“ปัญหาครูเป็นหนี้” เพราะ…เงินเดือนน้อย! หรือ ไร้วินัยการเงิน?
ชำแหละกระเป๋าเงินข้าราชการครูสิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจสอนได้เท่าไหร่ก็โดนหักหนี้จนหมดกระแสสังคมรุมด่าใช้เงินเกินตัวหวังพ้นพันธนาการก่อนโดนเผาผี
ตั้งแต่ปีกลาย เรื่องหนี้กับอาชีพครูอยู่บนสื่อให้เห็นจนเบื่อ มีการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนขอผ่อนผันการชำระ จนดูเหมือนจะเอาเปรียบอาชีพข้าราชการอื่น มีคำกล่าวโทษว่า ครูบริหารหนี้ไม่เป็น ใช้เงินกับสิ่งฟุ่มเฟือย แม้จะได้รับสิทธิดอกเบี้ยพิเศษกว่าใคร ในขณะที่เด็กกู้เรียนยังถูกทวงถาม ครูเองก็ควรเป็นตัวอย่างที่ดี
หนี้กับครูของคู่กัน เพราะด้วยอาชีพที่มีเกียรติ เป็นหนังหน้าไฟให้ครอบครัว บ่อยครั้งที่ครูถูกยัดเยียดให้เป็นตัวแทนของคนในครอบครัวใหญ่ในการกู้บ้าน ผ่อนรถ หาเงินสดให้พ่อแม่ทำนาไร่ ครูเป็นผู้ให้เสมอมา อีกทั้งภาษีสังคมก็สูงลิบ เงินใส่ซองงานเลี้ยง สินค้าของศิษย์ที่ต้องช่วยอุดหนุน ครูถูกคาดหวังจากสังคมด้วยวรรณะของนักสงเคราะห์
เงินเดือนครู พอไหม ? ฐานเงินเดือนของครูเมื่อเทียบกับข้าราชการทั่วไปจัดว่าไม่น้อย และมีอัตราก้าวหน้าเร็ว เงินวิทยฐานะ เงินค่าตอบแทนพิเศษ แต่ด้วยหนี้ที่เป็นอยู่ ทำให้ครูถูกหักยอดรับเงินเดือนมากเกินกำลังเลี้ยงชีพ จนครูต้องหาเงินจากแหล่งเงินทุนอื่นมาจุนเจือ รถยนต์ผ่อนเดือนละ 5,000- 8,000 บาท กู้ซื้อบ้าน ต้องผ่อนเดือนละ 7,000 – 15,000 บาท บัตรเครดิตขั้นต่ำ 2,000-5,000 บาท อิออนสำหรับทีวีจอแบน เฟิร์สช้อยส์สำหรับแพ็คเกจทัวร์เกาหลี
เหยื่อทางการเมือง!! เป็นครูกู้แสนง่าย ด้วยปริมาณคะแนนเสียงอาชีพครูทั่วประเทศ ไหนจะความเป็นผู้นำทางสังคม มีส่วนในการชักนำลูกศิษย์ ผู้ปกครอง ตลอดจนโน้มน้าวคนใกล้ตัวให้คล้อยตาม ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา มักจะเอาใจครูด้วยกลเม็ดทางนโยบาย แต่ถ้าตรงใจสุด คือขยับฐานเพดานการกู้ และชูดอกเบี้ยพิเศษเพื่อซื้อคะแนนเสียง
ยกตัวอย่างเช่น การกู้บ้าน กรณีข้าราชการครูประสงค์จะกู้ ธนาคารจะให้สิทธิในการกู้ถึง 100 % ไม่รวมตกแต่งอีกร้อยละ 10 การเป็นครูนั้นเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ง่าย บัตรเครดิตและเงินกู้เอกชนที่ล้วนแล้วแต่นำเสนอแด่ครูโดยไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน เมื่อบ้านไม่ต้องดาวน์ เพดานกู้ก็สูงกว่าใคร ยอดหนี้ของครูก็พุ่งทะยาน [ เงินเดือนสุทธิเหลือเพียงแค่ 5,300 บาท ก็สามารถซื้อบ้านราคา 1 ล้าน ได้ ]
มะเร็งร้ายทำลายวินัย เพราะเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ไม่สามารถถูกตรวจได้ด้วยเครดิตบูโร เหมือนเงินกู้อื่น ทำให้ครูมักเกิดการได้ใจ และสะสมหนี้เพิ่มจนมีสัดส่วนผิดเพี้ยนจากความเหมาะสมเป็นอย่างมาก ซึ่งหนี้ที่ต้องชำระค่างวดเกินร้อยละ 30 ของเงินเดือน ทำให้ครูแบกไม่ไหว มีการส่งสัญญาณผ่านการรวมตัวกันเป็นระยะ เช่น ปฏิญญามหาสารคาม ( มิถุนายน 2561 ) ในแต่ละยุคสมัย เมื่อรัฐบาลต้องการทำคะแนนเสียง ก็จะต่อลมหายใจของข้าราชการครู จนทำให้ฟองสบู่ในตัวครูนั้นพร้อมจะแตกกระจาย
สอนได้ทุกอย่างยกเว้นการเงิน วินัยทางการเงินที่ไม่ได้ถูกปลูกฝังจากพฤติกรรมของผู้คนจากยุค Baby Boomer ขาดความรู้ในการจัดการ บริหารหนี้ไม่เป็น จึงทำให้ครูพลาด และเมื่อถูกเอาใจด้วยการใส่เม็ดเงินเพิ่มเข้าไปในระบบให้กู้ สุดท้ายพระคุณที่สาม จึงตกเป็นเหยื่ออันโอชะที่แบกหนี้มหาศาลไว้บนอินธนู
อุ้มชูครู อันแม่พิมพ์ของชาตินั้น นอกจากจะต้องคอยประเมินผลรับรองวิทยฐานะ ซึ่งหากจะต้องมาคอยห่วงเรื่องหนี้สิน บ้านจะโดนยึด รถจะโดนยก ไหนจะค่ารักษาพยาบาลในบางโรคที่เบิกจ่ายไม่ได้ ทำให้ครูเกิดความเครียด และต้องหาทางออกด้วยการสร้างอาชีพที่ 2 หรือ สอนพิเศษ ซึ่งสมาธิของครูที่มีต่อการเรียนการสอนอาจหมดไป เราคงไม่อยากเห็นครูรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปขายน้ำเต้าหู้ที่ตลาดนัดทุกจันทร์ พุธ ศุกร์ แทนที่จะดูแลนักเรียน
จริยวิบัติ แม้ครูส่วนมากจะก้มหน้าชดใช้หนี้ซึ่งตัวเองได้ก่อไว้ แต่ก็มีครูจำนวนหนึ่ง พยายามที่จะใช้ความจนตรอกก่อให้เกิดทางออก และมักจะได้ผลในฤดูกาลเลือกตั้งเสมอ สังคมจึงเกิดคำถามว่า แม่พิมพ์ของชาติ ควรปฏิบัติตนอย่างไร ในขณะที่นักเรียนต้องตั้งหน้าใช้หนี้เงินกู้เรียนอย่างสาหัสแม้เป็นช่วงเริ่มต้นวัยทำงาน ในขณะที่ครูกลับเลือกที่จะหาทางวิ่งเต้นกลบหนี้ซึ่งมีต้นเหตุจากของฟุ่มเฟือย
หยุดเลือดไหล สร้างวินัยในการใช้เงิน ซึ่งไม่แค่เพียงครู แต่แล้วทุกอาชีพจะสำนึกได้ว่า ความพอเพียง ที่ถูกเอ่ยถึงมาตลอดในกาลสมัยรัชกาลองค์ก่อน มิได้เป็นคำกล่าวที่แค่ให้ดูสวยหรู กู้ในสิ่งที่ควรกู้ เป็นหนี้ในส่วนที่ชำระไหว ไม่ดื้อดึงให้ได้ยอดสูง ไม่ไขว่คว้าในสิ่งอันเกินกำลัง บอกกับตัวเองทุกครั้งที่กำลังจะควักกระเป๋า ว่ามันคือเลือดเนื้อของเราทั้งนั้น
ครูเป็นอาชีพในฝันของเด็ก เป็นนิทานก่อนนอน เป็นซานตาคลอสของฤดูกาล อย่าให้เด็กต้องตื่นจากฝัน แล้วพบว่าความสวยงามนั้นมันไม่จริงเลย..
Picture Credit : Chiangrai.net / Kapook.com / Financial Post / AdamHangerMan.com
