โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

“ปันปัน 2019” ชีวิตที่ไม่สนไม่แคร์ แต่ไม่ทำให้ใครลำบาก!

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 18 พ.ย. 2562 เวลา 01.00 น. • THE HIPPO | Another Point Of View
“ปันปัน 2019” ชีวิตที่ไม่สนไม่แคร์ แต่ไม่ทำให้ใครลำบาก!

ไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ “ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์” นักแสดงมากฝีมือที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจนที่สุดคนหนึ่งของบ้านเรา เธอเล่าว่าก่อนที่เธอจะมาเป็นเธอในทุกวันนี้ เธอเป็นคนที่ “เห็นแก่ตัว” คนหนึ่งเลยทีเดียว แต่อะไรที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป และปัจจุบันเธอเป็นคนยังไง สุดท้ายแล้วเธอ “กำลัง” เดินหน้าทำอะไรต่อไป นี่คือบทสนทนาระหว่างเราและปันปัน ที่นำมาฝากทุกคน

 

สมัยก่อนปันปันเป็นคนยังไง?

“สมัยก่อนมีความเห็นแก่ตัวนิดนึงค่ะ เพราะเป็นเด็กถูกสปอลย์ เราก็ไม่รู้ตัวนะ” ปันปันเล่าย้อนไปในวัยเด็ก “สมมุติเดินมามีเก้าอี้นั่งหลาย ๆ ที่ เราจะก็นั่งตรงนี้ ทั้ง ๆ ที่ปกติต้องเข้าไปนั่งข้างใน เพราะถ้านั่งตรงที่เราจะนั่งคนอื่นต้องคลานผ่านเราไป เราก็ไม่! ก็ชั้นจะนั่ง มันนั่งแล้วออกง่าย อันนี้ยกตัวอย่างนะ พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกเป็นคนนิสัยไม่ดี”

“มารู้ตอนโตว่าเราต้องแคร์คนอื่น สนใจคนอื่นบ้าง เพราะโลกนี้ไม่ดีมีเราคนเดียว น่าเป็นจะช่วงมัธยมที่รู้สึกตัวมันต้องว่าใจเขาใจเรา ถ้าเราไม่ชอบแบบนี้คนอื่นก็ไม่ชอบเหมือนกัน”

“เพื่อนสนิทด่าค่ะ” เธอบอกเหตุผลที่ทำให้เธอรู้ตัว “แต่เพื่อนรู้ว่าเรานิสัยแบบนี้ก็จริง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร เขาก็จะบอกว่า ‘ปัน…อย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย จะพูดตรง ๆ ให้ฟังละกันนะว่าเวลาแบบนี้ ๆ ๆ ไม่ควรทำอย่างนี้’ เพื่อนดีมากกกก” เธอย้ำด้วยการลากเสียง “เพราะเพื่อนรู้ว่าเราไม่ได้เป็นนางร้าย แค่เราไม่ได้ใครแคร์ใครเฉย ๆ คือชีคงทนไม่ไหวแล้ว” เธอหัวเราะ

ที่ผ่านมาวงการบันเทิงสอนอะไรปันปันบ้าง?

“สอนให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ใจเขาใจเรามากขึ้น ให้เรารู้ว่าโลกนี้มีคนหลายแบบมาก เราไม่ได้เป็นคนที่เก่งที่สุด รวยที่สุด สวยที่สุด เราต้องทำตัวให้ปกติซะ อย่าไปกดขี่ข่มเหงใคร ทุกคนเกิดมามีแขนขาเหมือนกัน อย่าคิดว่าตัวเองเลิศกว่าใครนะ ให้ใช้ชีวิตให้ปกติที่สุด”

ถือว่าตัวเรา “พลิก” ไปเลยไหมหลังจากเข้าวงการ?

“ไม่ได้พลิกนะ สมัยนี้ปันก็ยังเป็นคนติดสบาย ทำอะไรของเราโดยที่ไม่ลำบากคนอื่นอย่างนี้ดีกว่า แต่ว่าเราก็จะพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอ เช่น ถ้าสมัยก่อนเราไปในที่ที่คนเยอะแล้วคนอื่นนั่งพื้น เราก็จะนั่งเก้าอี้คนเดียวไม่แคร์ แต่ถ้าสมัยนี้ก็ไปนั่งด้วยอะไรอย่างนี้ เรียกว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ดีกว่าค่ะ คือเราไม่ได้เป็นผู้หญิงร้าย ๆ แต่แค่ในอดีตเราไม่นึกถึงใคร เพราะก็ฉันอยู่ของฉัน ฉันสบาย ฉันไม่สนใจ”

“รอบข้างแหละสปอยล์ตั้งแต่เด็ก” เธอกล่าว “เรามีคนขับรถตั้งแต่เด็ก พี่ชายพี่สาวก็ไม่มีนะ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย (จุฬาฯ) พ่อก็ซื้อคอนโดให้ใกล้ ๆ เพราะไม่อยากให้ตื่นเช้าไปเรียน เราก็บอกพ่ออยากซื้อคอนโดที่ชิดลมพ่อก็ซื้อ ซึ่งจริง ๆ บ้านใกล้รถไฟฟ้านะ แต่ว่าต้องนั่งรถออกมาจากซอยครึ่งชั่วโมงเพราะรถติด”

“คนขับรถก็ต้องขับรถจากบ้านที่สุขุมวิท 101 มารับเราที่ชิดลมเพื่อไปส่งที่มหาวิทยาลัย ไม่ยอมนั่งรถเอง เพราะรู้สึกว่าลำบาก พอตอนเช้าขึ้นรถปุ๊บพี่เลี้ยงก็จะทำอาหารไว้ให้กินตอนเช้าบนรถ สี่โมงเย็นเลิกเรียนมารับข้างหน้าคณะ ไม่มีวันจอดรถสามย่านเพราะเดินไกล ร้อน” เธอหัวเราะอีกครั้ง “ทั้งสี่ปีก็คือคนขับรถมารับตลอด ตอนแรก ๆ เพื่อนก็หมั่น ๆ แต่พออยู่ไปนาน ๆ ก็ติดรถไปกันไป เลิกเรียนก็นั่งรถไปลงชิดลม หรือลงสยามก็วนไปส่งได้ จริง ๆ อยู่คอนโดแค่นั้นเราขับรถไปเองหรือนั่งวินไปเองได้แต่เราเลือกที่จะไม่ทำเอง”

ตอนนี้ “ติด” อะไรที่สุด?

“เอาจริง ๆ ไม่มีเลย” เธอตอบแทบจะทันที “ซีรีส์นี่ดูได้ แต่ส่วนใหญ่จะติดพวกรายการวาไรตี้นิด ๆ หน่อย ๆ พวกรายการแข่งทำอาหาร ถ้า Netflix ก็สามารถดูแล้วปิดกลางคันได้เลย เป็นคนติดแชทติดเพื่อนมากกว่า ติดไลน์ตลอดเวลา เป็นคนชอบแชร์กับเพื่อน เช่น มึงกูเข้าห้องน้ำอยู่ เข้าใจฟีลไหม ความสาวความเม้าท์มอย เข้าห้องน้ำอยู่น้า แปรงฟันอยู่น้า”

“คือบางคนเขาก็สามารถนั่งเฉย ๆ นั่งเล่มเกมในห้องได้ แต่ปันไม่ได้ เหมือนเป็นโรคจิตหน่อย ๆ ต้องรู้เพื่อนเราเป็นยังไงบ้าง เป็นนิสัยเสียเพราะทำให้เราฟุ้งซ่านก่อนนอนแล้วนอนไม่หลับ เห้ย..ยังไม่ได้บอกมันเรื่องนี้เลยนี่ว่า มันยังไม่ตอบไลน์เลยนี่หว่า นิสัยไม่ดีอ่ะ ก็เนี่ยถ้าในไอจีในไลน์ไม่มีอะไรใหม่ ๆ ก็ดู Netflix สองนาทีแล้วก็วนกลับมาไลน์ใหม่”

“เวลาในโซเชียลมีเรื่องอะไรก็เหมือนคนปกติเลย เพื่อนก็จะถามว่ามึงรู้เรื่องนี้ป่ะ….สืบก่อน เหมือนกัน เหมือนคนทั่วไป” เธอเว้นจังหวะ “แต่ก็ไม่ขนาดนั้น เรารู้ว่าเที่ยงคืนก็ควรนอนละ ก็จะเปิด airplane mode แล้วปิดไฟนอน”

ถ้าไม่ติดแล้วปันปัน “อิน” กับอะไร?

“อินออกกำลังกาย อินทำอาหารกินเอง เดี๋ยวนี้แฮปปีมาก ตื่นมาทำสมูธตี้เอง ทำกับข้าวกินเอง สมัยก่อนกินข้าวนอกบ้านทุกวันเพราะชอบเจอเพื่อน เดี๋ยวนี้ก็เอ็นจอยการกินข้าวบ้านมากขึ้น กลับไปเจออาม่า กลับไปเจอพี่เลี้ยง เดี๋ยวนี้กลับบ้านบ่อยค่ะ คอนโดก็ไม่ค่อยได้ไปแล้ว เพราะเรียนจบแล้ว”

“ถ้าสังเกตในไอจีเวลาเราเซฟรูป เราเซฟอะไรบ้าง ของเพื่อนปันจะเป็นเมคอัพ เสื้อผ้า ท่องเที่ยว ของปันมีแต่รูปร้านอาหาร ร้านนี้น่ากิน เมนูนี้น่ากิน ลองเอาไปทำบ้างดีกว่า วันนึงก็เลยจุดประกายว่า เห้ย! ฉันน่าจะชอบอาหารว่ะ ทำร้านอาหารดีกว่า”

แปลว่าตอนนี้กำลังมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง?

“ใช่ค่ะ มันเป็นอาหารกึ่ง ๆ สุขภาพ ที่เราหากินไม่ค่อยได้ตามท้องถนน แบบที่ฝรั่งเขาชอบทำกัน วันนึงมันจุดประกายเราขึ้นมาว่า ถ้าฉันหากินไม่ได้ฉันทำเองเลยดีไหม”

“ตอนนี้พยายามให้ร้านเสร็จทันธันวาคม ก็เริ่มจากทำแบบร้าน หา Identity ของร้าน ทำเมนู ช่วงนี้ก็ต้องชิมอาหารทำ Menu Tasting ก็ต้องหาเวลาไปยิมด้วย กลายเป็นใช้ชีวิต Healthy มากขึ้นแต่ไม่ได้ Healthy จ๋าขนาดนั้น ยัง Balance กับชีวิตอยู่ ก็เลยชื่อร้าน ‘Balance’ เลยค่ะ ร้านอยู่ตรงตึกสินธรส่วน Glass House ด้านหน้าค่ะ”

เรียกว่าหยุดไม่อยู่จริง ๆ กับผู้หญิงคนนี้ทั้งบทบาทในวงการบันเทิงและการทำธุรกิจ อย่าลืมติดตามผลงานของและหาโอกาสไปลองชิมอาหารอร่อย ๆ ที่ร้านใหม่ของเธอกันล่ะ!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0