โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“ความเรียบง่าย” ของสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์ กำลังย้อนกลับมาทำร้ายยอดขายของ “MUJI”

Positioningmag

อัพเดต 17 ก.ค. 2562 เวลา 04.05 น. • เผยแพร่ 17 ก.ค. 2562 เวลา 00.59 น.

ภาพ : facebook.com/muji.thailand/

หลังจาก30 ปีของการทำธุรกิจMUJI ได้ค้นพบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เรียบง่ายในสไตล์มินิมอล โดยเชนเสื้อผ้าจากดินแดนอาทิตย์อุทัยโด่งดังในเรื่องปรัชญา“การไม่มีแบรนด์” ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพยาวนาน และตัดโลโก้แบรนด์ออกจากสินค้า แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เอกลักษณ์นี้กำลังย้อนกลับมาทำร้ายMUJI เสียเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง“กำไร” ที่หดหายไป

ตามรายงานของBloomberg ระบุว่ากว่าทศวรรษที่ผ่านมา MUJI ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทอดยาวจากโตรอนโตถึงเซี่ยงไฮ้ โดยมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากปี2013 ถึงปี2018

ในขณะที่ยอดขายอยู่ในขาขึ้น แต่น่าแปลกที่Ryohin Keikaku บริษัทแม่ของMUJI กลับรายงานว่า ยอดขายจากต่างประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง40% กลับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ8 ปี

[caption id="attachment_1239309" align="aligncenter" width="960"]

ที่มา : Facebook MUJI Thailand[/caption]

MUJI กำลัง“สูญเสียความสนใจของลูกค้า” ในประเทศจีน

การลดลงส่วนใหญ่เกิดจากความจริงที่ว่าMUJI กำลัง“สูญเสียความสนใจของลูกค้า” ในประเทศจีน จากแบรนด์ที่ออกแบบสินค้าคล้ายคลึงกัน เช่นMiniso, NOME และอื่นๆ มากมาย คู่แข่งเหล่านี้ภาคภูมิใจในการนำเสนอสุนทรียศาสตร์ที่เป็นกลางเหมือนกับของMUJI แต่ขายใน“ราคาที่ต่ำกว่า” มาก

แต่ความแพงนี้มีที่มาไม่น่าแปลกหากสินค้าที่ขายในต่างประเทศจะมีราคาที่สูงกว่าที่ขายในบ้านเกิดด้วยตัวแปรที่ชื่อว่า“ภาษี” ซึ่งมีอัตราที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของ“ราคา” จึงกลายเป็นแรงกดดันที่สำคัญของMUJI

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นสำนักข่าว Bloomberg ได้เดินเข้าไปในร้านของ MUJI ที่เซี่ยงไฮ้ โดยหยิบ “สมุดบันทึกเล่มเล็ก” ขึ้นมาแล้วพบว่า ในเมืองจีนมีราคาขาย 25 หยวน (3.64 ดอลลาร์สหรัฐหรือ112 บาท) เมื่อเทียบกับราคาที่ขายในญี่ปุ่นพบว่าแพงกว่าเล็กน้อย โดยมีราคาอยู่ที่ 315 เยน (2.92 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ90 บาท)

ราคาของสมุดยังถือว่าสมเหตุสมผลแต่เมื่อเทียบกับสินค้าอีกชนิดอย่าง“พัดลมพกพา” กลับพบว่า ราคา“แตกต่าง” กันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ MUJI วางขายในราคา 190 หยวน (27.64 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ854 บาท) แต่ถ้าคุณเดินไปที่Miniso จะสามารถซื้อสินค้าชนิดเดียวกันนี้ในราคาเพียง 39.9 หยวน (27.64 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ179 บาท) เท่านั้น

[caption id="attachment_1239310" align="aligncenter" width="1080"]

“พัดลมพกพา” ของ Miniso - ที่มา : Instagram miniso_us[/caption]

ตั้งสำนักงานพัฒนาสินค้าสำหรับ“ชาวจีน” โดยเฉพาะ

เพื่อต่อสู้กับความแตกต่างของราคา ระหว่างร้านค้าในบ้านเกิดและร้านค้าในต่างประเทศMUJI มีแผนที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ในประเทศที่พวกเขามีอยู่ ตัวอย่างเช่น ตั้งใจที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอินเดียมากกว่า200 รายการ 

ขณะเดียวกันกระบวนการผลิตบางส่วนกำลังถูกย้ายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้นทุนแรงงานลดลง แต่ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์หลายอย่างจะยังคงทำในประเทศญี่ปุ่น เช่น“เครื่องสำอาง” เนื่องจากสามารถควบคุมวัสดุดิบได้ดีกว่า

การปรับตัวเช่นนี้สะท้อนว่า ในที่สุดแบรนด์ก็ยอมรับว่า “ผลิตภัณฑ์ของตัวเองไม่ได้เหมาะกับทุกคนบนโลก” และยังต้องเปลี่ยนการรับรู้ด้วยว่าผู้คนทั่วโลกกำลังซื้อผลิตภัณฑ์ของ MUJI เพียงเพราะนั้นคือ MUJI นักออกแบบในโตเกียวอาจไม่คุ้นเคยกับความต้องการของชาวจีนดังนั้นMUJI จึงต้องหาวิธีคิดเช่นจีนและการออกแบบสำหรับชาวจีนโดยเฉพาะ

[caption id="attachment_1239311" align="alignnone" width="960"]

ที่มา : Facebook MUJI Thailand[/caption]

Satoru Matsuzaki ประธานของRyohin Keikaku ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของMUJI ยอมรับอย่างสุดซึ้งว่าMUJI จะต้องส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ จำเป็นหรือขาดหายไปจากวิถีชีวิตของผู้บริโภคชาวจีน” เนื่องจาก“พวกเขาซื้อเรา(เพียงผู้เดียว) ในฐานะแบรนด์MUJI”

เพราะฉะนั้นภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้MUJI กำลังจะเปิดสำนักงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ขึ้นมาโดยเฉพาะ ที่นี่พนักงานท้องถิ่นจะศึกษาแนวโน้มการใช้ชีวิตของชาวจีน และหวังว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคในตลาดที่มีกำไรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Source

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0