พ.ต.อ.ภควัต ธรรมดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองว่าลูกสาวซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15 ปี ถูกแก๊งค้ายาเสพติดกักขังไว้ในห้องพักของบ้านเช่าแห่งหนึ่งในอำเภอนางรอง เพื่อบังคับให้ร่วมขบวนการส่งกระจายยา หากขัดขืนไม่ยอมทำตามจะทำร้ายร่างกาย จึงขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือเพราะกลัวลูกสาวจะได้รับอันตราย
จากนั้นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนางรอง จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ชาลี ปรังประโคน รอง ผกก.สภ.นางรอง , พ.ต.ท.มานิตย์ สร้อยจิตร รอง ผกก.สส.สภ.นางรอง , ร.ต.อ.สมพงษ์ ศรีชุมแสง สวปฯ สภ.นางรอง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอนางรอง ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือเยาวชนหญิงอายุ 15 ปี ตามที่ได้รับแจ้ง
เมื่อไปถึงบ้านเช่าหลังดังกล่าวพบว่ามีการเปิดห้องพัก 2 ห้อง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าขอตรวจค้นภายในห้องเช่าทั้ง 2 ห้อง ก็พบชายวัยรุ่น 1 คน และเยาวชนหญิงอยู่ภายในห้องอีก 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ น.ส.อั้ม เยาวชนหญิงอายุ 15 ปี ชาวละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ที่ผู้เป็นพ่อโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ ทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือน้องอั้มก็วิ่งร้องไห้เข้ามากอดผู้เป็นป้าซึ่งเดินทางไปพร้อมกับทีมเจ้าหน้าที่ด้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ได้ทำการตรวจค้นภายในห้องเช่าทั้ง 2 ห้อง พบทั้งอาวุธปืน ยาบ้า ยาไอซ์จำนวนหนึ่ง รวมถึงอุปกรณ์การเสพ และเครื่องชั่งดิจิตอลสำหรับชั่งยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในห้องเช่า เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบไว้เป็นหลักฐาน อย่างไรก็ตามขณะเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบพบว่าหนึ่งในแก๊งค้ายา ชื่อว่านายหลุยส์ อายุ 33 ปี ซึ่งคนเป็นที่กักขังและขู่ทำร้ายเยาวชนหญิงวัย 15 สามารถหลบหนีไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามน้องอั้ม เยาวชนหญิงอายุ 15 ปี ที่ติดต่อขอความช่วยเหลือจากพ่อเล่าให้ฟังว่า ตนเองรู้จักนายหลุยส์เมื่อประมาณสามเดือนก่อน ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในอำเภอปะคำ จากนั้นนายหลุยส์ก็ชักชวนให้มาพักอยู่ด้วยที่ห้องเช่า ซึ่งตอนที่ตนเองมาก็จะมีชายและหญิงที่เช่าห้องอยู่ติดกันซึ่งรู้จักกับนายหลุยส์ด้วย จากนั้นนายหลุยส์ก็จะหลอกล่อให้เสพยาและบังคับให้ร่วมขบวนการค้ายา โดยหลายครั้งจะพาตนเองไปด้วยเวลาที่ไปรับหรือกระจายยาตามจุดต่างๆ ล่าสุดเธอปฏิเสธไม่ยอมไปด้วยเพราะกลัวจะถูกจับ จึงเกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน และนายหลุยส์ ใช้ปืนขู่จะทำร้าย ด้วยความกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยจึงได้โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อ
ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้ง 4 คนไปตรวจปัสสาวะที่ สภ.นางรอง ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งจะได้สอบสวนขยายผลจับกุมแก๊งค้าเสพติด และเครือข่ายที่ร่วมขบวนการ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
