โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” ผ่านทั้งมือปืนและมือคีย์บอร์ดขนาดนี้! ทำไมยังรอดมาได้

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 09 ก.ค. 2561 เวลา 05.00 น.

“ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” ผ่านทั้งมือปืนและมือคีย์บอร์ดขนาดนี้! ทำไมยังรอดมาได้

คำพูดจากปากของนักข่าวแถวหน้าสุดฮ็อต “แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” ผู้ผ่านมาทั้งสมรภูมิข่าวภาคสนามและสมรภูมิโลกโซเชี่ยลมาอย่างโชกโชน และนี่คือเรื่องราวผ่านร้อนผ่านหนาวของเธอ ทั้งคำขู่ด้วยกระสุนปืนไปจนถึงการเชือดเฉือนบนโลกออนไลน์ เธอถึงกับเกริ่นกับเราว่า

“เรียกได้ว่าเป็นนักข่าวคนหนึ่งที่ผ่านเรื่องราวเยอะมาก ด้วยข่าวที่ทำและที่เป็นข่าวเอง เป็นคนที่ได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐจากการทำงานช่วง 18 ปีที่ผ่านมา พี่ว่าพี่ก็เป็นนักข่าวคนหนึ่งที่มีข่าวตัวเองเยอะมาก(หัวเราะ)”

ถูกสั่งเก็บด้วยมือปืน

“เรามาทำข่าวก็เคยได้ยินว่ามีการตั้งค่าหัวนักข่าว มีสั่งเก็บนักข่าวคนไหนที่ไปหักผลประโยชน์ผู้มีอิทธิพล วันหนึ่งเราก็มาเจอกับตัวเองก็…อ๋อมันเป็นอย่างนี้เหรอ”

“ถ้าถึงพี่จะตายก็ขอให้รู้ว่าพี่ตายเพราะการรายงานข่าวนี้ซึ่งพี่ไม่เสียใจเลย ต่อให้เขามายิงพี่ตายพี่ก็ถือว่าตายในหน้าที่ ถ้าเขาอยากเจอเราอยากชี้แจงอะไรก็ยินดี ถ้าพร้อมที่จะยืนยันความบริสุทธิ์มานัดเจอกันสัมภาษณ์ออกทีวีได้เลย เพราะพี่คงไม่หยุด เขาคงเห็นว่าเราเป็นคนจริงเลยไม่ทำอะไรต่อ”

กระสุนปืนที่เปลี่ยนไป

“ยุคหนึ่งผ่านไปการข่มขู่นักข่าวมันไม่ใช่ลูกปืนแล้ว มันเป็นโซเชี่ยลมีเดียแทน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคืออคติหรือความเกลียดชังของคนในสังคม อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าปืนที่มาข่มขู่เรามากกว่า ความเกลียดชังของคนที่มากระหน่ำซ้ำเติมเราในโลกโซเชี่ยลหรือการล่าแม่มด”

สมัยก่อนอยากกำจัดนักข่าวคนหนึ่งยิงทิ้งก็จบ ปัจจุบันเป็นการล่าแม่มดในโซเชี่ยลมีเดียแทน แล้วเดี๋ยวนี้มันไม่ได้เกิดแค่กับนักข่าวแต่มันเกิดกับทุกคน ซึ่งอาชีพของพี่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำข่าวผลประโยชน์ขัดกับผู้มีอิทธิพลต่างๆ พี่ก็จะถูกล่าแม่มด ถ้าภาษาราชการก็ I.O หรือ Information Operation คือการจัดการด้วยการใส่ร้ายและความเกลียดชัง แล้วเราก็จะหยุดทำข่าวนั้นไปโดยปริยาย”

ความจริงเพียงหนึ่งเดียว

“ด้วยความที่เจอมาทุกรูปแบบพี่เลยไม่กลัวกับการพูดความจริง เวลาพูดความจริงออกไป ผลลัพธ์มันกลับมาฆ่าเราทั้งเป็นมาหลายรอบแล้วด้วยสิ่งที่เรารายงาน พี่ไม่กลัวกับการพูดความจริง คนที่ต้องกลัวคือคนที่รับความจริงนี้ไม่ได้มากกว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพูดความจริงออกไปความจริงนั้นนั่นแหละที่จะปกป้องเรา”

เราเห็นอะไรเราก็รายงานไปตามที่เราเห็น ได้ฟัง ได้ถาม ก็รายงานไปตามที่พบ พี่มั่นใจว่าข่าวอะไรที่บิดเบือนไม่ถูกต้อง ในวันหนึ่งก็ต้องมีคนออกมาโต้แย้งเอง ใครที่รายงานแล้วบิดเบือนไป วันหนึ่งก็จะมีคนออกมาโต้แย้งว่ามันไม่ถูกเอง แต่พี่ก็จะรายงานให้ตรงตามข้อเท็จจริง”

 นักข่าว VS. นักข่าวออนไลน์ 

“การเกิดของ สื่อออนไลน์ ทำให้คนดูข่าวทีวีลดน้อยลง แล้วทีวีเองก็มีหลายช่องมากขึ้น แล้วเราจะอยู่ตรงจุดไหน? สมัยนี้ใครๆ ก็รายงานข่าวได้ มีหลายคนที่โด่งดังจากโลกออนไลน์ขึ้นมามากมาย คนมีเรื่องร้องเรียนก็มีทางเลือก จะร้องเรียนผ่านอีเจี๊ยบหรือแหม่มโพธิ์ดำก็ได้ มีฐปณีย์เกิดขึ้นเป็นร้อยๆ คน เหมือนเวลารายงานน้ำท่วม ‘ค่ะ คุณกิตติคะ…’ ใครๆ ก็ทำได้แล้ว แล้วเราจะทำอะไรดีเมื่อใครๆ ทำได้หมด…”

ท่ามกลางคนมากมายเรายิ่งโดดเด่น

“แต่เราไม่เคยคิดจะหยุดตัวเองนะ เรามองว่ายิ่งมีคนอื่นมากขึ้น มันยิ่งท้าทายเรามากกว่า เราเองจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ายิ่งเป็นเรา เราต้องมีมากกว่าคนอื่น คนที่ดูเราจะได้มากกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน เราก็พอมีความน่าเชื่อถือเป็นต้นทุนอยู่ ในขณะที่คุณดูข่าวๆ หนึ่งอยู่ แต่เมื่อถือเวลาหนึ่ง ฐปณีย์จะมาสรุปให้ฟัง” 

“จริงๆ บางข่าวพี่ไม่ได้ทำให้คนทั้งประเทศดู แต่พี่ทำให้คนที่ต้องแก้ปัญหาดู ให้คนที่มีอำนาจสั่งการเห็น เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหา และเรามั่นใจว่ากลุ่มคนที่ดูข่าวของเรา คือกลุ่มคนที่หน้าที่ในการแก้ปัญหาต่างๆ”

“แต่ท้ายที่สุดแล้วนักข่าวก็ต้องสร้างอัตลักษณ์ตัวเองขึ้นมาค่ะ บางครั้งก็ต้องเป็นข่าวแบบนี้เท่านั้นที่ฐปณีย์จะต้องไปทำ สิ่งที่จะรักษามาตรฐานของเราได้คือข่าวที่ลงพื้นที่เอง พื้นที่จริง มีผลสัมฤทธิ์ที่แก้ปัญหาให้เขาได้จริงๆ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0