“ครสท.”ทำใจยอมรับขึ้น 5-6 บาทไม่พอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ย้ำที่ขอคือ 360 บาทเท่ากันทั้งประเทศ จี้รัฐเลิกพูดค่าจ้างขั้นต่ำ ดันปรับเป็นค่าจ้างแรกเข้า พร้อมปรับเงินเดือนรายปี
นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับเพิ่ม 5-6 บาท ดูจากสภาพเศรษฐแล้วไม่เพียงพอกับค่าครองชีพในปัจจุบัน เพราะคิดแล้วอยู่ที่ร้อยละ 1 ของค่าจ้าง แต่ค่าข้าวปรับเพิ่มจาก 35 เป็น 40 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ไปแล้วที่เรียกร้องคือ 360 บาทเท่ากันทั้งประเทศ แต่เมื่อออกมาแล้วเราทำอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมรับ
ทั้งนี้คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการปรับเป็นค่าจ้างแรกเข้า และให้มีการปรับโครงสร้างรายปีตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด แต่ต้องไม่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ถ้าทำได้เราไม่ต้องมานั่งพูดกันเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าตามการปรับค่าจ้าง ซึ่งเคยเสนอไปนานแล้ว รัฐบาลก่อนหน้านี้เคยเรียกไปหารือ แต่ไม่เคยมีการพิจารณาดำเนินการอย่างจริงจัง
ส่วนที่บอกว่าจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นเรื่องที่ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว และถูกนำมาเป็นเหตุผลในการไม่ปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั้งประเทศ อยากได้ค่าแรงเยอะก็ให้พัฒนาฝีมือแรงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วพบปัญหาว่าเมื่อมีการยกระดับฝีมือแรงงานแล้วนายจ้างเขาไม่รับ ถ้าจะให้นายจ้างส่งแรงงานมาฝึกฝีมือเขาก็ไม่อยากส่ง เพราะถ้ามีฝีมือแล้วต้องปรับค่าจ้างใหม่ เหมือนกับที่บอกว่าคนจบปริญญาตรีต้องได้เงินเดือน 1.5 หมื่นบาท แล้วนายจ้างหันไปจ้างปวช.,ปวศ.แทน กลายเป็นคนจบปริญญาตรีตกงาน
“ถ้ามีการแก้ไขเรื่องค่าจ้างมาเป็นค่าจ้างแรกเข้า และปรับเพิ่มรายปีจะดีกว่า ถ้าแรงงานทำงานแล้วฝีมือดีระบบโครงสร้างของบริษัทเขาจะยกระดับค่าจ้างให้เองตามกลไก เรื่องนี้เราจะผลักดันต่อในวันกรรมกรสากลปี 2563”