โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“ธาริต เพ็งดิษฐ์” กับชีวิตพลิกขั้ว

PPTV HD 36

อัพเดต 14 ธ.ค. 2561 เวลา 05.51 น. • เผยแพร่ 14 ธ.ค. 2561 เวลา 05.22 น.
“ธาริต เพ็งดิษฐ์”   กับชีวิตพลิกขั้ว
เปิดชีวิตพลิกขั้วของ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้อยู่กับทุกขั้วรัฐบาล ก่อนจะเดินเข้าสู่เรือนจำในวันนี้

เปิดประวัติ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ผู้อยู่ได้กับทุกขั้วการเมืองและถูกตั้งคำถามทุกครั้งที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล  ยามที่เขาอยู่กับประชาธิปัตย์ เขาก็ทำงานให้อย่างสุดใจ แต่เมื่อเปลี่ยนขั้วมาเป็นเพื่อไทยเขาก็ทำงานให้ไม่ต่างกัน  ชนิดที่หากใครรักเขาก็จะรักสุดใจ แต่หากอยู่ขั้วตรงข้ามก็ย่อมไม่พอใจเขาอย่างหนัก

ชีวิตของเขามีสีสันยิ่งนัก  “ธาริต” เป็นบุตรของ ร.อ.เจี๊ยบ เพ็งดิษฐ์ นายทหารคนสนิทของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :ด่วน !! คุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา “ธาริต เพ็งดิษฐ์” หมิ่นประมาท “เทพเทือก”

 “ธาริต”  เล่าว่าสมัยเด็กๆ เขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้ หากแต่ในวัยเด็กเขาชื่อว่า “เบญจ” ที่ตั้งโดย “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” พระเกจิชื่อดัง เพราะก่อนหน้าที่จะมีเขาพ่อแม่ก็มีลูกมาแล้ว 4 คน แต่ก็ล้วนเสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด   เขาเองก็แทบเอาตัวไม่รอดเพราะเมื่อเกิดมาก็ไม่แข็งแรง และต้องอยู่ในตู้อบโรงพยาบาลคริสเตียน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท นานถึง 3 เดือน จนมารดาของเขาต้องนั่งเรือจากชัยนาทไปอุทัยธานี เพื่อไปหา “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” แห่งวัดท่าซุงเพื่อขอให้ช่วย หลวงพ่อจึงตั้งชื่อให้ว่า “เบญจ” พร้อมทั้งบอกว่าชื่อนี้จะทำให้รอด แล้วถ้าโตขึ้นให้เปลี่ยนชื่อแล้วจะดี

 จนกระทั่งโตมา เขาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “ธาริต” โดยให้เหตุผลว่า หากอยากเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ชีวิตราชการ ต้องใช้หลักของ“เดช” นำหน้าจึงเป็นที่มาของชื่อ “ธาริต” เพราะ “ธ” คือตัวเดช

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :คุก 6 เดือน “ธาริต” ปกปิดทรัพย์สินแต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

“ธาริต” อาจจะมาไม่ถึงวันนี้หาก  เขายอมรับระบบ Sotus ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้  เพราะก่อนนั้นเขาสอบติดคณะวนศาสตร์  รุ่น KU37 แต่เมื่อรับไม่ได้จึงลาออกไปสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในปี 2521 และสำเร็จการศึกษาที่นี่ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากนั้นก็สอบได้เนติบัณฑิตไทย รวมถึงนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

              ก่อนเข้ารับราชการอัยการ “ธาริต” ได้สอนหนังสือที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ และได้รู้จักกับ “คณิต ณ นคร” ซึ่งเมื่อเขาเรียนจบปริญญาโทก็ได้สมัครเข้ารับราชการในสำนักงานอัยการสูงสุดปี 2533 ชีวิตราชการเขาก้าวหน้าตามลำดับจนถูกเรียกไปเป็นหน้าห้องของ“คณิต ณ นคร” สมัยที่เป็นอัยการสูงสุด 

และ “คณิต ณ นคร” นี่เองเป็นบุคคลที่เขาเคารพและพึ่งพาเสมอมา

              จากนั้นชีวิตของเขาก็เริ่มผกผัน ได้เข้ามาใกล้ชิดกับ “การเมือง” เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ก็ได้ระดมนักกฎหมายมาช่วยงานซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี “คณิต ณ นคร” อยู่ด้วย

              หลังการเลือกตั้งปี 2544 “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” ได้ให้เขามาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยทำงานกับ “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” ที่ปรึกษาของ “ทักษิณ”

             ระหว่างนั้นเขามีส่วนในการยกร่างกฎหมายและจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ

              ต่อมาเขาก็เข้าไปมีส่วนในการยกร่างกฎหมายจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการ ป.ป.ท. ซึ่งที่นี่เองที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาจากผลงานไม่ว่าจะเป็น  ไม่ว่าจะเป็นคดีซานติก้าผับ คดีทุจริตนมโรงเรียน คดีกองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ

              และต่อมาเมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้ขึ้นเป็นรัฐบาล ก็ได้ย้าย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” อธิบดีดีเอสไอในขณะนั้นที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับเครือข่าย “ชินวัตร” ออกไป และเป็น “ธาริต” ที่ก้าวขึ้นแทนในวัย50 ปี          

              และเมื่อวิกฤติการเมืองปี 2553 จากการชุมนุมของ นปช.ธาริตเป็นหนึ่งในกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขณะนั้น “คนเสื้อแดง” มอง “ธาริต” เป็นศัตรูลำดับต้นๆ  และเขาก็ถูกแกนนำการชุมนุมฟ้องร้องและตรวจสอบในเรื่องต่างๆ อย่างมากมาย อาทิ การออกมาเปิดเผยเรื่องมีผู้โอนเงิน 1.5 แสนบาทเข้าบัญชีของ “วรรษมล เพ็งดิษฐ์” ภรรยาของเขา โดยระบุว่าเป็นเงินค่าตอบแทนในการเลี่ยงภาษี แต่ก็มีการชี้แจงว่าเป็นค่าบริการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย

              เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้วอีกครั้ง พรรค “เพื่อไทย” ได้ขึ้นเป็นรัฐบาล เขาถูกหมายหัวจาก “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ในตอนต้นว่าจะปลดออกจากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ แต่สุดท้ายก็ได้อยู่ต่อ

          และนี่เองที่เขาถูกมองว่าพลิกขั้วอีกครั้ง เพราะสามารถตอบสนองผู้ถืออำนาจได้เป็นอย่างดี เขาได้เป็นกรรมการ ศอฉ. อีกครั้งในเหตุการณ์วิกฤติการเมืองปี 2556-2557

         จนเมื่อการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในปี 2556-2557 เขาก็ตกเป็นเป้าอีกครั้ง โดนปิดล้อม ไล่ล่า ตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบบ้านของ “วรรษมล” ที่ซื้อไว้ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อทำโฮมสเตย์ ก็ถูกตรวจสอบว่ารุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน จนต้องยอมรื้อบ้านบางหลัง และคืนที่ดินบางส่วนให้แก่ราชการ

    และเมื่อ คสช. เข้ามาก็ถึงคราวตกต่ำของเขา  ทั้งถูกปลด ถูกไล่ออกจากราชการ

          มาวันนี้ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษากรณีที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กล่าวหาเขาในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณี “โรงพักทดแทน”

          ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์เขาชนะ แต่อยู่ดีๆ เขาก็ให้ทนายออกมาขอขมา  ว่ากันว่าเพราะได้สัญญาณพิเศษบางอย่าง โดยขอให้ “คณิต ณ นคร” ผู้ที่เขาเคารพและพึ่งพามาเป็นตัวกลางอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง “ธาริต” ขอโทษ “เทพเทือก” กล่าวหาสั่งการไม่ให้ สตช. เซ็นสัญญาสร้างโรงพักทดแทน

          แต่สุดท้าย “สุเทพ” ก็ไม่ยอมถอนฟ้องโดยอ้างข้อตกลงนี้ ท่ามกลางความเดือดดาล

          ซึ่งที่สุดศาลฎีกาก็มีคำพิพากษาให้จำคุกหนึ่งปีโดยไม่รอลงอาญา

///

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0