“ปิยบุตร”จ้อสื่อต่อ หลังปิดประชุมสภา ยันฝ่ายค้านทำเต็มที่แล้ว แม้ยังไม่ได้คำตอบปมถวายสัตย์ แต่ทำให้เห็นว่า“พล.อ.ประยุทธ์” ไม่แยแสรัฐธรรมนูญ ได้รับข้อยกเว้น ส่งไปองค์กรไหนก็รอดหมด เตรียมพิจารณาแนวทาง “วันนอร์” พร้อมหารือพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังเปิดสมัยประชุมเดือน พ.ย.
วันนี้(18 ก.ย.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ภายหลังปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า คิดว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายได้ดี เราใช้เวลากระชับเก็บครบทุกประเด็น และเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทย เสียดายอย่างเดียวว่าคำถามของเรา 10 กว่าคำถามไม่ได้รับตอบอย่างชัดแจ้งจากคณะรัฐมนตรี
เมื่อถามว่าได้คำตอบหรือยังว่าการถวายสัตย์ครั้งต่อไปจะมีบรรทัดฐานอย่างไร นายปิยบุตร กล่าวว่า เสียดายตนตัดสินใจลุกขึ้นมาถามอีกครั้งหนึ่งว่าต่อไปเราจะยึดถือปฏิบัติกันอย่างไร แต่ว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบ ทางซีกฝ่ายค้านโดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยก็ได้อภิปรายย้ำอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีคำตอบว่าสิ่งที่รองนายกฯ พยายามชี้แจงว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณนั้น มันไม่เหมือนปฏิญาณ การถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างตัว ครม.กับพระมหากษัตริย์ ในท้ายที่สุดจะทำให้คนเข้าใจไปได้ว่าถ้าหาถวายสัตย์ปฏิญาณโดยกล่าวถ้อยคำไม่ครบ ถ้ามีการรับโดยพระมหากษัตริย์แล้วมีพระราชดำรัสอำนวยพรให้แล้วจะถือว่าสมบูรณ์ไปแล้วหรือไม่อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราอยากจะได้เป็นบรรทัดฐานเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยไม่ได้จะมีนายกรัฐมนตรีคือ พล.อ.ประะยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงคนเดียว หรือมีรองนายกฯ ชื่อนายวิษณุคนเดียว มันจะต้องมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จึงต้องมีการหาบรรทัดฐาน แต่วันนี้ไม่ได้คำตอบก็ไม่เป็นไร
เมื่อถามว่าเรื่องที่ยังคลุมเครือจะเป็นปัญหาต่อรัฐบาลต่อไปหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนเรียกว่ามันเป็นอาการของโรค จริงๆ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่นายกรัฐมนตรีหนีปัญหา ถ้ายอมรับเสียตั้งแต่วันแรกแล้วหาทางแก้ไขมันก็จบ แต่ท่านไม่ได้พิสูจน์ว่าท่านเป็นผู้นำ และรับผิดชอบตามที่ได้พูดไว้ว่าจะรับผิดชอบเอง แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าอะไรที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาจากกระเป๋า และกล่าวถ้อยคำการปฏิญาณไม่ครบถ้วน
ต่อข้อถามว่าเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบหลังจากนี้จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป นายปิยบุตร กล่าวว่า ทางพรรคฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกัน ทางเลือกหนึ่งที่ได้มีการพูดคุยกันเอาไว้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีการดำเนินการหรือไม่คือสิ่งที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้อภิปรายเอาไว้ ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของตนเห็นว่าน่าจะพอสมควรแก่เหตุ วันนี้ตนคิดว่าพี่น้องประชาชนตัดสินใจและประเมินได้ว่าทางฝ่ายค้านเราพยายามเต็มที่แล้วในการยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และทางนายกฯ ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าท่านเป็นคนที่ไม่ได้แยแสต่อรัฐธรรมนูญเหมือนที่ตนได้อภิปรายในรัฐสภา เรื่องนี้เป็นปัญหาในภาพรวมทั้งหมดต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญบอกว่าใน 1 ปีจะเปิดอภิปรายตามมาตรา 152 ได้ 1 ครั้ง อภิปรายแบบลงมติไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ได้ 1 ครั้ง ปีนี้เราเหลืออีก 3 เดือน ซึ่งซีกพรรคฝ่ายค้านเราก็พิจารณาเรื่องนี้อยู่ว่า 3 เดือนสุดท้ายหลังเปิดประชุมสภาในเดือน พ.ย.เราจะมีการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
“เรื่องนี้มันใหญ่เกินไปถ้าไปถึงจุดที่ว่าสังคมไทยมองเห็นกันว่านายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ทำอะไรก็ได้รับการยกเว้นจากรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะส่งไปองค์กรไหนท่านก็รอดหมดทุกอัน จนทำให้สังคมคิดกันว่าตัว พล.อ.ประยุทธ์ได้รับข้อยกเว้นตลอดแบบนี้มันเกินกว่าที่ฝ่ายค้านจะประเมินแล้ว แต่เป็นเรื่องของสังคมไทยทั้งประเทศว่ารัฐธรรมนูญใช้กับทุกคนแต่มีข้อยกเว้นให้ พล.อ.ประยุทธ์”นายปิยบุตร กล่าว
