โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ก” มองภัยไซเบอร์ปี 62 ไทยคล้ายฟิลิปปินส์

Manager Online

อัพเดต 12 ธ.ค. 2561 เวลา 13.31 น. • เผยแพร่ 12 ธ.ค. 2561 เวลา 13.31 น. • MGR Online

บริษัทซีเคียวริตี้อเมริกัน “พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ก” (Palo Alto Networks) เปิด 5 เทรนด์ภัยไซเบอร์มาแรงปี 2562 เชื่อ 3 ใน 5 เทรนด์แรงจะส่งผลชัดเจนในประเทศไทยช่วงปีหน้า เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ที่มีแนวโน้มใกล้เคียงกันมากที่สุดในอาเซียน ประเมินภาคการเงินลงทุนระบบป้องกันภัยไซเบอร์เพิ่มจาก 2-4% มาเป็น 6-7% จากงบลงทุนระบบไอทีรวม คาดหลายหน่วยงานลงทุนซีเคียวริตี้เพิ่มชัดเจนในยุคดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน

เควิน โอ แลรีย์ (Kevin O’Leary) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ประจำเอเชียแปซิฟิก บริษัท Palo Alto Networks เปิดเผยถึงข้อมูลคาดการณ์ภัยไซเบอร์ปี 2562 สำหรับประเทศไทยว่าจะโดดเด่นที่สุดใน 3 ส่วน ได้แก่ 1. เรื่องการรักษาความปลอดภัยระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมือง (Critical Infrastructure หรือ CI) ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลไทยและหน่วยงานหลายบริษัทจะให้ความสำคัญมากขึ้นต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า 2. การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ที่จะขยายตัวบนความร่วมมือที่มากขึ้น และ 3. การป้องกันข้อมูลของประชาชน ที่รัฐบาลจะบังคับใช้กฏหมายคุ้มครองอย่างเข้มข้นกว่าเดิม

“เทรนด์ภัยไซเบอร์อันดับ 1 ในไทยช่วงปีหน้าคือเรื่อง CI เนื่องจากการผลักดันเมืองอัจฉริยะของภาครัฐและเอกชนไทย ทั้งหมดนี้ทำให้ CI เป็นเรื่องควรต้องโฟกัสเป็นพิเศษถึงปี 2565” เควินระบุ “อีกจุดคือการป้องกันข้อมูล แม้วันนี้จะยังไม่มีโซลูชันเบ็ดเสร็จสำหรับการปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างประเทศ แต่กฏหมายก็ช่วยป้องกันได้ โดยเฉพาะในยุคของปัญญาประดิษฐ์ Machine Learning และ A.I.”

เทรนด์ภัยไซเบอร์ร้อนแรงที่สุดในไทยช่วงปีหน้าทั้ง 3 ข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งใน 5 ภัยที่ผู้บริหาร Palo Alto Networks มองว่าจะมีผลชัดเจนในเอเชียแปซิฟิก โดยอีก 2 ภัยคือปัญหาอีเมลล่อลวง ที่ถือว่าเกิดมานานบนวิธีล่อลวงแบบเก่า นั้นจะยังทำให้เกิดผลเสียหายมากมายในปีหน้า และปัญหาช่องโหว่ในระบบไอทีของซัปพลายเชนบริษัท ซึ่งทุกบริษัทควรใส่ใจไม่เปิดช่องให้ใครโจมตีได้

“Supply Chain ของหลายธุรกิจยังคงมีช่องโหว่ Supply Chain ที่ยิ่งซับซ้อนก็จะยิ่งโจมตีได้ง่าย ระบบไอทีวันนี้ซับซ้อนมากขึ้น บริษัทจึงควรต้องใส่ใจว่าบริษัทเชื่อมต่อกับใครบ้าง” เควินย้ำ “อีเมลก็จะยังทำให้เกิดผลเสียหายได้อยู่ เหมือนรถยนต์ ที่ใครเผลอไปกดปุ่มที่ผิดพลาด ก็อาจจะสร้างความเสียหายได้”

ผู้บริหาร Palo Alto Networks ย้ำว่าทั้ง 5 ภัยไซเบอร์นี้มีโอกาสส่งผลในตลาดไทยทั้งหมด แต่ 3 ภัยแรกนั้นถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงเพราะแนวโน้มการส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไทยที่สูงกว่า เบื้องต้นประเมินว่าภัยไซเบอร์ไทยปีหน้านั้นมีบางส่วนคล้ายกับหลายประเทศในอาเซียน แต่เนื่องจากหลายประเทศมีการตื่นตัวและป้องกันภัยไปก่อนแล้ว ต่างจากบางประเทศเช่นไทยและฟิลิปปินส์ที่เพิ่งเริ่มต้นไม่นาน ทำให้ไทยและฟิลิปปินส์มีเทรนด์ภัยไซเบอร์ที่คล้ายกัน

เบื้องต้น เควินระบุว่าไม่ต้องการระบุตัวเลขประเมินความเสียหายจากภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า เนื่องจากตัวเลขทั้งหมดเป็นการคาดเดาที่ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากประเมินในแง่ของการลงทุนเพื่อป้องกันภัยซีเคียวริตี้ปีหน้า พบว่าภาคการเงินส่งสัญญาณเตรียมเพิ่มงบพร้อมลุยมากที่สุด

“ในมุมหน่วยงานรัฐอาจบอกงบลงทุนได้ยาก แต่จากการสำรวจความเห็นผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายแห่ง พบว่าหลายรายวางแผนจะลงทุนราว 7-8% ของงบลงทุนไอทีรวม ตัวอย่างเช่นบริษัทด้านการเงิน จากที่เคยลงทุนราว 2-4% เท่านั้น แต่บางรายบอกว่าจะเพิ่มเป็น 6-7% อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตก็จะยังเป็น 2-3% อยู่ ขึ้นอยู่กับบริษัท ซึ่งตอนนี้มีการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ก็เริ่มใช้งบมากขึ้น เชื่อว่าการเพิ่มงบจะไม่ขยายตัวรวดเร็ว แต่ก็จะเห็นมากขึ้น”

สำหรับ Palo Alto Networks นั้นเป็นบริษัทที่สร้างชื่อจากธุรกิจจำหน่ายไฟร์วอลล์ซึ่งปักหลักทำตลาดไทยมานาน 9 ปี จาก 13 ปีที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกา จุดนี้ ธิติรัตน์ ทองถาวร ผู้จัดการประจำประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน Palo Alto Networks ระบุว่าวิสัยทัศน์ของบริษัทในวันนี้คือการมุ่งให้บริการในรูปแพลตฟอร์ม โดยเรียกว่า Security Operating Platform ซึ่งจะมีการร่วมมือกับบริษัทอื่นเพื่อพัฒนาระบบซีเคียวริตี้เฉพาะทางได้เร็วขึ้น เช่น ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับ IoT หรือ A.I.

“เราเป็นแพลตฟอร์ม ไม่ได้เป็นแค่ไฟร์วอลล์เหมือนแต่ก่อน วันนี้เราทำไฟร์วอลล์บนคลาวด์ได้แถมยังเป็นมากกว่านั้น เพราะสามารถเติมความสามารถใหม่ได้หมด ไม่ว่าจะใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือคลาวด์ สามารถทำซีเคียวริตี้ได้เหมือนกัน เพราะเปิดให้ทุกคนเข้ามาพัฒนาได้บนแพลตฟอร์มเรา”

ในยุคทองของ IoT, ฟินเทค, ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน, A.I., คลาวด์ และกฏหมาย GDPR ทั้งหมดนี้ผลักดันให้ธุรกิจของ Palo Alto Networks เติบโตขึ้นนอกเหนือจากธุรกิจเดิม ล่าสุดบริษัทมีรายได้มากกว่า 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 29% ต่อปี ตลาดหลักที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในขณะนี้คือเอเชียแปซิฟิกรวมญี่ปุ่น (APJ) ซึ่งเติบโตมากกว่า 35% ในไตรมาสแรกของปี 2562.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0