โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“ปิยบุตร” แจงกรณีหุ้น “วี-ลัค” ท้วง กกต.ไม่เคยเรียก “ธนาธร” หรือพรรคไปให้ข้อมูล หวั่นชี้มูลโดยอาศัยความข้างเดียว

The Momentum

อัพเดต 22 เม.ย. 2562 เวลา 07.21 น. • เผยแพร่ 22 เม.ย. 2562 เวลา 07.21 น. • ฐิตินันท์ เสมพิพัฒน์

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 เวลา 10.00 น. ที่ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคมีเดีย ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา โดยนำหลักฐานเป็นรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องและช่วงเวลาที่มีการโอนหุ้นมาชี้แจง

สืบเนื่องจากข่าวการโอนหุ้นที่ปรากฎออกมาทางหน้าสื่อมวลชนช่วงสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง และธนาธรชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และมีเอกสารหลักฐานการโอนหุ้นตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีข้อสงสัยต่อเรื่องนี้

ปิยบุตรกล่าวว่า ใครที่เรียนวิชานิติศาสตร์มาโดยเฉพาะในวิชาหุ้นส่วนบริษัทจะเห็นได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่ก็ยังคงมีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง จนเกิดคำถามว่า มีความต้องการลดความน่าเชื่อถือของพรรคหรือไม่ ซึ่งเดิมที ทางพรรคต้องการชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อกรณีนี้ แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่เคยได้รับการติดต่อจาก กกต.ให้ไปชี้แจงแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่เตรียมเอกสารหลักฐานไว้พร้อมหมดแล้ว และยังมีสื่ออ้างอิงถึงแหล่งข่าวใน กกต. ว่าจะมีการชี้มูลภายใน 1-2 วันนี้ โดยอาศัยข้อมูลจากกรรมการช่วยตรวจสอบ ซึ่งมีการเรียกหนังสือจากหน่วยงานต่างๆเข้าไปประกอบเพียงฝ่ายเดียว แต่ทางพรรคอนาคตใหม่กลับไม่ทราบเรื่องนี้จาก กกต.เลย มาทราบผ่านสื่อมวลชนแทน จึงเกิดความกังวลใจว่า กระบวนการพิจารณาของ กกต. อาจจะขัดกับหลักการของกฎหมายที่จะรับฟังคำชี้แจงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ทางพรรคจึงขอชี้แจงต่อกรณีนี้ โดยในวันนี้ธนาธรอยู่ระหว่างการเดินทางไปทำภารกิจที่ยุโรป และมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เตรียมเอาไว้เข้าไปชี้แจงกับทาง กกต.แล้ว

ปิยบุตรระบุว่า ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ห้ามผู้สมัคร ส.ส. ครอบครองถือหุ้นสื่อ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นักการเมืองมีโอกาสใช้อิทธิพลของตัวเองไปครอบงำสื่อ ธนาธรจึงปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ไล่เรียงตามลำดับดังนี้:

วันที่ 8 มกราคม 2562 ธนาธรและภรรยาโอนหุ้นให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยมีเอกสารคือตราสารโอนหุ้นพร้อมการลงนามรับรองของโนตารี่ พร้อมใบหุ้นรับรองว่า ได้มีการโอนหุ้นกันเกิดขึ้นจริง พร้อมเช็คขีดคร่อม และมีการบันทึกลงไว้อยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค 2 ที่ระบุให้การโอนหุ้นจะมีผลสมบูรณ์เมื่อมีการทำเป็นหนังสือ และมีการลงนามโดยผู้โอนหุ้นกับผู้รับโอนหุ้นและมีหมายเลขหุ้น และวรรค 3 ที่ว่าการ การโอนเช่นนี้จะนำมาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งในคำพิพากษาศาลฎีกาก็กำหนดเป็นแนวทางไว้แล้ว ว่าเมื่อใดก็ตามที่มีการจดแจ้งในทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้ว ถือว่ามีผลต่อบุคคลภายนอกแล้ว

ปิยบุตรกล่าวว่า กรณีนี้จึงชัดเจนว่าธนาธรและรวิพรรณได้ทำการโอนหุ้น มีผลทางกฎหมายเรียบร้อยแล้วนับแต่วันที่ 8 มกราคม คุณธนาธรจึงไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทวี-ลัคมีเดียอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี นายปิยบุตรกล่าวว่า ข้อสงสัยยังไม่จบ มีสื่อชี้ว่าธนาธรไปปรากฏตัวอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ในวันที่ 8 มกราคม จะเกิดการโอนหุ้นได้อย่างไร ซึ่งในวันนั้น เขาก็ร่วมปราศรัยกับธนาธรที่ อ.สะตึก จ.บุรีรัมย์ แต่ในช่วงบ่ายธนาธรก็เดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อมาจัดการเรื่องโอนหุ้นนี้ ส่วนตัวเขาไปปราศรัยเลี้ยงเวทีไว้หลังนายธนาธรเดินทางกลับ โดยมีหลักฐานการจ่ายเงินค่าทางด่วนอีซี่พาส และมีหลักฐานการเดินทางออกจากบ้านไปสนามบินดอนเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบินไป จ.นครศรีธรรมราชในวันที่ 9 มกราคม ซึ่งชี้ว่า คืนวันที่ 8 มกราคม นายธนาธรอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อทำธุระเรื่องการโอนหุ้นจริง

หลังจากนั้น ในวันที่ 14 มกราคม 2562 นางสมพรได้โอนหุ้นให้นายทวีและนายปิติ ซึ่งเป็นหลานชาย โดยมีหลักฐานเป็นตราสารโอนหุ้นและสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น โดยเหตุผลคือจากเดิมที่ตั้งใจจะปิดบริษัทตั้งแต่ปี 2561 แต่เนื่องจากบริษัทยังมีลูกหนี้ที่เป็นหนี้ค้างชำระกับบริษัทอยู่กว่า 11 ล้านบาท นางสมพรจึงทำตามคำแนะนำของฝ่ายบัญชีบริษัท ว่าควรจัดการสะสางเรื่องหนี้สินนี้ให้เสร็จเรียบร้อย จึงได้โอนหุ้นให้หลานชายเพื่อให้มาทดลองทำธุรกิจด้วย

จากนั้นในวันที่ 19 มีนาคม 2562 ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทวี-ลัคมีเดียครั้งที่ 1/62 มีผู้ถือหุ้นเข้าประชุม 10 คน โดยมีผู้ถือหุ้นเข้าประชุมด้วยตัวเอง 4 คน ที่เหลืออีก 6 คนมอบอำนาจให้ผู้ถือหุ้นอีก 4 คนเข้าประชุมแทน โดยวาระการประชุมคือ แจ้งการลาออกของนางรวิพรรณและแจ้งปิดกิจการ เนื่องด้วยฝ่ายบัญชีบริษัทมาตรวจสอบทราบทีหลังว่า หนี้สินที่มีลูกหนี้คงค้างกับบริษัทนั้นเป็นหนี้เสีย NPL คือ ลูกหนี้หมดศักยภาพในการใช้หนี้แล้ว นายทวีและนายปิติจึงได้โอนหุ้นกลับมาให้นางสมพรอีกครั้งเพื่อดำเนินการปิดกิจการ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 โดยมีหลักฐานเป็นตราสารการโอนหุ้นและสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น

จากนั้น บริษัทวี-ลัคมีเดียจึงยื่นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นตาม บอจ.5 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 21 มีนาคม 2562 โดยเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ระบุให้มีการยื่นปีละหนึ่งครั้ง ภายใน 14 วัน

ปิยบุตรกล่าวว่า เขาไม่กังวลต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหาก กกต. นำข้อเท็จจริงที่ตนเสอนในวันนี้ไปประกอบการพิจารณา เขายังกล่าวถึงการทำงานของสื่อว่า ในระบอบประชาธิปไตย การชอบหรือไม่ชอบบุคคลหรือพรรคการเมืองเป็นเรื่องปกติ เพราะถือว่าเป็นความเห็นต่างกัน แต่การวาดภาพให้ธนาธรหรือตัวเองและพรรคอนาคตใหม่เป็นปีศาจเหมือนในอดีตที่มีการกล่าวหา ปรีดี พนมยงค์ และป๋วย อึ้งภาภรณ์ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0