีสมาชิกทักท้วง แต่ประธานสภาฯไม่ดำเนินการตาม เบื้องต้นจะให้นายชวนและนายพรเพชรพิจารณาตัวเองก่อน หากไม่พิจารณาตนเองจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไป

เคาะประกันราคาข้าว 2.1 หมื่น ล.

ช่วงเช้าวันเดียวกันที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ว่า เมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้ว เรื่องใดในรัฐบาลเก่าที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลต้องนำมาปฏิบัติ แต่ต้องพิจารณาเรื่องงบประมาณควบคู่ไปด้วย

ต่อมานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการประกันรายได้ราคาข้าว และยังอนุมัติมาตรการคู่ขนานช่วยเหลือชาวนาในต้นทุนการผลิตและเก็บเกี่ยว ดังนี้ ข้าวเปลือก 5 ชนิด คือ ข้าวหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละ 14 ตัน, ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท จำนวน 16 ตัน, ข้าวเจ้า ตันละ 10,000 บาท จำนวน 30 ตัน, ข้าวหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท จำนวน 25 ตัน และข้าวเหนียว ตันละ 12,000 บาท จำนวน 16 ตัน โดยใช้เงินงบประมาณ 21,000 ล้านบาท ในโครงการข้าวนาปี ส่วนโครงการช่วยค่าเก็บเกี่ยว หรือสนับสนุนการผลิต จะช่วย 500 บาทต่อไร่ จำนวนครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ถือเป็นโครงการคู่ขนาน ทั้งหมดนี้ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 27 ส.ค.

ขอประชาชนใช้จ่ายประหยัด

ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ มาลงเรือหลวงอ่างทอง บริเวณอ่าวไทยตอนบน จ.ระยอง เพื่อเป็นประธานพิธีปิดการฝึกปฏิบัติทางทะเล ของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) พร้อมชมการฝึกการบริหารวิกฤติระดับชาติ การฝึกสาธิตประมงผิดกฎหมาย รวมถึงชมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ลอยอยู่กลางทะเล ซึ่งเรือหลวงอ่างทองถูกจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามทางเรือ รวมถึงรับชมภารกิจการขจัดคราบน้ำมันในทะเล โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้สอบถามชาวบ้านที่มาร่วมงานว่าประกอบอาชีพอะไร สภาพความเป็นอยู่เป็นอย่างไร มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วหรือไม่ ขอให้ทุกคนใช้จ่ายยึดหลักประหยัด ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

ปิดปากไม่ตอบปมการเมืองร้อน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีประธานสภาฯ ส่งหนังสือมาถึงสำนักเลขานายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการไปชี้แจงญัตติขอเปิดอภิปรายโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้นๆว่า “เรื่องการเมืองไม่ตอบ เพราะวันนี้เป็นเรื่องงานการทหารเรือ” และปฏิเสธที่จะตอบคำถามการเคลียร์คิวไปชี้แจงต่อสภาแล้วหรือยัง และเดินทางกลับทันที

“บิ๊กป้อม” ปัดบี้ 5 รมต.ไขก๊อก ส.ส.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวจะให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 คนที่เป็นรัฐมนตรี ลาออกเพื่อให้คนที่มีรายชื่อถัดไปขยับขึ้นมาแทน เพื่อแก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้น แค่บอกว่าเมื่อเสียงมันปริ่มน้ำ แล้วถ้ารัฐมนตรีมีงานเยอะ ก็ลองพิจารณากันดูว่าจำเป็นหรือไม่ที่รัฐมนตรีจะลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อให้คนที่เหลือเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสภาแทน ก็แล้วแต่เขาให้ตัดสินใจเอง ยังเน้นย้ำให้ ส.ส.มีความเป็นหนึ่งเดียวรักใคร่กัน ตนถือเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วตามหลักการ เมื่อถามว่าถ้าเขาไม่ลาออกจะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ก็ผมไม่ได้ให้ลาออก ผมบอกว่าลองดู แต่คนในพรรคบอกว่ารัฐมนตรีก็มาทุกงาน ทุกนัดที่มีการประชุมสภาและลงคะแนน และส่วนตัวไม่มีความเห็นว่าควรลาออกหรือไม่ เพียงแต่ให้ข้อสังเกตไปเท่านั้น” เมื่อถามว่าจะมีกลยุทธ์แก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำอย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า มันก็ปริ่มจะทำอย่างไร มั่นใจว่าการมีหลายพรรคร่วมรัฐบาลจะสามารถดูแลไม่ให้เกเรกันได้ และมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปี โดยเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ส.ส. มากกว่าเดิม

พท.ฉะแจก 3.16 แสน ล.เอื้อเจ้าสัว

ช่วงบ่ายที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทน ราษฎร เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด โดยนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดเรื่อง การแก้ไขปัญหาภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.16 แสนล้านบาท ถูกใช้กระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆไม่ถึง 1 แสนล้านบาท ขอตั้งฉายางบตัวนี้ว่า “ยาหม่อง ตราลิงแก้แห ยี่ห้อยุทธ์พิษ” เพราะเอาเงินไปเอื้อเจ้าสัว ต้องใช้เงินผ่านระบบเครื่อง เงินไม่ถึงฐานราก โครง-สร้างความเหลื่อมล้ำเหมือนเดิม คนจนเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคน สะท้อนการบริหารล้มเหลว จีดีพี คาดการณ์จะโตแค่ร้อยละ 2.3 ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน การส่งออกติดลบจากค่าเงินบาทแข็ง ขอเรียกร้องให้เอาความจริงมาพูดอย่าหลอกประชาชน เพราะตัวเลขบ่งบอกชัด ถ้าเพื่อไทยทำจะเอาเงินสดลงเลย ไม่ต้องผ่านเครื่อง

อ้างสงครามการค้าทำ ศก.ฟุบ

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงแทนนายกฯว่า เศรษฐกิจไทยชะลอตัวเกิดจากเศรษฐกิจโลกผันผวน มหาอำนาจทำสงครามเศรษฐกิจ ทำให้ทุกประเทศระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย การส่งออกได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าการเกษตร รัฐบาลจึงเร่งแก้ ช่วยการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย หวังว่าช่วงปลายปีเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น รัฐบาลนี้ส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปเจาะตลาดใหม่ในต่างประเทศ ส่วนเงินบาทแข็ง เพราะเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง หลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้รับความเชื่อถือจากต่างประเทศ มีการนำเงินมาลงทุนทุกรูปแบบ ขอให้ฝ่ายค้านและรัฐบาลช่วยกัน อย่าทำให้วุ่นวาย รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศ

“ศรีสุวรรณ” ยื่น ป.ป.ช.สอบ “สิระ”

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กรณีแสดงพฤติการณ์ไม่เหมาะสมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างลงตรวจพื้นที่ จ.ภูเก็ต นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ที่นายสิระอ้างว่าตำรวจไม่ดูแลรักษาความปลอดภัย ส.ส. เป็นการใช้อำนาจที่ผิด เพราะตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติมาตรา 6 (1) ไม่มีบัญญัติไว้ให้ตำรวจทำหน้าที่อารักขา ส.ส. แต่หากคิดว่าไม่ได้รับความปลอดภัยถูกขู่ฆ่า สามารถยื่นคำร้องขอกำลังตำรวจอารักขาได้ อย่าอ้างทำเพื่อชาติ คนอื่นทำเพื่อชาติเช่นกัน หากทำตามใจ ส.ส.มากเกินไป ตำรวจอาจเข้าข่ายความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การแสดงออกของนายสิระไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ส่อขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 และอาจเข้าข่ายข้อห้ามในมาตรฐานทางจริยธรรมโดยชัดแจ้ง

“สิระ” ท้าย้อนดูคลิปไม่มีขู่ตำรวจ

ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะไม่ได้มีการขอกำลังหรือคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้แล้วว่าจะมี ส.ส. 8 คนลงพื้นที่จัดเวทีสาธารณะจะมีประชาชนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 200 คน และตนโดนขู่ถึงขั้นเอาชีวิต ปกติแล้วตำรวจจะต้องมีแผนป้องกันเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังยืนยันว่ามีแผน โดยนำกำลังสำรองเตรียมไว้ที่สถานีตำรวจ ยืนยันตนไม่ได้ก้าวก่ายการทำงานของตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ลงพื้นที่ไปทำงานพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่มีการร้องเรียนเข้ามาเพื่อประ เทศชาติไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว หากดูจากคลิปจะเห็นว่าตนใช้เพียงคำถามปกติไม่ใช่คำสั่ง เสียงตนดังเป็นปกติ ไม่มีคำไหนที่เป็นการข่มขู่หรือดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ คลิปนี้ตนเป็นคนปล่อยเอง ไม่มีอะไรที่ทำผิดกฎหมาย จากนี้ไปจะลดโทนเสียงลงให้นิ่มนวลมากขึ้น เเต่เป้าหมายการทำงานยังเหมือนเดิม

ไม่หวั่น ป.ป.ช.ไต่สวนจริยธรรม

เมื่อถามว่า การกระทำดังกล่าวอาจขัดนโยบายพรรคพลังประชารัฐที่ไม่ให้ ส.ส.ลงพื้นที่ข้ามเขตพื้นที่ของตนเอง นายสิระตอบว่า ตนทำในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค อะไรที่เหนือกว่าผลประโยชน์ของประ เทศไม่มีอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระเบียบพรรค หรืออะไรก็ตามที่กีดกันไม่ให้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ได้ทำความเข้าใจกับนายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.จ.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐแล้ว สอบถามว่าจะทำอย่างไรกับที่ดินที่ผิดปกติแปลงนี้ เพราะตนจะยังทำหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนที่นายศรีสุวรรณยื่นให้ ป.ป.ช.สอบ ตนไม่เคยหนีความจริง ถูกคือถูก ผิดคือผิด

“เทพไท” หนุน ส.ส.ลุยข้ามเขต

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำหน้าที่ ส.ส.ของนายสิระ นอกเขตเลือกตั้งเป็นสิทธิทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 114 บัญญัติให้ ส.ส.ทุกคนเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนทั่วทั้งประเทศ ไม่ควรขีดเส้นเฉพาะในเขตเลือกตั้ง ส.ส.ทำหน้าที่ได้ ทั้งลงพื้นที่รับฟังปัญหา เสนอญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา หรือตั้งกระทู้ถาม ส่วนพฤติกรรมการทำงานเป็นบุคลิกส่วนบุคคล อาจแตกต่างกัน ไม่ควรเหมารวม ส.ส.คนอื่น เพราะจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

เสรีรวมไทยจี้ “ชวน” ตั้ง กก.ขยี้ซ้ำ

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ขอหารือกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ว่านายสิระเป็น ส.ส.กทม. แต่ไปทวงคืนป่าที่ จ.ภูเก็ต เป็นพฤติกรรมเหมาะสมหรือไม่ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม ขอให้ประธานสภาฯตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเสียหายต่อภาพรวมสภา ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีของนายสิระเหตุเกิดภายนอกสภาฯ ต้องให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง เป็นเรื่องเฉพาะตัว ถ้าร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯฉบับใหม่เสร็จ จะมีคณะกรรมการจริยธรรมทำหน้าที่

ป.ป.ช.เปิดกรุสมบัติ 414 ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ว่า ระหว่างวันที่ 22 ส.ค.-20 ก.ย.2562 เวลา 08.30-16.30 น. สำนักงาน ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส.กรณีเข้ารับตำแหน่ง 414 ราย และกรณีพ้นจากตำแหน่ง 1 ราย รวม 415 ราย โดยเป็นการเปิดลอตแรก 414 ราย เนื่องจากมี ส.ส.บางส่วนขอขยายเวลาการยื่นออกไปซึ่งกระทำได้ตามกฎหมาย ป.ป.ช.จึงยังไม่มีรายชื่อในรอบนี้ ขณะที่ ส.ส.อีกส่วนหนึ่งไปยื่นต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด บางส่วนยังส่งมาไม่ถึง ป.ป.ช.กลาง ดังนั้นจะมีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอีกลอตหนึ่ง ซึ่ง ป.ป.ช.จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

ศาลสั่งปรับ “เพนกวิน” ฝืน ก.ม.ม็อบ

ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ 370/2562 ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นศ.คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือบอล อดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะมาตรา 10 กรณีชุมนุมนำพริกเกลือกระเทียมแขวนรั้วทำเนียบรัฐบาลเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2562 ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 2 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯให้ปรับคนละ 2,000 บาท

เปิดตัว 3 นารีทีมโฆษกรัฐบาล

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงข่าวร่วมกันเป็นครั้งแรก นางนฤมลกล่าวว่า วันนี้มี 3 นารีทีมโฆษกฯ นายกฯ กำชับให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน นำเสนอผลงานทุกพรรคร่วมรัฐบาล ตอบคำถามอย่าให้มีความขัดแย้งเพิ่มในสังคม การตอบโต้ประเด็นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ประชาสัมพันธ์เชิงรุก ไม่ทำงานแบบแยกพรรค และทีมโฆษกฯจะไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าทุกวันศุกร์เวลา 15.00 น. ขณะที่ น.ส.รัชดากล่าวว่า ทีมโฆษกฯ จะเน้นทำความเข้าใจเข้าหาประชาชน พบปะเครือข่ายต่างๆ มากขึ้น ลงพื้นที่ล่วงหน้าก่อนประชุม ครม.สัญจร ก้าวข้ามความขัดแย้งในประเด็นที่จะตอบโต้อย่างรุนแรง

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

• ใหม่ไปเก่าก็กลับมา?
• เศรษฐกิจใหม่ ดับลือร่วมรัฐบาล ขอเป็นฝ่ายค้านที่มีเอกภาพ ลั่น ไร้ทาบทาม
• “สุดารัตน์” ขอนายกฯ ตัดอคติ ทบทวนใหม่ จะรู้ว่าที่ฝ่ายค้านเสนอเป็นทางออก

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath