ประชาธิปัตย์ ปิดห้องถกทิศทางอนาคตพรรค วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง มุ่งเน้นแก้ปากท้องประชาชน “สาทิตย์” เผย ที่ประชุมมอบ “เฉลิมชัย” จัดทำประเมินผลงานรัฐมนตรีพรรค ขีดเส้น 1 เดือน ต้องเปลี่ยน
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2563 ที่เสม็ดแกรนด์วิวรีสอร์ท อ.เกาะเสม็ด จ.ระยอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ จัดสัมมนาระหว่าง ส.ส. และรัฐมนตรีของพรรค ทั้ง 7 คน โดยมี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยในช่วงแรกก่อนที่จะให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น ได้มีการถ่ายรูปร่วมกัน และการสัมมนาครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พรรค และผู้ไม่เกี่ยวข้อง ออกนอกพื้นที่ด้วย เนื่องจากต้องการให้สมาชิกพรรคแต่ละคนได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงแรกมีการสรุปภาพรวมการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร และการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา รวมถึงวิเคราะห์การเมืองภาพใหญ่หลังวิกฤติโควิด-19 และวิเคราะห์ถึงทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นความเป็นสถาบันพรรคการเมือง จุดยืนและยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะต้องขับเคลื่อนพรรคต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จเหมือนบางพรรคที่ทำสื่อโซเชียลและประสบความสำเร็จ แม้จะเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ รวมถึงการมุ่งเน้นสร้างผลงานในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และการลงพื้นที่ของ ส.ส. เพื่อสนองตอบต่อประชาชน ก่อนที่การประชุมได้เสร็จสิ้นในเวลา 17.00 น.
ต่อมา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.จ.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผลการสัมมนาที่ใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงยอมรับว่าความนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรคลดลง ทำให้ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการทำตามนโยบายที่ได้ให้ไว้กับประชาชนและต้องมีความพยายามเพิ่มมากขึ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันอยู่มามากกว่า 70 ปี ดังนั้นก็ต้องถึงเวลาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบรับการบริหารงานให้กับประชาชน ขณะเดียวกัน ต้องมองถึงการบริหารจัดการในพรรค และที่ประชุมก็ยอมรับตรงกันว่า การทำงานในส่วนของรัฐมนตรีจะต้องมีการประเมินผลงาน โดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รับไปจัดทำรูปแบบการประเมิน ซึ่งส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการสัมมนาครั้งนี้ เพราะการที่ต้องประเมินรัฐมนตรี ก็เพราะ ส.ส. เป็นผู้ที่เลือกรัฐมนตรีของพรรค ในขณะที่ต้องรับผิดชอบต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งหากประเมินแล้วจะออกมารูปแบบใดก็ต้องดูกันอีกครั้ง และมีการกำหนดกรอบเวลาการประเมินไว้ที่ 1 เดือน โดยหลัง 1 เดือน จะต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถบอกได้ว่าการประชุมในวันนี้เป็นไปในทิศทางที่สมาชิกเรียกร้อง แม้ทุกอย่างไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จะถูกนำไปเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
นายสาทิตย์ กล่าวต่ออีกว่า การประเมินรัฐมนตรีของพรรคในขณะนี้ถือว่าลงตัวกับการทำงานมาครบ 1 ปี แล้ว เพราะจะแบ่งเป็น 2 ด้านหลัก คือ 1. ความรับผิดชอบต่อนโยบายของพรรคที่ได้ประกาศไป และ 2. การประเมินความพึงพอใจที่เกิดขึ้นจากการทำตามนโยบายพรรค โดยไม่มีใครแย้งในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม การสัมมนาในครั้งนี้ไม่มีประเด็นเรื่องส่วนตัวชอบหรือไม่ชอบมาเกี่ยวข้อง รวมถึงไม่มีเรื่องการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี รองรับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะมีขึ้น และที่ประชุมเห็นตรงกันว่าการพูดคุยในรูปแบบเช่นวันนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทุกฝ่ายได้คุยกันอย่างตรงไปตรงมา ให้พรรคกลับมาเป็นพรรคในระดับนำเหมือนในอดีต อีกทั้งส่วนตัวมองการสัมมนาวันนี้ในระดับที่ร้อยละ 70 จากที่คาดการณ์ไว้ บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องเกรงใจกัน ชี้ให้เห็นสิ่งไหนถูกผิด เป็นประชาธิปไตย ไม่มีพูดลับหลัง เช่น ท่าทีหรือภาวะผู้นำที่บางเรื่องไม่สามารถอยู่เฉยได้ และต้องมีท่าทีที่ชัดเจน เชื่อว่าจะไม่มีการเช็กบิลกันในคราวหลัง เพราะการได้พูดตรงไปตรงมา เป็นการเปิดใจกัน หากทุกคนทำงานเพื่อพรรคมากขึ้นก็จะไม่มีใครไปเช็กบิลกับใคร
“ในเมื่อเปิดใจคุยกันแล้วเราก็อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเขาก็รับไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งเราก็ได้บอกเขาแล้วว่าถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็จะมีคน 2 ประเภท คือ หนึ่ง หนีไปเลย ออกไปจากพรรค หรืออีกประเภทหนึ่งคือสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ดีทั้ง 2 อย่าง เพราะฉะนั้นระยะเวลา 1 เดือนจากนี้ ไปจะเป็นตัวตัดสินว่าจะเป็นอย่างไร”
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- เกษตรฯ ชูโปรเจกต์ Agri biz Idol เฟ้นหาสุดยอด ปั้นนักธุรกิจเกษตร
- “เฉลิมชัย” ลุยกระบี่ ตรวจเยี่ยมบริหารจัดการน้ำ ติดตามแก้แล้ง-รับมือท่วม
- สศก.เฉลิมพระเกียรติ "ในหลวง" เปิดตัว แรงงานคืนถิ่น ติวเข้มสอนทำเกษตร
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
