โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ทำความรู้จักกับ “เฮลท์ลีด” หรือ HL ธุรกิจร้านขายยารายแรกที่จะเข้าเทรดภายในปีนี้

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 03.39 น. • เผยแพร่ 02 พ.ย. 2564 เวลา 12.39 น.

อีกหนึ่งหุ้นไอพีโอที่น่าจับตา อย่าง บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HLกำลังเตรียมความพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในช่วงเดือน ธ.ค.2564 โดย HL จะมีความน่าสนใจแค่ไหน Wealthy Thai สรุปมาให้แล้ว ผ่านการเปิดเผยของนายธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL และนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน

1.ลักษณะของการดำเนินธุรกิจ

ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่งได้แก่ 1.บริษัท ไอแคร์ เฮลท์ จำกัด (Icare Health Company Limited) (ไอแคร์ เฮลท์) เป็นบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100 % โดยไอแคร์ เฮลท์ ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจร้านขายยา จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ รวมกว่า 10,000 รายการ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาทั้งหมด 4 แบรนด์ ปัจจุบันมี 25 สาขา ได้แก่ iCare 10 สาขา, PharmaX 11 สาขา, vitaminclub 3 สาขา และ Super Drug 1 สาขา
และ 2. บริษัท เฮลทิเนส จำกัด (Healthiness Company Limited)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100% โดยประกอบธุรกิจหลัก คือ คิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้ 2 แบรนด์ ดังนี้ PRIME เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก มีผลิตภัณฑ์จำนวนทั้งหมด 24 SKU และ Besuto เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์สลายกลิ่น และผลิตภัณฑ์หน้ากาก ซึ่งมีจำหน่ายทั้งหมด 9 SKU โดยส่วนใหญ่จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัท

2.จำนวนหุ้นไอพีโอที่เสนอขาย

จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.47% โดยบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 136 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 136 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 272 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

3.กรอบระยะเวลาเข้าตลาดหุ้น

มีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในช่วงเดือน ธ.ค.2564

4.วัตถุประสงค์ของการระดมทุน

บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 25 สาขา โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีการขยายสาขาปีละ 4-5แห่ง บนทำเลที่ดีมีศักยภาพสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อผลักดันการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

5.เป้าหมายของบริษัท

HL มีเป้าหมายหลักของการเข้าจดทะเบียนใน mai เพื่อจะยกระดับมาตรฐานองค์กร สามารถตรวจสอบได้ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลูกค้าจะมีความมั่นใจในการเลือกซื้อยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์กว่า 10,000 รายการของบริษัทฯ ซึ่งมีคุณภาพได้มาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี

6.ความน่าสนใจ

HL จะเป็นหุ้นธุรกิจร้านขายยาบริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจจากเป็นธุรกิจร้านขายยา Chain Store ที่มีสาขาตั้งอยู่ที่ในทำเลที่เข้าถึงแหล่งชุมชน รวมทั้งมีเภสัชกรประจำตลอดเวลา ขณะเดียวกันอยู่ในอุตสาหกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโต และยังเป็นธุรกิจแห่งอนาคตมีโอกาสสร้างการเติบโตได้แบบก้าวกระโดด เพราะสังคมไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ
อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่ หันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการยา หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะทำให้ชื่อเสียงขององค์กรและแบรนด์เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างฐานทุนให้แข็งแกร่ง มีแหล่งระดมทุนที่หลากหลาย สามารถรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตได้เป็นอย่างดี

7.จุดแข็งของการดำเนินธุรกิจ

บริษัทดำเนินธุรกิจนี้มากว่า 20 ปี แม้จะมีคู่แข่งเข้ามาในธุรกิจนี้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เติบโตมากนัก เนื่องจาก บริษัทนั้นๆ ไม่มีเภสัชกร แต่ในส่วนของ HL มีเภสัชกรประจำที่ร้านขายยาตลอดเวลา โดยถ้าร้านขนาดใหญ่จะมีมากถึง 3 ราย เนื่องจากบริษัทเป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัย มีบุคคลากรเข้าไปสอนในมหาวิทยาลัยอีกด้วย จึงมีเภสัชกรที่เป็นคนจ่ายยาจริงๆ

8.สำรวจผลประกอบการย้อนหลัง

ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มฯบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 791.21 ล้านบาทในปี 2561, จำนวน 915.51 ล้านบาทในปี 2562 และจำนวน 1,080.11 ล้านบาทในปี 2563 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 15.71% และ17.98% สำหรับปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 556.76 ล้านบาท
กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากจำนวน 0.39 ล้านบาทในปี 2561 เพิ่มเป็น จำนวน 21.77 ล้านบาทในปี 2562 และเป็นจำนวน 52.08 ล้านบาท ในปี 2563 ส่วนงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2564 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 32.29 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 5.80
โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 5.09 และเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 4.82 จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมทั้งมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่เป็นผลิตภัณฑ์ของเฮลทิเนส เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นของปี 2563 อยู่ที่ 21.89% และงวด 6 เดือนของปี 2564 อยู่ที่ 22.27% อันเนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์เพิ่มขึ้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0