โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“มนุษย์เงินเดือน” ก็รวยได้...ด้วยการลงทุน

BLT BANGKOK

อัพเดต 18 ก.ค. 2562 เวลา 08.30 น. • เผยแพร่ 18 ก.ค. 2562 เวลา 08.28 น.
678fa7925bbc18285a28d0d90797e143.jpg

เป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดาแบบนี้เมื่อไรจะรวย? ฝันอยากมีเงินก้อน เกษียณเร็ว เกษียณรวย ต้องทำยังไง? เชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนหลายคนคงตั้งคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ ซึ่งฉบับมีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก ด้วยวิธีการลงทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือนเพื่อวางแผนเกษียณและสร้างความมั่งคั่ง ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ 5 ข้อ
1. ใช้ข้อได้เปรียบของการเป็นมนุษย์เงินเดือน เพื่อวางแผนการเงินให้เหมาะกับเป้าหมาย ซึ่งมนุษย์เงินเดือนมีรายได้แน่นอนทุกเดือน อีกทั้งยังทราบช่วงเวลาที่จะมีรายได้ประจำ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 33-40 ปี ทำให้สามารถกำหนดจำนวนเงินเพื่อการออม และวางแผนการลงทุนได้ ด้วยการเลือกแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน
2. ควรลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกเดือนเพื่อสร้างวินัยการออม กำหนดเป้าหมายในการลงทุนให้ชัดเจน จากนั้นแบ่งเงินลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน สะสมอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยสร้างวินัยการออมแล้ว ยังทำให้วางแผนการลงทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะทราบระยะเวลาในการลงทุนที่แน่นอน หากเริ่มออมได้ไวกว่า และรู้จักเลือกวิธีการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม โอกาสที่จะสานฝันให้เกษียณเร็ว เกษียณรวย ก็อยู่ไม่ไกล
3. วางแผนลงทุนอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความมั่งคั่ง การเก็บเงินด้วยการฝากธนาคารเพียงอย่างเดียวไม่อาจสร้างความมั่งคั่งได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมักเติบโตสวนทางกับอัตราเงินเฟ้อ แนะนำให้วางแผนการลงทุนด้วยกลไก 3 พลัง ได้แก่ เงินออม x ระยะเวลา x ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ โดยใช้วิธีแบ่งเงินออมมาลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยเลือกลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการและความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้ โดยปัจจุบันมีประเภททรัพย์สินให้เลือกลงทุนมากมาย เรียงจากความเสี่ยงต่ำไปความเสี่ยงสูง เช่น เงินฝาก, ตราสารหนี้, ตราสารทุน, อนุพันธ์ เป็นต้น ทั้งนี้จากสถิติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนช่วยสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้จริง โดยผลตอบแทนหุ้นไทยปี 2551-2560 อยู่ที่ 11.61% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล 5.15%, ทองคำ 4.50% และเงินฝากประจำ 1 ปี 1.73% ดังนั้น ยิ่งลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน ก็ยิ่งเข้าใกล้ความมั่งคั่งได้มากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง จึงต้องรู้จักวางแผนการลงทุนโดยกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมด้วย 
4. วางแผนรวยด้วย ‘กองทุนรวม’ ทางเลือกที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยที่มีข้อจำกัดต่างๆ กรณีมีทุนทรัพย์จำกัดหรือไม่มีประสบการณ์ในการลงทุน เพราะมีข้อดีเช่น กองทุนรวมบริหารโดยมืออาชีพ ที่เรียกว่าบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซึ่งผู้จัดการกองทุนรวมมีความรู้และประสบการณ์, ช่วยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ซื้อ LTF/RMF เพื่อลดหย่อนภาษี, มีการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในตราสารทางการเงินที่หลากหลาย, มีสภาพคล่อง เพราะสามารถขายหรือสับเปลี่ยนกองทุนได้, มีทางเลือกในการลงทุนหลากหลาย, มีกลไกป้องกันผู้ลงทุนโดย ก.ล.ต. เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงทุนถูกเอาเปรียบ เป็นต้น
5. จัดพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง จึงควรจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงตามหลักง่ายๆ คือ 100-อายุปัจจุบันของผู้ลงทุน = สัดส่วนหุ้นที่ควรลงอยู่ในพอร์ต เช่น อายุ 35 ปี สัดส่วนหุ้นในพอร์ตควรมี 100-35=65% ส่วนอีก 35% สามารถกระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อตราสารหนี้ ฝากประจำ หรือถือเป็นเงินสดไว้ พูดง่ายๆ คือ ยิ่งอายุน้อยยิ่งจัดพอร์ตรับความเสี่ยงได้เยอะ ยิ่งอายุมากยิ่งต้องลดความเสี่ยงลง แต่ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ด้วยเช่นกัน
ติดตามเคล็ดลับการบริหารการเงิน สาระความรู้ด้านการใช้เงินอย่าง ‘ฉลาดคิด ฉลาดใช้’ ที่จะช่วยสร้างวินัยทางการเงินที่ดีได้ที่ www.krungsri.com/bank/th/krungsri-consumer/moneymatters และเฟซบุ๊กเพจ ฉลาดคิด ฉลาดใช้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0