โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“บ๊วย" เดือด! แจงเงิน 28 ล้านที่ได้รับบริจาคยังอยู่ น้ำตาคลอำอะไรผิดถึงทำบุญไม่ได้

ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เผยแพร่ 03 ก.ค. 2563 เวลา 14.00 น.

เป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียล หลังมีเพจหนึ่งในเฟซบุ๊ก ออกมาแฉรายการอย่าง"ช่องส่องผี" ว่า เรนนี่พิธีกรหลักแอบอ้างเคยประสบอุบัติเหตุ ตายไปแล้วฟื้นมาได้เลยเห็นผี สามารถติดต่อกับบูรพกษัติริย์หลากหลายพระองค์ บิดเบือนประวัติศาสตร์ สร้างความเชื่อพิสดารและหลอกขายเครื่องรางปลุกเสกบูชาผี รวมถึงมีการเปิดบัญชีรับบริจาค ให้คนโอนเข้าบัญชีหนึ่งในพิธีกรของรายการ อย่างหนุ่ม "บ๊วย เชษฐวุฒิ" ที่เปิดบัญชีชื่อตัวเองแล้วให้ประชาชนโอนมา ซึ่งมีจำนวนเงินกว่า 28 ล้านบาท สร้างความสงสัยว่าเข้าข่ายฟอกเงิน หลอกลวงประชาชน  ไม่โปร่งใสบางส่วนยังมองว่าพิธีกรดังใช้ประโยชน์จากตรงนี้นำไปลดหย่อนภาษีตัวเองหรือไม่?

ล่าสุดวันนี้ 3ก.ค. 2563  พิธีกรหนุ่ม "บ๊วย" ทนกระแสสังคมที่ออกมาถามถึงประเด็นดังกล่าวไม่ไหว นัดแถลงข่าวด่วนทันที  ในช่วงเวลา 16.00น. โรงแรม S.D. Avenue Hotel พร้อมหอบหลักฐานการโอนเงินบริจาคในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงความบริสุทธิ์ซึ่งมีผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ “บ๊วย เชษฐวุฒิ” และ “เจมส์ ศราวุฒิ” สองพิธีกรของรายการมาร่วมแถลงข่าว พร้อมด้วย “ทนายความ ปาริกา กองเงิน” ส่วน เรนนี่ สุระประคำ อีกหนึ่งพิธีกรไม่มาร่วมแถลงข่าว โดยแจ้งว่าไปทำบุญที่จ.เชียงใหม่

“บ๊วย เชษฐวุฒิ” เผยว่า "ก่อนอื่นผมต้องชี้แจงก่อนว่า จริงๆ เรามีความตั้งใจจะแถลงข่าวกันในวันที่ 6 ซึ่งก็คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เป็นวันเข้าพรรษา และเราก็จะไปถวายเทียนพรรษากันที่วัด คือเราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะแถลงข่าวกันในวันนี้เลย แต่ด้วยความที่ตอนนี้ผมได้รับผลกระทบ ผมจึงจำเป็นที่จะต้องทำการแถลงข่าวด่วน"

 

"ที่ผ่านมาผมยอมรับนะครับว่าทุกคนอาจจะไม่ได้รู้จักรายการช่องส่องผี เพราะรายการเราเป็นรายการเล็กๆ มีทีมงานไม่ถึง 10 คน และส่วนใหญ่คนที่มาร่วมกันทำงานก็เป็นอาสาสมัคร ดังนั้นในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ชมรายการและพอมันมีข่าวแบบนี้ออกมา มันก็เลยมีความเสี่ยงที่จะถูกเข้าใจผิดได้ ดังนั้นผมจึงอยากจะชี้แจงในฐานะที่ผมเองเหมือนเป็นจำเลยสังคม ที่บอกว่าผมฉ้อโกงบ้างแหละ ลวงโลกบ้างแหละ หรืออะไรก็ตามที่ว่ากล่าวต่างๆ นานาเข้ามา และไม่ใช่แค่การทวงถาม แต่เป็นการใช้คำหยาบคาย"

"อย่างที่บอกครับจริงๆ แล้วเรามีแพลนจะชวนกันไปทำบุญช่วงเช้าวันจันทร์ที่วัด และก็ถวายเทียนเข้าพรรษา และหลังจากถวายเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเริ่มการแถลงข่าว ซึ่งผมต้องย้ำก่อนนะครับว่าตามกำหนดการมันคือการ ชวนกันไปทำบุญไม่ใช่การแถลงข่าว แต่ด้วยความที่มันมีข่าวนี้ออกมาเราก็จะถือโอกาสพูดในวันนั้นเลย เราไม่ได้มีเจตนาหลบเลี่ยงสื่อมวลชนแต่อย่างใด"

"ถามว่าทำไมวันนี้อาจารย์เรนนี่ถึงไม่มา ก็เพราะวันนี้อาจารย์เรนนี่ไปทำบุญที่เชียงใหม่ตามกำหนดการเดิมของเขาครับ เนื่องจากว่ามันเป็นวันที่เราหยุดถ่ายทำรายการ แต่ถามอีกว่าทำไมผมถึงต้องแถลงข่าวด่วน ก็อย่างที่บอกครับผมได้รับผลกระทบ เพราะล่าสุดท่านเจ้าคุณที่ผมจะไปทำบุญถวายเทียนพรรษาในวันจันทร์ ท่านได้โทรมาหาผมด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ ท่านบอกว่าเขาไม่ให้มีงานแถลงข่าวที่วัดได้ไหม? เทียนพรรษาขอให้ไม่ถวายที่วัดได้ไหม? ซึ่งผมซื้อเทียนพรรษาไว้เรียบร้อยแล้ว มันเลยทำให้ผมสงสัยว่าผมโดนคดีอะไรเหรอทำไมผมถึงถวายเทียนพรรษาที่วัดไม่ได้ ผมผิดอะไรเหรอ"

"เท่านั้นไม่พอครับ ใบอนุโมทนาบัตรที่มียอดหนึ่งล้านกว่าบาท ผมแก้ไขแล้วนะครับ ผมอ่านกระแสสังคมที่บอกว่าทำไมถึงต้องเป็นชื่อผม ซึ่งอันนี้ผมได้คุยกับนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญเรื่องสรรพากร และเชื่อว่าการมีใบอนุโมทนาบัตรเป็นชื่อบุคคลมันคือเรื่องปกติของสังคมไทย จะเป็นชื่อใครล่ะครับในเมื่อบัญชีเป็นชื่อผม ใบอนุโมทนาบัตรก็ต้องเป็นชื่อผม แต่มันก็มีประเด็นอีกว่า ทำไมไม่เป็นชื่อคนอื่น? เขาโอนกันมาเท่าไหร่? คือ… ยอด 1 วัน หนึ่งล้านบาท ผมจะแจงอย่างไรครับ"

"อย่างที่บอกครับตอนแรกผมตั้งใจจะพูดทุกอย่างวันจันทร์ แต่สาเหตุที่ทำให้ผมต้องออกมาแถลงข่าววันนี้ก็เป็นเพราะผมไม่มีที่ยืน ผมถวายเทียนพรรษาไม่ได้ ผมทำบุญไม่ได้ครับเพราะวัดไม่รับ ต่อจากนี้ช่องส่องผีไปที่ไหนผมเป็นตัวซวยเหรอครับ ผมทำผิดอะไร ผมผิดกฎหมายอะไร ผมเป็นจำเลยสังคมเหรอ ทุกคนสนุกมากกับการเสพข่าวว่าบ๊วยมันจะชิบหายเมื่อไหร่"

"และท่านก็พูดอีกว่า โยมถ้าเงินหนึ่งล้านกว่าบาทเนี่ยอาตมาขอคืนได้ไหมเขียนเช็คคืนจากทางวัด? ตอนนั้นใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยครับ เพราะถ้าคืนผมต้องคืนทั้งหมด และถ้าหากวัดไม่รับเงินผมก็จะโอนคืนให้หมดทุกบัญชี ทุกบาท ทุกสตางค์ที่โอนเข้ามา แต่มันต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ ผมไม่โกงแน่นอน"

"ก่อนหน้านี้เรื่องใบอนุโมทนาบัตรที่มีปัญหา ผมก็ได้ขอไปแก้กับทางวัดแล้วนะครับ ก็คือเพื่อความสบายใจของทางวัดหากทางวัดไม่สบายใจ ก็ขอให้ท่านเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เชษฐวุฒิ วัชรคุณ และครอบครัวช่องส่องผี รวมถึงเขียนกำกับด้วยว่า จะไม่นำใบอนุโมทนาบัตรนี้ไปใช้ประโยชน์ทางการลดหย่อนภาษีไม่ว่าใดๆ ก็ตาม ซึ่งผมจะไปเซ็นชื่อวันจันทร์ แต่กลายเป็นว่าวันนี้ผมต้องจัดแถลงข่าวด่วนเพราะผมโดนแบบนี้ และผมก็ต้องโอนเงินคืนทั้งหมดเพราะว่ามันผิดวัตถุประสงค์แล้ว"

 

"รายการช่องส่องผี คือรายการที่นำเสนอเรื่องบาปบุญคุณโทษ หลายคนบอกว่ามันเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ อันนี้ผมเข้าใจนะครับ และผมก็บอกเสมอตลอดทั้งเทปถ้าหากคุณไปฟัง ผมจะบอกทุกครั้งครับว่าประวัติศาสตร์เป็นแบบนั้นแบบนี้ตามที่ผมศึกษามา แต่สิ่งที่เราจะนำเสนอนั้นมันคือมุมมองของเรา ซึ่งผมก็ต้องขอโทษด้วย ขอโทษจริงๆ ที่มันไปกระทบความเชื่อส่วนบุคคลของใครก็แล้วแต่"

"สำหรับเรื่องเหรียญเราขายครับ สื่อทุกสื่อผมถามหน่อยคุณมีสปอนเซอร์ไหมครับ คุณต้องใช้เงินไหมครับ คุณต้องใช้ปัจจัยไหมครับ เหรียญขายจริงๆ ครับ อันไหนเราขายเราก็บอกว่าขาย เราไม่เถียง แต่ที่คนมาบอกว่าราคาเป็นหมื่น จริงๆ เราขายกันแค่ 299 บาท แต่เขาไปปั่นกันเอง อาจารย์เจมส์ยังบอกเลยว่าอย่าไปซื้อเพราะราคามันสูงเกิน"

"ผมไม่ได้ตั้งใจทำรายการเพื่อรับบริจาคเงิน ผมไม่ได้เรี่ยไรเลยว่าทุกคนต้องเท่านั้นเท่านี้ แต่ผมพูดเสมอว่า รายการของผมคือตัวแทนของความสามัคคีเล็กๆ ที่สามารถร่วมกันทำบุญใหญ่ได้ รายการเราสอนเรื่องบาปบุญคุณโทษ เอาเงินไปหนึ่งบาทก็กลายเป็นเปรตแล้ว ดังนั้นผมจะเอาทำไม ถ้าผมเอาผมคงไม่มีหน้าไปพูดหรอก ประเทศนี้ผมขอถามหน่อยครับ มีใครบ้างที่ทำผิดจนไม่สามารถทำบุญได้ในฐานะพุทธศาสนิกชน มีไหมครับ ผมคิดว่าผมคือคนแรก"

"ไม่ต้องกังวลเลยครับว่าจะมีการโกง ลวงโลก ไม่ต้องห่วงเลยครับว่าผมจะทำแบบนั้น เพราะว่าสรรพากรจะรู้อยู่แล้วว่าบัญชีของใครเป็นอะไรยังไง ข้อมูลทุกอย่างจะถูกส่งไปให้สรรพากรอยู่แล้วครับ"

 

เรื่องกล้องเรามีอะไรอยากจะชี้แจงไหม ?

เจมส์ :  "สำหรับกล้องผมไม่เถียงอาจารย์อีกท่านนะครับในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ ผมเห็นด้วยครับกับสิ่งที่ท่านพูด แต่ว่าสิ่งที่ผมพบมันไม่เหมือนกับสิ่งที่ท่านเข้าใจ เพราะเวลาที่ผมอยู่หน้างานสิ่งที่อาจารย์เรนนี่พูดกับสิ่งที่ผมเห็นหน้าจอมันบังเอิญเกินไป คือมันเยอะจนผมเชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้ และถ้าถามผมว่ามันคืออภินิหารไหม อันนี้ผมก็ไม่รู้ แต่สำหรับผมมันเป็นสิ่งที่ผมเองก็อธิบายไม่ได้ครับ"

บ๊วย :  "เรนนี่จะเห็นผีหรือไม่เห็นผีผมไม่ได้ต้องการมาพิสูจน์ มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 30ต้นๆ ถูกด่าอีบ้างแหละ ด่าพ่อแม่บุพการีบ้างแหละ เขาเป็นน้องเรา จะให้เราทำยังไงล่ะ คือถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องดู ไม่เป็นไร และถ้าเกิดผิดกฎหมายก็แจ้งความ ก็ท้วงติงมาได้ แต่ขอให้ที่เป็นคำสุภาพพูดกันดีๆ"

อย่างล่าสุดมีข่าวออกมาว่าผมโดนหนังสือ บุกรุกของกรมศิลปากร ?

บ๊วย :  "วันนี้ผมเอาเอกสารมาครับ ชื่อเรื่องเขาระบุว่า 'ขอแจ้งการใช้สถานที่ภายในเขตโบราณสถาน' นี่คือการบุกรุกเหรอ บุกรุกเหรอครับ"

เจมส์ :  "ผมต้องขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมนิดหนึ่งนะครับ เรื่องนี้ก็คือเราตั้งใจจะหล่อพระไปตั้งที่วัด แต่การที่ผู้ใหญ่ที่ท่านดูแลพื้นที่ท่านส่งจดหมายมาเตือน นั่นคือสิ่งที่ท่านทำถูกต้องแล้วครับ"

เจมส์ :  "แต่สำหรับเรื่องของวันที่ 2มิถุนายน อันนี้ตัวผมเองก็ต้องขอน้อมรับผิด ในกรณีที่เราเดินทางไปถ่ายทำที่วัดกุฎีดาว เนื่องจากเทปวัดกุฎีดาวเป็นเทปแรกที่เราไปถ่ายมาทำกันในสถานที่โบราณ อันนี้ผมยอมรับผิดครับ และถ้าหากกรณีที่ผมไปถ่ายทำได้สร้างความเสียหายในเรื่องข้าวของหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมก็ยินดีที่จะเข้าไปดำเนินการจัดการให้เรียบร้อยครับ"

 "อย่างกรณีของวัดกระซ้าย อันนี้ตัวผมเองก็ไม่ทราบ เพราะตอนที่ไปถ่ายที่วัดกระซ้ายผมเดินไปไม่ได้มีความตั้งใจจะไปถ่าย แต่พอผมไปเจอกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนดูแลพื้นที่ ผมก็ได้ไปถามเขาว่าที่ตรงนี้ผมสามารถถ่ายได้ไหม? มีคนดูแลไหม? และพอเขาบอกว่าได้อนุญาต ผมก็เลยเข้าไปทำการถ่ายทำ"

บ๊วย :  "เรื่องความผิด ผมยอมรับผิดครับ ถ้าหากมีความผิดตามกฎหมายผมยอมรับครับ อย่างกรณีของวัดกุฎีดาว ตอนแรกวัดเป็นวัดร้างนะครับ แต่ตอนนี้มันเหมือนเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์และกลายเป็นสร้างธุรกิจให้กับชุมชนไปแล้ว คุณสามารถไปดูก่อนและหลังได้ว่ามันมีการพัฒนาขึ้นในธุรกิจฐานราก ลองไปถามดูครับ"

บัญชีที่เราเปิดรับบริจาค มันเป็นบัญชีเลขเดียวหรือว่ามีหลายบัญชี ?

บ๊วย :  "คือบัญชีที่อยู่ในกองเดียวกัน 25ล้าน มันมีทั้ง กฐินวัดแก้วฟ้า มีทั้งสถูปพระเจ้าตาก มีทั้งทำบุญเด็ก มีทั้งผ้าป่าวัดมโนภิรมย์ มีทั้งกองทุนโควิด-19มันเลยเป็นยอด 25ล้านบาท ผมถึงได้บอกว่าแม้มันมากองรวมกัน แต่ว่าตอนปิดยอดของแต่ละโครงการตัวเลขมันตรงนะ คุณสามารถไปย้อนดูได้"

"อย่างเรื่อง โควิด-19ถามผมว่าทำไมต้องตั้งกองทุน ก็คือด้วยความที่เพื่อนผมเป็นคุณหมอ ผมก็ถามเขาว่ามีอะไรให้ช่วยบ้างไหม มันก็คือการช่วยกันครับเป็นการร่วมบุญกันและถ้าถามอีกว่าทำไมถึงต้องเป็นบัญชีผม สะพานบุญครับ ผมใช้ชื่อตัวเองการันตีซึ่งมันเสี่ยงมาก ไม่เป็นการการันตีตัวเองครับ"

เจมส์ :  "เราสามารถบอกได้ทันทีว่ายอดนี้ใช้เท่านี้เหลือเท่านี้ อันนี้ปิดยอดไปแล้วเหลือเท่านี้ซึ่งมันจบง่ายกว่า"

แล้วคนโอนเขาจะทราบได้อย่างไร ว่าเขาโอนมาเพื่อสร้างเจดีย์ หรือโอนมาเพื่อใช้ในโครงการอื่น ?

บ๊วย :  "ทราบครับ เพราะเราจะประกาศก่อนเลยว่าถ้าหากใครโอนเงินมาหลังจากวันนั้นวันนี้ เงินของคุณก็จะไปสมทบอีกยอดหนึ่งนะ ซึ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้"

ตอนนี้ได้มีการโอนเงินไปแล้วบ้างหรือยัง ?

เจมส์ :  "เงินทุกอย่างยังอยู่ในบัญชีพี่บ๊วยทั้งหมด ยังไม่ได้มีการใช้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ทางพี่บ๊วยเขาได้แตกออกไปเป็นกองๆ ตามวัตถุประสงค์และยอดที่ปิดไว้เท่านั้น ยังไม่ได้มีการโอนเลยทั้งสิ้น ยังไม่ได้จ่ายให้ใครเลย จะมีก็แค่อย่างเดียวก็คือจ่ายยกช่อฟ้า"

บ๊วย :  "ผมผิดเองครับ จริงๆ มันต้องใช้คำว่าแบ่งสมุด ผมโง่เอง ขอโทษด้วยครับ"

ย้อนกลับไปกรณีที่ทางวัดแจ้งว่าจะไม่ขอรับเงินในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เราตั้งใจจะทำอย่างไรต่อ ?

ทนายความ :"เราก็จะโอนคืนครับเพราะเงินไม่ได้ถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ สมมุติว่าถ้าหากทางวัดเขียนเช็คคืนกลับมา และเงินกลับเข้ามาในบัญชีปุ๊บ เราก็จะโอนเงินทุกบาททุกสตางค์คืนตามเลขบัญชีที่โอนมาหาเรา ซึ่งอาจจะช้าหน่อยแต่เรามีต้นขั้วอยู่แล้ว ตรวจสอบได้"

 

มีประเด็นเหมือนกันนะครับที่เข้ามาถามว่าทำไมถึงไม่โอนตรงไปที่วัด ?

บ๊วย :"ก็คือไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะต้องโอนในบัญชีชื่อผม อย่างกรณีของวัดแค สุพรรณบุรี ที่จะทำหอสวดมนต์ ผมก็บอกครับเพราะโอนเข้าบัญชีวัดได้เลย เพราะผมก็ไม่อยากจะแบกเยอะจนเกินไป และเงินสองล้านกว่าบาทก็มีหนังสืออนุโมทนาออกมา ทุกคนก็ได้เห็น"

ยืนยันว่าไม่มีการนำเงินไปใช้ส่วนตัวแน่นอนถูกต้องไหม ?

บ๊วย :  "ถ้าทำผมไม่มีที่ยืนแน่นอนครับ เพราะขนาดตอนนี้ผมไม่ได้ทำ ผมยังแทบจะไม่มีที่ยืนเลย เงินทุกบาททุกสตางค์เขาโอนมาด้วยจิตบริสุทธิ์ และตอนนี้ตัวผมเองก็กำลังถูกทำลายศรัทธา"

จะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาไหม ?

ทนายความ : "ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเก็บรายละเอียดข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน คืออยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ซึ่งในการที่เราจะดำเนินคดีกับใครสักคน คนๆ นั้นจะต้องละเมิดกฎหมายกับเราจริง ฉะนั้นไม่ต้องกลัวเลยค่ะว่าจะเป็นการดำเนินคดีแบบกลั่นแกล้งหรือปัดกวาด แต่จะต้องเป็นความผิดที่ชัดเจนและเราได้รับความเสียหายอย่างชัดเจนเท่านั้นค่ะ"

เรื่องของการเห็นผีเรามีอะไรจะชี้แจงบ้าง ?

บ๊วย :  "เรื่องคนเห็นผีผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีคนเดียวครับ และผมก็เลยไม่ได้บอกด้วยว่าจะต้องให้ใครเชื่อ หรือต้องมาเชื่อเหมือนผม ผมคิดว่าการทำงานของรายการช่องส่องผี คือครอบครัวของเราก็แค่อยากจะทำดี ทำดีให้ผีอาย ตามแฮชแท็กที่เราตั้งขึ้น"

 

รู้สึกอย่างไรบ้างที่คนมองว่าเราบิดเบือนประวัติศาสตร์ ?

บ๊วย :"เสียใจครับ แต่ผมอยากขออนุญาตให้ทุกคนไปดูคอนเทนต์ของรายการทั้งหมด ว่าคอนเทนต์ของรายการคืออะไร เพราะถ้าตอบไปมันก็ไม่จบ"

ที่ผ่านมาเราได้ถามอาจารย์เรนนี่ไหมว่าเขาเห็นจริงหรือเปล่า ?

เจมส์ :  "เราถามตลอดครับ ผมจะเรียนอย่างนี้ครับว่า ถ้าหากดูเทปวัดขุนอินทประมูล คือเราจะบอกว่า สถานที่ไหนที่เคยมีครูบาอาจารย์มานั่งสวดมนต์หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ตรงนั้นจะมีบารมีประสิทธิ และสำหรับในวันที่เราหล่อพระ เราก็หล่อเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เพราะเราคิดว่าเราทำเพื่อแผ่นดิน ดังนั้นเวลาที่เราอัญเชิญเทวดา อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ บูรพกษัตริย์ที่เราเคารพ ก็จะมีบารมีประสิทธิที่เป็นเหมือนบารมีของท่านมาปกป้องดูแล"

บ๊วย :"ซึ่งอาจารย์เรนนี่ไม่ได้อันเชิญนะครับ"

ทนายความ :"ใช้คำว่าบารมีประสิทธินะคะหรือบารมีของท่าน โดยลักษณะการเห็นของอาจารย์เรนนี่ ก็คืออาจารย์จะเห็นในลักษณะของลำแสง ซึ่งมันไม่สามารถจะอธิบายหรือบอกให้ใครที่ไม่ได้มีความเชื่อได้ทราบหรอกว่า อาจารย์เห็นจริงหรือไม่เห็นจริง ต่อให้เห็นจริงแต่คุณไม่เชื่อ มันก็ไม่เกิดประโยชน์ในการตอบคำถามนี้

ประเด็นเรื่องคำว่าการแอบอ้าง เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ใช้กันจังเลย คำว่าแอบอ้างมันแฝงไปด้วยว่าเราอาศัยประโยชน์จากการพูดถึง ซึ่งในการกล่าวถึงแต่ละครั้งของเรา ไม่ได้มีการอ้างเพื่อประโยชน์ แต่เป็นการกล่าวถึงด้วยความเคารพ จบประเด็นค่ะเท่านี้"

การทำงานของรายการช่องส่องผีหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ?

บ๊วย :"รายการเราทำไปพัฒนาไป เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพัฒนาอีก แต่ก็งงเหมือนกันครับ มึน"

เจมส์ :"เราก็ต้องยอมรับคำว่าเราควรที่จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น ทุกๆ คำเตือนทุกๆ ข้อความที่ทุกท่านให้สติว่าเราต้องระวัง เพราะบางครั้งคำพูดของเรามันก็ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ซึ่งคนดธบางคนเขาก็อาจจะไม่ได้ใช้วิจารณญาณในการดูเลยและเขาเชื่อไปเลย ดังนั้นเราก็อาจจะต้องกรองกันให้มากยิ่งขึ้น และก็คงจะต้องปราณีตในการถ่ายทำมากขึ้น ต้องมีการปรับครับ เพื่อให้สังคมได้ประโยชน์ตามความตั้งใจและจุดประสงค์ของพวกเราตั้งแต่แรก" .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0