โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“ก๊อต จิรายุ” เป็นอิสระเต็มตัว เดินตามฝัน ลุยแคสงานต่างประเทศ

Manager Online

เผยแพร่ 19 ต.ค. 2562 เวลา 04.27 น. • MGR Online

“ก๊อต จิรายุ” หมดสัญญาช่อง 3 เป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว เดินสายลุยแคสงานต่างประเทศ ตอนนี้มีเอเจ้นท์แล้ว ขอบคุณแฟนสาว “โบว์ เบญจวรรณ” เข้าใจเหตุผล แม้ไม่มีเวลาให้

โบกมือบ๊ายบาย ช่อง 3 ไปเป็นนักแสดงอิสระอีกคนแล้ว สำหรับหนุ่ม “ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล” ที่ตอนนี้ก็กำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ลุยแคสติ้งงานต่างประเทศอย่างขะมักเขม้น วันนี้ได้มีโอกาสเจอเจ้าตัว ในงานแถลงข่าวภาพยนตร์ จอมขมังเวทย์ ก็เลยได้อัปเดตชีวิตหลังออกมาเป็นนักแสดงอิสระเต็มตัวว่าเป็นอย่างไรบ้าง และที่แว่วๆมาว่าตอนนี้มีเอเจ้นท์ติดต่อเข้ามาแล้วนั้น จริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่

“สัญญากับช่อง 3 หมดแล้วครับ หมดไปปีกว่าๆ ได้แล้ว ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว คือจริงๆที่ผมไม่ได้ไปต่างประเทศเพราะมีสัญญาในการทำงานอยู่ เพราะฉะนั้นพอเมื่อเราหมดสัญญาช่องแล้ว การดำเนินชีวิตจริงๆ ผมจะแวบไปไหนมาไหนตลอดเวลา และเราไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะการแวบไปไหนมาไหนของเรา บางทีเราไปเรียนคลาสที่เมืองนอก บางคลาสเราเรียน 30 วัน 40 วัน มันใช้เวลา แล้วไม่มีใครยอมให้งานมันเสียเวลาเพราะเราขนาดนั้นหรอก”

ตัดสินใจเป็นอิสระเพราะมีเป้าหมายไม่เหมือนคนอื่น และอยากไปร่วมงานกับต่างประเทศบ้าง

“คือโดยส่วนตัวผมในฐานะนักแสดง ผมอาจจะมีเป้าหมายไม่เหมือนคนอื่น ของผมคือทำงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะเป็นไปได้ ซึ่งงานในเมืองไทยก็ทำแล้ว ก็อยากไปร่วมงานต่างประเทศบ้าง ตอนนี้ก็เริ่มมีเอเจ้นท์แล้ว ถามว่ามีงานเยอะไหม ก็มีครับ มีทั้งติดต่อเข้ามาและไปแคสติ้งด้วย เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้น ตอนนี้ยังไม่มีเซ็นสัญญาอะไรเป็นที่เรียบร้อยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเป็นการพูดคุยกัน ทาบทามกัน ผมก็รวบรวมโปรไฟล์ที่มีทั้งหมดไป จุดประสงค์ผมเพื่อทำงาน แล้วเอเจ้นท์ที่เราติดต่อก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ก็เป็นของประเทศอเมริกัน”

สนใจไปร่วมงานต่างประเทศ เพราะบท อยากทำอะไรที่ไม่เคยทำที่ไทย

“ก็บทนั่นแหละ อะไรที่เราไม่ได้ทำที่นี่ เราก็อยากทำ ก็เป็นด้านการแสดงโดยเฉพาะเลยครับ ซึ่งผมทำอาชีพนี้เป็นหลักเลย”

ไม่สนใจเรื่องการแข่งขัน แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่ก็พอแล้ว

“ผมไม่ได้สนใจเรื่องของการแข่งขันนะ ถ้าเราเอาตัวเองไปอยู่กับการแข่งขันเราจะเครียด ผมแค่จดจ่อเป็นสิ่งๆไป งานที่ผมได้รับมอบหมายผมก็ทำเต็มที่ไม่ว่าจะงานไทยงานเทศเราก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว จดจ่อเป็นเรื่องๆ ไป ใครจะคิดเรื่องแข่งขันก็เรื่องของเขา”

บอกการแคสติ้งเป็นธรรมชาติของนักแสดง คงจะไทยที่เดียว ที่ไม่ค่อยแคสติ้ง ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร

“ธรรมชาติของนักแสดงทั่วโลกมันก็ต้องแคสติ้ง ก็อาจจะมีประเทศเราประเทศเดียวที่ไม่ค่อยแคสกัน ก็ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร แต่การแคสมันเป็นเรื่องปกติของนักแสดง ซึ่งจะได้หรือไม่ได้มันมีหลายปัจจัยครับ”

เตรียมตัวหนักกับการไปแคสงานต่างประเทศ เพราะเขาจะรับจากความสามารถ ไม่ใช่เพราะเราเป็นใคร

“เตรียมตัวครับ เพราะต่างประเทศเขาไม่ได้รับคนเพราะว่าเราเป็นใคร เขารับว่าเราทำอะไรให้เขาได้”

ไม่จำเป็นต้องฟิตหุ่นเป็นพิเศษ ให้ตัวเท่าต่างชาติ

“ก็ไม่ต้องฟิตหุ่นครับ ตอนนี้ก็น้ำหนักลง”

ไม่ซีเรียสถ้าแคสไม่ผ่าน แล้วต้องเจอกับความผิดหวัง

“ผมไม่ซีเรียสขนาดนั้นนะ เหมือนผมปลูกต้นส้มไว้ ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกต้นมันจะต้องออกผลเท่ากันหมด ไม่ได้ซีเรียส”

ค่าใช้จ่ายในการไปแคสงานต่างประเทศ ควักกระเป๋าออกเองทั้งหมด จึงต้องบริหารจัดการให้ดี

“ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี เพราะว่าเรายังไม่ได้มีเงินเยอะเป็นถังถึงขนาดอยู่สบายไปตลอดชาติ เพราะฉะนั้นเราต้องบริหารจัดการเงินให้ดี รู้ว่าช่วงไหนไปได้ ช่วงไหนควรจะอยู่นิ่งๆ เก็บตัวอยู่ในถ้ำ เวลาเดินทางไปแคสผมจ่ายเองหมดครับ”

ตอนนี้เลือกไปเคสงานในโซนเอเชียก่อน มีที่ปรึกษาคนอเมริกันช่วยดูให้

“คือตอนนี้ผมจะเลือกแคสเฉพาะงานที่มันอยู่ในโซนเอเชียก่อน คืองานที่มันวิ่งเข้ามาในไทยเราก็จะไปคุย แล้วจะมีคนที่เป็นที่ปรึกษาที่เป็นคนอเมริกัน ก็จะดูให้กันว่าได้หรือไม่ได้ยังไงโอเคไหม”

มีความฝันอยากร่วมงานกับ “อาเมียร์ ข่าน” นักแสดงชื่อดังชาวอินเดีย เพราะชอบหนังของเขา

“ความฝันสูงสุดของผม ผมมีเป้าไว้แล้วว่าอยากเล่นเรื่องอะไรบ้าง ผมชอบหนังอินเดีย ผมชอบ อาเมียร์ ข่าน เป็นนักแสดงที่ผมชอบเพราะว่าหนังเขามีคุณค่าทางความคิด มากกว่าที่จะเป็นแค่ความบันเทิง อยากพูดคุยกับเขามากกว่า ว่าเขามีแรงบันดาลใจในการทำหนังยังไง ผมไม่ได้ดูหนังแล้วร้องไห้นานมาก จนมาดูหนังของอาเมียร์ ข่าน หนังมันดูแล้วอิ่ม ไม่ได้ดูแล้วแบบอะไรวะ เรื่องอะไรวะ (ได้มีโอกาสไปลองแคสของเขาหรือยัง?) ยังเลยครับ ห่างไกลเหลือเกิน(หัวเราะ)”

ส่วนงานละครที่ไทยตอนนี้มีเรื่องลายกินรี ของอ๊อฟ พงษ์พัฒน์

“มีครับ มีของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ เรื่องลายกินรี”

งานต่างประเทศที่เลือกไปแคส ต้องเป็นงานที่ได้ใช้ศักยภาพในตัวเอง ไม่ได้แคสไปเรื่อย บอกลุ้นขี้แตก อยากเล่นใจจะขาด

“การงานแคสต่างประเทศ เราก็ไม่ได้ไปเรื่อยๆนะ ไปแบบเจาะจง เราเลือกอยู่ เพราะว่ามันไม่ใช่ทุกโปรเจกต์จะเวิร์ก มันก็ต้องเลือกสิ่งที่เราได้ใช้ศักยภาพด้วย ถ้าอันไหนเราไม่ได้ใช้ศักยภาพ เราก็บ๊ายบาย (มีลุ้นบ้างไหม?) ผมลุ้นขี้แตกเลยครับ(หัวเราะ) ผมอยากจะเล่นใจจะขาด”

ไม่กลัวโดนดราม่า หลังเลือกเป็นอิสระ ไม่ยอมต่อสัญญาค่ายเดิม เชื่อถ้าคนเข้าใจเหตุผลจะไม่มีใครดราม่าเลย

“ผมว่าถ้าคนจะดราม่า คงเพราะเขาไม่เข้าใจเหตุผล ถ้าเขาฟังเหตุผลแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีใครดราม่าหรอก เหตุผลของผม คือการเป็นอยู่ของผม ไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่วไป ผมไปอยู่ที่นั่นที ไปอยู่นี่ที 1-2 เดือน ผมศึกษาเรื่องหนึ่ง ผมเอาจริง ลงพื้นที่อยู่กับมัน แล้วการเป็นคนแบบนี้ให้งานที่แขวนไว้กับเรา สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ เราก็ไม่อยากให้ใครมาเสียงานเพราะเราดำเนินชีวิตแบบนี้ นี่เลยเป็นทางเลือกที่ว่าทำไม ถึงเลือกช่องทางนี้”

ด้าน “โบว์ เบญจวรรณ” แฟนสาวคนสวย เข้าใจตลอด ไม่เคยงอน แค่มีงอแงบ้างตามปกติ ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคเพราะมีเฟซไทม์แล้ว

“เขาเข้าใจครับ นี่ไม่ได้เจอกันเดือนหนึ่งแล้ว ก็เพิ่งแว๊บมาเจอกันเมื่อกี้ อย่างเดือนนี้ผมถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง ยังไม่ได้พักเลย จนวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไปทำงานต่อ ไม่ได้พักเลยสักวัน ผมทำงานอย่างเดียวเลย ก็โชคดีที่เขาเข้าใจ โชคดีที่เขาไม่งอน แต่ถามว่าเขามีงอแงไหม ก็มีบ้างนิดหน่อย เป็นปกติครับ (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นอุปสรรคกับคู่เราครับ เดี๋ยวนี้มีเฟซไทม์แล้ว ตามได้ เขาชินกับวิถีชีวิตของเราแล้วครับ ถ้าช่วงไหนผมรับบทเยอะๆ เขาก็คงประสาทกินเหมือนกัน เพราะว่าออกจากบ้านผมก็เป็นอีกคนหนึ่ง อยู่บ้านผมจะเซ็ตไว้ เข้าห้องนี้ผมเป็นใคร ลงมากินข้าวผมเป็นใคร”

เวลาอินกับละคร ไม่เคยถึงขนาดต้องไปพบจิตแพทย์ เพราะสามารถแยกแยะงานกับชีวิตจริงได้

“ไม่ครับๆ ผมมีกระบวนการทำงานที่แยกออก การที่ผมทำตัวแบบนั้น เพื่อที่ผมจะเป็นตัวละครได้ แต่เข้าไวออกไว บางทีก็พูดช้าๆ บางทีก็พูดไวไว แต่เราจะไม่เอาออกมาทั้งหมด เราแค่ให้กลิ่นตัวละครอยู่ในเรา แต่ไม่มีเผลอหลุดออกมาใช้กับคนรอบตัว ถ้าจะใช้ก็ใช้อันที่น่ารัก(ยิ้ม)”

บอกการแสดงละคร ต้องเข้าใจกระบวนการของการเป็นตัวละครด้วย อย่าปล่อยให้อินจนมาทำร้ายตัวเอง

“ถ้าจมลึก แสดงว่าอาจไม่เข้าใจกระบวนการของการเป็นตัวละคร เพราะเราไม่ใช่ตัวละครอยู่แล้วตั้งแต่ต้นเราเอาวัตถุดิบของตัวละครมาทำร้ายเรา แสดงว่าเราไม่เข้าใจกระบวนการหรือเปล่า เราต้องตั้งคำถามนี้ด้วย ถ้าเราเข้าใจกระบวนการที่จะปล่อยให้ตัวละครเข้ามาอยู่ในเรา ก็ต้องเข้าใจการที่ปล่อยออกมาด้วยครับ ข้อหนึ่งต้องทำงานหนัก อ่านบทเป็นร้อยๆครั้ง จนกว่าจะเข้าใจว่าเป็นตัวละคร ไม่ใช่ฉัน เหมือนเราพยายามเลียนแบบเพื่อนเราคนหนึ่ง สมมติเพื่อนคนนี้เป็นคนชอบจีบปากจีบคอ เราสามารถเลียนแบบเขาได้ทันที แล้วก็ไม่ติดไปตลอดเท่านั้นเอง”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0