โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

“คำสารภาพของแฟนคลับรุ่นลุง” เธอรู้ไหมฉันเหมือน 14 อีกครั้ง เพราะ BNK48

HealthyLiving

อัพเดต 19 ม.ค. 2561 เวลา 09.40 น. • เผยแพร่ 19 ม.ค. 2561 เวลา 08.00 น. • Healthy Living
Picture2.jpg

        “แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย แอบส่งใจให้นิดนิด แต่ดูเธอช่างเฉยเมย เอาหละเตรียมใจไว้หน่อย มันจะหัวก้อยต้องเสี่ยงกัน” ผมเชื่อว่าพออ่านถึงตรงนี้ คงเริ่มมีทำนองเพลงหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวกันบ้าง น้อยคนคงจะไม่รู้จัก แต่ก็คงได้ยินกันมาบ้างกับเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย จากวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง BNK48 ใครจะไปคิดว่า ในช่วงที่วงการเพลงบ้านเราอยู่ในช่วงซบเซา ก็ยังมีวงไอดอลอีก 1 วง ที่ถือเป็นปรากฏการณ์พลิกวิกฤติของวงการเพลงบ้านเราในช่วงนี้เลยก็ว่าได้
        คุณผู้อ่านรู้ไหมครับว่าแฟนคลับของวงนี้ไม่ใช่มีแต่วัยรุ่นหนุ่มสาวเหมือนศิลปินแนวเพลงป๊อปทั่วไป แต่มีทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ครับ ทั้งสาว ๆ วัยแรกรุ่นที่ยึดถือวงนี้เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต หนุ่มน้อยที่โอตะสาวรุ่นพี่ (หากยังไม่เข้าใจกริยาโอตะ อดใจครับ เดี๋ยวจะเล่าในย่อหน้าถัดไป) และรวมถึงวัยทำงานอย่างตัวผมเอง นอกจากนั้นยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยเลย ที่เป็นวัยกลางคนเข้าไปแล้ว ทั้งลุงป้าน้าอาทั้งหลาย

 

        หลายคนคงคิดว่าไม่น่าเชื่อ เพราะคนวัยกลางที่เรารู้จักกันคนส่วนใหญ่ ก็ที่จะเริ่มมีความรับผิดชอบอะไรหลายอย่างเพิ่มมากขึ้น มีเวลาทำกิจกรรมบันเทิงน้อยลง หรือถ้าทำก็อาจจะเป็นแบบที่เรารู้ ๆ กัน เช่น ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนังฟังเพลง อาจจะไปดูคอนเสิร์ตบ้างประปราย แต่กับเรื่องนี้ผมขอบอกเลยครับว่าไม่ใช่ แต่มันคือการลุกฮือขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อศิลปินที่เราชื่นชอบเหมือนสมัยเด็ก ๆ เลยล่ะครับ
        วันนี้ Monthly People เลยจะพาทุกคนไปพูดคุยกับ พี่บาส (นามสมมุติ) แฟนคลับวัย 32 ปี ของวง BNK48 ซึ่งเป็นผู้ติดตามและเชียร์วงนี้มาตั้งแต่ต้น จะมาบอกเราว่าอะไรคือจุดพลิกผันเขย่าวงการที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาให้ความสนใจกับวงไอดอลวงนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ให้ความสนใจอย่างเดียวแต่ยังถึงกับทุ่มเททุ่มใจแบบหมดหน้าตักกันเลยทีเดียว ทั้งการซื้ออัลบั้ม, โฟโต้เซ็ต หรือแม้แต่ซื้อบัตรไปงานจับมือก็เช่นกัน

 

อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มเข้าสู่การเป็นแฟนคลับของวง BNK48 ได้?
        มันเริ่มจากงาน Japan Expo เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อนผมก็ทักเข้ามาชวนให้ไปงานเปิดตัว BNK48 ว่าลองไปดูกันไหม ตอนแรกเราก็งงว่าคืออะไร นวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ เหรอ แต่ด้วยความที่วันนั้นบังเอิญว่างพอดี เลยตัดสินใจไปดู พอไปถึงงานแล้วได้เห็น BNK48 เต้นอยู่บนเวที มันทำให้หัวใจเหมือนได้กลายเป็น 14 อีกครั้ง รู้สึกกระชุ่มกระชวยแบบบอกไม่ถูก ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตามวงนี้ครับ

 

ใคร ๆ ก็เรียกเหล่าแฟนคลับว่า โอตาคุ คำว่าโอตาคุในความหมายของพี่คืออะไร
        โอตาคุ หมายถึง คำเรียกกลุ่มคนที่มีความรักและคลั่งไคล้อะไรบางอย่างแบบถอนตัวไม่ขึ้น ซึ่งภาพที่หลายคนคิดในแว้บแรก อาจจะคิดว่าต้องเป็นคนที่ผมเผ้ารุงรัง ไม่ดูแลร่างกาย วัน ๆ หนึ่งก็หมกตัวอยู่แต่กับไอดอลหรืออนิเมะที่ชอบ โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับครับ ว่าโอตาคุประเภทนี้นั้นมีอยู่จริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน

 

        ส่วนใหญ่เราก็เป็นแบบที่ทุกคนพบเห็นได้ทั่วไปนั่นแหละ มีภาระชีวิต มีหน้าที่การงานที่ต้องทำเหมือนคนปกติทั่วไป กลางวันยังต้องทำงานกินเงินเดือน อยู่กับเพื่อนฝูง ส่วนเวลาที่ไปสนใจไอดอล ก็คงเป็นช่วงเวลาหลังเลิกงาน หรือเมื่อมีเวลาว่างเท่านั้น ก็ถือเป็นการผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน ก็มีไปให้กำลังใจน้อง ๆ ที่ตู้ปลาบ้าง อุดหนุนสินค้าบ้าง ซื้อบัตรจับมือบ้างอะไรอย่างนี้

 

 

แล้วงานจับมือคืออะไร?
        อธิบายสั้น ๆ อย่างนี้ครับว่าวง BNK48 ถึงแม้จะเป็นไอดอลรูปแบบใหม่ ที่เข้าถึงง่าย สามารถไปเจอไปพูดคุยได้ทุกวัน ที่ “Theater” ของตัวเอง ( โดยในไทยตอนนี้Theaterชั่วคราวจะอยู่ที่ห้างThe Emquatier) แต่ว่าไม่สามารถถึงเนื้อถึงตัวหรือทำอะไรรุ่มร่ามได้นะครับ แต่ถ้าใครอยากจับมือหรือพูดคุยใกล้ชิด จะต้องไป “งานจับมือ” ที่จะมีการขายบัตรให้คุณสามารถเข้าไปจับมือพูดคุยตัวต่อตัวกับสมาชิกวงที่คุณชื่นชอบได้

 

        ซึ่งจำนวนของคนที่เข้าจับมือของสมาชิกแต่ละคนนี่แหละจะเป็นตัววัดความนิยมว่าสมาชิกคนไหนจะได้ตำแหน่งเด่นในวง ซึ่งเวลาต่อ ๆ ไปจะมีผลต่อการได้เป็นสมาชิกวงจริง ๆ

 

 

เคยมีคนถามไหมครับว่าทำไมถึงยอมเสียเงินเสียทองเพื่อไปจับมือกับดารานักร้องรุ่นหลาน อายุก็ไม่ได้น้อยแล้วทำไมไม่นำเงินไปทำอย่างอื่นที่ดูจะมีประโยชน์มากกว่านี้
        ก็เคยครับ ผมตอบประมาณนี้แล้วกัน คือมันก็เหมือนกับการที่คุณเป็นคอฟุตบอล ที่ติดตามเชียร์ทีมถึงขอบสนาม ถ้าพอมีเงินเหลือก็ซื้อของที่ระลึก อย่างเสื้อบอล ผ้าพันคอ อะไรเทือกนั้น มันก็ไม่ต่างกันนะ เพราะในมุมมองของผม ก็แค่เปลี่ยนจากการเชียร์บอลเป็นการไปเชียร์น้อง ๆ เขาแค่นั้นเอง ส่วนเงินที่เหลือก็เอาไปซื้อซีดี, โฟโต้เซ็ต หรือ บัตรจับมือแทน

 

        แต่ที่ผมบอกว่านำเงินที่เหลือไปซื้อของเยอะขนาดนี้เนี่ย เป็นเงินที่เหลือจากการแบ่งสันปันส่วนอย่างดีแล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าสุรุ่ยสุร่ายจนเกินไป จนกระทบต่อฐานะทางการเงินที่เป็นอยู่ ผมจึงสามารถเปย์ออกมาได้อยากมีความสุข

        ส่วนเรื่องที่บอกว่าทำไมถึงเอาเงินไปทิ้งกับงานจับมือ ก็ต้องบอกว่า ผมมีการบริหารจัดการเงินไว้อยู่แล้วครับ มีการแบ่งส่วนที่ชัดเจน ซึ่งเงินตรงนี้เป็นเงินที่ใช้สำหรับความบันเทิงและความสุขครับ สำหรับผมงานจับมือคือการส่งความรู้สึกดี ๆ ของเราไปสู่เหล่าสมาชิกในวงที่เราชื่นชอบ ในขณะเดียวกันการได้พูดคุยสั้น ๆ กับไอดอลที่เราชอบมันก็เป็นความรู้สึกที่ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้นจากการเหนื่อยล้าที่ดีนะ

 

        นอกจากนั้นตัวผมเองตอนเด็กเคยมีความฝันแต่มันก็ไม่ได้เป็นจริง พอเห็นน้อง ๆ เหล่านี้มีความฝันที่อยากจะเป็นนักร้อง อยากจะประสบความสำเร็จ มีจุดมุ่งหมายในชีวิต และเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ก็เหมือนเราเห็นตัวเองตอนเด็ก ๆ ซึ่งเวลาที่เราทุ่มเทกับอะไรมาก ๆ แล้วมีคนเห็นคุณค่า มันเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงใจมากเลยนะ ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีเลย ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าอยากให้กำลังใจเขาให้ทำตามฝันให้สำเร็จ
        คำตอบที่ผมได้รับก็ทำผมอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เพราะตัวผมเองไม่เคยคิดเลยว่าการติดตามไอดอลมันจะเป็นอะไรที่ลึกซึ้งได้ขนาดนี้ ซึ่งประเด็นนี้ผมสนใจเลยลองไปหาข้อมูลดูเพิ่มเติม เลยได้ไปเจอเคสที่น่าสนใจของญี่ปุ่นเคสนึงครับ

 

        เป็นเรื่องของชายคนหนึ่ง ที่อายุอานามก็มากแล้ว แต่วัน ๆ หมกตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน ไม่หางานทำ และอาศัยอยู่กับแม่ เรียกได้ว่าเป็นโอตะขนานแท้ แต่พอมีวง AKB48 (วงต้นฉบับของ BNK48 ที่ประเทศญี่ปุ่น) ออกมา ก็ทำให้เขาเริ่มที่จะออกจากบ้านเพื่อไปตามศิลปินที่เขาชื่นชอบ ออกไปเจอกลุ่มแฟนคลับ เริ่มอยากจะอาบน้ำแต่งตัวทำให้ตัวเองดูดีเพื่อไปพบเจอกับคนที่ชอบ เริ่มหางานพิเศษทำเพื่อจะเอาเงินไปซื้อบัตรจับมือ หรือของที่ระลึกต่าง ๆ

 

        ซึ่งหลังจากนั้นก็มีนักข่าวไปถามแม่ของเขาว่ารู้สึกอย่างไร ซึ่งแม่ของเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิด แต่กลับขอขอบคุณวง AKB48 ที่ทำให้ลูกชายยอมออกจากบ้าน ไปพบปะผู้คน ได้ออกจากห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง และที่สำคัญเขามีงานทำเหมือนคนอื่น แค่นี้ก็ทำให้คุณแม่ก็มีความสุขมากแล้ว

 

        ก็นับเป็นเรื่องราวอีกแง่มุมที่ทำให้ผมได้พบว่า การรักชอบใครหรืออะไรสักอย่างแบบจริงจัง ไม่จำเป็นจะต้องไปเรื่อง passion หรือเป้าหมายชีวิตเสมอไป อาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างการตามศิลปินในดวงใจ ก็สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนให้คน ๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้มากขนาดนี้จริง ๆ

 

คำถามสุดท้ายพี่คิดยังไงที่คนเขาบอกว่าพวกพี่เป็นพวกสายเปย์
        รู้สึกเป็นเกียรติครับ (หัวเราะ) ผมเชื่อว่า ทุกคนต้องมีสิ่งที่คุณรัก ที่คุณชื่นชอบ และทำแล้วมีความสุขอยู่ เพียงแค่คุณมีความสุขที่จะทำมัน และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็อย่าลังเลที่จะทำครับ ชีวิตเราก็ก้าวมากว่าครึ่งค่อนชีวิตแล้ว จะเหลือเวลาอีกถมเถก็ไม่ใช่ จะเหลือน้อยก็ไม่เชิง เอาเป็นว่า จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้อย่างเต็มที่ ทำทุกวันให้ดีที่สุด มีความสุขให้มากเท่าที่ทำได้ เพราะบางเรื่องถ้าร่างกายมันเสื่อมถอยแล้วจะกลับมาทำตอนนั้นก็คงสายไปเสียแล้ว อย่างผม ณ เวลานี้ ที่ข้อเข่า ข้อแขนยังใช้งานได้ ก็ขอเต้นเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย อย่างมีความสุขก่อนแล้วกัน จะได้ไม่ต้องมาบ่นเสียดายในวันที่เต้นไม่ไหว

        ทั้งหมดนี่คงเป็นอีกแง่ที่ทำให้เรารู้จักกับแฟนคลับของวง BNK48 มากขึ้น ว่าจริง ๆ แล้วเค้าก็เป็นเหมือนเราทุกคน ที่มีความรัก ความชื่นชอบให้กับอะไรบางอย่าง เพื่อให้ตัวเองสบายใจ สำหรับผมผมว่าเป็นเรื่องที่ดี การที่คน ๆ นึงใช้เงินไปกับสิ่งที่เรารักผ่านการจัดสรรปันส่วนไว้อย่างดีแล้ว ไม่ได้ทำให้ตัวเองหรือคนข้าง ๆ เดือดร้อน ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แล้วคุณล่ะครับ เปย์ให้กับความรักความชอบของคุณกันแล้วหรือยัง?

 

เพิ่มช่องทางการรับข่าวสารและข้อมูลดี ๆ ผ่าน Line Official AZAYfan ที่จะช่วยทำให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ได้ที่

 

เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0