แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดนราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมตรีฝ่ายกฎหมาย และนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการครม. ร่วมหารือเพื่อหาทางออกกรณีที่มีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเสียบบัตรแทนกันซึ่งอาจส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เป็นโฆษะได้หากมีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยตีความ โดยนายวิษณุ รองนายกรัฐมนตรี เสนอทางออกเพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้ กลางที่ประชุมว่า เพื่อไม่ให้ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ทั้งฉบับเป็นโฆษะ เห็นว่า ต้องบีบให้ส.ส.รายนั้นยอมรับว่า ได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหาจริง
อย่างไรก็ดี มีการประเมินด้วยว่า หากมียื่นส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตามกระบวนการของศาลจะใช้เวลาเร็วที่สุดในการพิจารณาประมาณ 15 วัน และอย่างช้าที่สุดประมาณ 2 เดือน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 มกราคม 2563) นายวิษณุ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสียบบัตรลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ของสมาชิกพรรคภูมิใจไทยโดยที่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภาซึ่งอาจทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณมีความล่าช้า หากมีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ทราบ รอให้เขาตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน อย่างไรก็ดี กล่าวยอมรับว่า ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนได้คุยกับนายกรัฐมนตรีเป็นการส่วนตัวถึงเรื่องนี้เป็นการพูดกันแบบไม่ได้เป็นทางการ เพราะต่างคนต่างไม่รู้ข้อเท็จจริง ตอนนี้รอให้ข้อเท็จจริงชัดเจนก่อน
ต่อข้อซักถามที่ว่า มีความเป็นห่วงกันว่า จะทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 มีความล่าช้าออกไปด้วยนั้น นายวิษณุ ระบุว่า กระทบต่อร่างพ.ร.บ.งบประมาณที่ทำให้ล่าช้าแต่ไม่คิดว่า ผลจะกระทบจนทำให้เกิดความเสียหายอะไรแค่ล่าช้าเท่านั้น
“หากมีการร้องต่อศาล เราก็ต้องรอ ซึ่งความช้านั้นมันมีแน่ และเราได้คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าช้าเราจะทำอย่างไร แต่ยังบอกไม่ได้ รอให้มีความชัดเจนก่อน”
เมื่อถามว่า นายกฯ เป็นห่วงเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ห่วงอะไรตนอธิบายให้นายกฯฟังแล้ว เมื่อถามว่า ถึงอย่างไรก็ต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ควรต้องเป็นอย่างนั้นแต่อยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนทำเพราะคนทำมีเยอะส.ส.ก็ทำได้ ส.ว.หรือรัฐบาลก็ทำได้แต่ถ้าส.ส.ทำน่าจะเหมาะกว่า ซึ่งอันดับแรกก่อนจะยื่นศาลต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้ถือว่าสำคัญเพราะการตรวจสอบก่อน มันจะทำให้เกิดความชัดเจนว่า จะต้องแก้ด้วยวิธีไหน อย่าลืมว่า ถ้าไม่มีการตรวจสอบและเกิดมีการส่งไปที่ศาล ทางศาลก็ต้องไปนั่งรื้อตรวจสอบอยู่ดี ดังนั้น สู้ให้สภาตรวจสอบมาก่อนไม่ดีหรือจะได้ทุ่นเวลาในศาลด้วย
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ทางสภาต้องประสานมาที่รัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องประสาน เพราะเป็นเรื่องของสภา นายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภา ก็มีอำนาจอยู่แล้ว ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลคือ แค่อาจจะทำให้งบประมาณล่าช้าบ้างเท่านั้น
