โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“คนกรุงเทพ” vs. “คนต่างจังหวัด” ภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำระดับประเทศ!!

Another View

เผยแพร่ 23 มี.ค. 2562 เวลา 01.00 น.

“คนกรุงเทพ” vs. “คนต่างจังหวัด” ภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำระดับประเทศ!!  

“คนกรุงเทพฯ” และ “คนต่างจังหวัด” สองคำเรียกที่แบ่งแยกจังหวัดกรุงเทพมหานครอันเป็นเมืองหลวงของประเทศกับจังหวัดอื่น ๆ ในอดีต หากลองมองดูภาพตัวแทนที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ ละคร หรือกระทั่งเพลงลูกทุ่ง เราจะรู้สึกได้ว่าภาพลักษณ์ของคนกรุงเทพฯและคนต่างจังหวัดมักจะถูกถ่ายทอดว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด…ภาพลักษณ์ของ “คนกรุง” ในความคิดของคนสมัยก่อนก็คือ “คนทันสมัย” “คนมีความรู้” หรือแม้กระทั่ง “คนมีฐานะ”…ในขณะที่ภาพลักษณ์ของ “คนบ้านนอก” นั้นก็คือ “คนซื่อ” “คนจิตใจดี” “คนไม่ค่อยมีความรู้” หรือกระทั่ง “คนยากจน”…กลายเป็นว่าถิ่นที่อยู่และสถานที่เกิดกลายเป็นตัวชี้วัดถึงระดับสถานะและความเป็นอยู่ของบุคคลนั้นไปโดยปริยาย ทั้ง ๆ ที่อาจจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ได้ 

อาจเป็นเพราะในอดีต ความเจริญส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ แม้กระทั่งเรื่องของสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่น น้ำประปา ไฟฟ้า ในบ้างพื้นที่ก็ยังไม่มีการเข้าถึงของสิ่งเหล่านี้ ทำให้คนต่างจังหวัดในบางส่วนไม่มีโอกาสได้เข้าถึงสิ่งที่มองว่าเป็น “ความเจริญ” และ “ความพัฒนา” นอกจากเมืองใหญ่ ๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น หรือพัทยา ฯลฯ 

แต่ในปี 2019 ยุคที่มีน้ำประปาและไฟฟ้าเข้าถึงอย่างเต็มที่ในเกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทยนั้น กรุงเทพฯ กับ ต่างจังหวัด จะยังคงต่างกันขนาดนั้นจริงหรือ?

นโยบาย “กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น” เป็นนโยบายที่ทุกรัฐบาลมีความพยายามผลักดันให้ประสบผลสำเร็จอยู่อย่างมากและอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติแทบทุกฉบับ…แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ต้องถึงกับทำแบบสำรวจหรือวิจัยในระดับประเทศ เราทุกคนเองก็คงพอจะรู้สึกได้ว่า ความเจริญทุกอย่างนั้นยัง “กระจุกตัว” อยู่ที่กรุงเทพฯเช่นเดิม และยังคงมี “ความเหลื่อมล้ำ” ให้เห็นอยู่ในหลาย ๆ พื้นที่ หนึ่งในความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัดคือ“การคมนาคม” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งผลอย่างมากในการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะการคมนาคมที่ดีก็จะช่วยกระจายความเจริญไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ได้ แต่ยังเห็นได้ชัดว่า…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถเมล์ รถไฟฟ้า อันเป็นรถบริการสาธารณะก็ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แทบจะเรียกได้ว่าต่างจังหวัดหลาย ๆ จังหวัด แม้จะเป็นเมืองใหญ่ก็ยังไม่มีรถเมล์ ไม่มีรถบริการสาธารณะซึ่งเป็นของรัฐบาลและทำให้คนต่างจังหวัดจำเป็นต้องมีรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนตัวกันมาก 

เมื่อไม่มีการคมนาคมที่ดี การเดินทางก็ลำบาก คนต่างจังหวัดหลาย ๆ คนที่ต้องการจะทำงานอยู่ใกล้ละแวกบ้านของตนเอง แต่ก็ต้องประสบปัญหา “ไม่มีการจ้างงาน” เพราะส่วนใหญ่แล้ว งานบริษัทใหญ่ ๆ ที่ต้องการวุฒิการศึกษาปริญญาตรีก็มักจะกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ​ ซึ่งผลักดันให้พวกเขาต้องเข้าสู่เมืองใหญ่ เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯซึ่งรับประกันได้ว่ารายได้จะสูงกว่า แต่ก็ต้องต่อสู้กับค่าครองชีพที่แพงลิบลิ่ว เพราะเมื่อเทียบกับคนในกรุงเทพฯที่มีบ้านอยู่แล้ว คนต่างจังหวัดยังจะต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นค่าเช่า หรือค่าผ่อนที่อยู่อาศัยซึ่งถูกหักไปจากค่าจ้างอีก ทำให้การที่คนต่างจังหวัดจะสามารถลืมตาอ้าปากในกรุงเทพฯที่มีค่าครองชีพสูงลิบเช่นนี้นั้นเป็นเรื่องที่สาหัสอยู่มาก 

ในขณะเดียวกัน ยุคนี้ก็มีเทรนด์ใหม่ ซึ่งก็คือเทรนด์ที่คนกรุงเทพฯ ซึ่งเกิดและโตในกรุงเทพฯ เลือกจะไปลงหลักปักฐานที่ต่างจังหวัดเพื่อหวังชีวิตแบบ “สโลว์ไลฟ์” และไม่ต้องเผชิญ “ค่าครองชีพ” ที่สูงจนเกินไปในกรุงเทพฯ เพราะต้องการคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าความแออัดยัดเยียดในเมืองกรุง แต่ก็ต้องประสบปัญหากับ “รายได้” เพราะอัตรารายได้ขั้นต่ำต่อหัวในต่างจังหวัดนั้นต่ำกว่าในกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯที่ย้ายไปทำงานต่างจังหวัดเองก็อาจจะต้องประสบปัญหาทางการเงินไม่แพ้กัน 

แต่ในเรื่องของการศึกษา รวมถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ ก็คงต้องยอมรับว่ามีความเท่าเทียมกันมากขึ้นตั้งแต่ยุคที่มีการเริ่มกระจายมหาวิทยาลัยสู่ท้องถิ่น ทำให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่อยู่ตามจังหวัดใหญ่ ๆ สามารถพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพได้ทัดเทียมมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ เด็กที่มีความสามารถหรือหัวกะทิบางคนก็เลือกที่จะเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้านกันมากขึ้น ในยุคนี้จึงพูดไม่ได้แล้วว่าคนต่างจังหวัดมีความรู้น้อยกว่า หรือแม้กระทั่งยากจนกว่าคนกรุงเทพฯ เพราะคนต่างจังหวัดบางส่วนก็เป็นเจ้าของธุรกิจเองอย่างประสบความสำเร็จ และในหลาย ๆ เมือง เช่น เชียงใหม่ ก็จะพบว่าคนต่างถิ่นไปทำธุรกิจได้ยาก ดั่งที่มีคำกล่าวว่า “เชียงใหม่เป็นเมืองปราบเซียน” เพราะพฤติกรรมการบริโภคของคนในท้องถิ่นแต่ละที่นั้นไม่เหมือนคนในกรุงเทพฯ หลาย ๆ ธุรกิจที่ขยายกระจายไปจากกรุงเทพฯ เมื่อไปเจอพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างของคนในท้องถิ่นก็ถึงกับไปไม่เป็นและต้องล้มเลิกกิจการไปอยู่หลายรายเช่นกัน…เรียกได้ว่า ความเป็นท้องถิ่นก็ยังชนะอยู่นั่นเอง 

เมื่อมองในหลาย ๆ แง่มุม จะพบว่า ในยุคที่น้ำไหล ไฟสว่าง ดิจิตอลทีวีเข้าถึงทุกครัวเรือนแบบนี้ ความแตกต่างเหลื่อมล้ำในอดีตระหว่างคนกรุงเทพฯกับคนต่างจังหวัดนั้นลดลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีเรื่องสำคัญเช่นเรื่องการคมนาคม ซึ่งยังควรผลักดันและเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาให้ความสนใจมากขึ้นเพื่อทำให้เกิดความเสมอภาค เพราะไม่ว่าคุณจะมีถิ่นที่อยู่อยู่ที่ไหนบนผืนแผ่นดินไทย คนไทยทุกคนก็ควรได้รับสวัสดิการ และการดูแลที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนต่างจังหวัดหรือคนกรุงเทพฯก็ตาม  

 

ภาพประกอบ

https://allevents.in/mengla/ครูบ้านนอก-170-ครูอาสาโรงเรียน-ตชด/709583115823604

https://twitter.com/TSRN_F/status/1011231388396240897

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0