กลุ่มผู้ประท้วงหลายหมื่นคน หรือ “คลื่นมนุษย์ชุดดำ” ยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ย่านธุรกิจแหล่งช้อปปิ้งใจกลางฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเป็นสัปดาห์ที่ 11 แล้ว โดยไม่หวั่นแม้จะมีฝนเทลงมาอย่างหนักก็ตาม การที่ผู้คนยังทะลักออกมาแบบมืดฟ้ามัวดินเช่นนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า การประท้วงยังได้รับการสนับสนุนในวงกว้าง แม้จะเกิดความไม่พอใจจนมีกระแสต่อต้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้ประท้วงได้บุกชัตดาวน์สนามบินนานาชาติของฮ่องกง ซึ่งในเวลาต่อมา นักเคลื่อนไหวบางคนได้ออกมากล่าวขอโทษต่อผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว
โจนาธาน นักศึกษาวัย 24 ปี ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมในสวนสาธารณะ วิคตอเรีย เขตคอสเวย์ เบย์ เกาะฮ่องกง กล่าวว่า พวกเราต้องเดินหน้าประท้วงต่อไป จนกว่ารัฐบาลจะแสดงให้พวกเราเห็นว่า เคารพในสิ่งที่ประชาชนสมควรได้รับ
ความโกรธเกรี้ยวกรณีร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะเปิดทางให้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยในฮ่องกงไปดำเนินคดีในจีนแผ่นดินใหญ่ ปะทุขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงจะระงับร่างกฎหมายเจ้าปัญหาฉบับนี้ไปแล้วอย่างไม่มีกำหนดก็ตาม แต่ความวิตกกังวลที่เกาะกุมจิตใจของผู้ประท้วงที่หวาดหวั่นว่าจะถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ที่รับประกันตามเนื้อหาที่กำหนดไว้ภายใต้รูปแบบการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” หลังอังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้จีนในปี 2540 ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและรุนแรงมากขึ้น
จีนประณามการก่อความไม่สงบของกลุ่มผู้ประท้วงว่า “เป็นพฤติกรรมที่ขยับเข้าใกล้การก่อการร้ายเข้าไปทุกที”
กลุ่มแนวร่วมสิทธิมนุษยชนพลเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่จัดการประท้วงครั้งนี้ ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินขบวนผ่านเข้าไปในเมือง ทั้ง ๆ ที่ตำรวจอนุญาตให้ชุมนุมกันในสวนสาธารณะ วิคตอเรีย เท่านั้นในวันอาทิตย์ แต่แนวร่วมสิทธิมนุษยชนพลเรือน ก็เรียกร้องให้ประท้วงกันอย่างสงบ หลังจากที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ประท้วงบุกยึดสนามบิน จนนำไปสู่การยกเลิกเที่ยวบินโดยสารเกือบ 1,000 เที่ยว
การชุมนุมเริ่มต้นขึ้นในในสวนสาธารณะ วิคตอเรีย กลุ่มผู้ประท้วงถือแผ่นป้ายที่เขียนข้อความต่าง ๆ มากมาย ซึ่งรวมทั้ง “ปลดปล่อยฮ่องกง” และ “ประชาธิปไตย เดี่ยวนี้” และทุกคนถือร่มเพื่อป้องกันฝน ฝูงชน ซึ่งมีทุกเพศทุกวัย ผู้สูงอายุ, วัยกลางคน, วัยรุ่นและครอบครัว โดยมีพ่อแม่บางคนอุ้มทารกมาร่วมชุมนุมด้วย
แม้ว่า กลุ่มผู้จัดการชุมนุมครั้งนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินขบวน แต่สวนสาธารณะ วิคตอเรีย ก็ไม่มีพื้นที่รองรับฝูงชนได้เพียงพอ ทำให้ผู้ประท้วงจำนวนมากเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปทางตะวันตกสู่ใจกลางเมือง พร้อมตะโกนเรียกร้องให้นางแคร์รี แลม หัวหน้าคณะรัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่ง
นอกจากต้องการให้นางแลมลาออกแล้ว กลุ่มผู้ประท้วงยังต้องการให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนออกจากวาระการพิจารณาของสภานิติบัญญัติอย่างเด็ดขาด, เลิกเรียกการประท้วงว่าเป็นการก่อจลาจล, ละเว้นการตั้งข้อหาต่อผู้ที่ถูกจับกุม, ให้มีการไต่สวนสอบสวนคดีอย่างอิสระ และรื้อฟื้นการปฏิรูปตำรวจ
