โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“กรีน” โต้มีปัญหา “รอน” หลังถอนหุ้นธุรกิจ

daradaily

อัพเดต 18 ก.พ. 2562 เวลา 10.08 น. • เผยแพร่ 19 ก.พ. 2562 เวลา 05.30 น.

“กรีน” โต้มีปัญหา “รอน” หลังถอนหุ้นธุรกิจ

      ได้ถอนหุ้นจากการลงขันทำธุรกิจเปิดร้านแว่นตากับเพื่อนสนิท อย่าง “รอน ภัทรภณ โตอุ่น" ลง ทำให้อยากรู้มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า สำหรับ “กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยให้ฟัง

       ก็เป็นเพียงโปรเจ็คท์หนึ่งที่ทำด้วยกันเท่านั้น อาจจะด้วยเรื่องของเวลาที่ตนไม่ค่อยมีแม้ทั้งคู่ก็ทำงานในวงการก็จริง แต่มีเวลามาเจอกันน้อยก็กลัวจะเป็นภาระและเป็นตัวถ่วงเรื่องทำให้ธุรกิจมันเดินต่อไปช้าเลยถอยออกมา แต่อีกฝ่ายก็ยังทำกับพี่อีกคนหนึ่งที่มีประสบการณ์มากกว่า ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรกันจริงๆ เพราะทั้งคู่ได้คุยกันไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ตนก็ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเลย ที่ทำแค่รู้สึกว่าชอบแต่พอธุรกิจมาถึงจุดหนึ่งรู้สึกว่าทำไม่ได้เลยถอยออกมา โดยอนุญาตให้ใช้รูปตนโปรโมทได้ปกติไม่ได้ห้ามอะไร ถามว่ามีโอกาสที่จะกลับไปทำธุรกิจด้วยกันไหม ก็คงไม่ใช่เรื่องขายแว่นแต่ถ้าเป็นอย่างอื่นยังคิดที่จะชวนอีกฝ่ายมาร่วมทำอีก 

       ส่วนที่ลุยทำธุรกิจกับ "ธันวา สุริยจักร" ก็ต้องขอบคุณเขา เพราะเวลาทำความคิดไม่ได้มาจากตนคนเดียว เขามีหัวคิดธุรกิจมากกว่าตนเลยได้โอกาสที่ดีไปด้วย เพราะการทำธุรกิจเป็นคู่มันได้โอกาสในเรื่องคอนเนคชั่นที่อีกฝ่ายได้ทำให้เชื่อมมาถึงตนด้วย

       กับการทำธุรกิจควบไปกับการแสดงก็ไม่ได้หนัก เพราะทั้งคู่ได้คุยกันแล้ว ช่วงแรกอาจจะหนักที่ต้องเรียนรู้และเข้าไปฝึกดูระบบต่างๆ แต่พอสักพักมันจะอยู่ตัว โดยตอนนี้ไม่ได้ทำแค่ในประเทศมีลองคิดที่จะขยายไปประเทศเพื่อนบ้านด้วย อย่างฝ่ายชายเป็นคนประเทศลาวเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะขยายไปที่โน่น ก็มองเป้าหมายค่อนข้างใหญ่แพลนคิดขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่น แต่ต้องทำทีละก้าวให้มั่นคงก่อน ถ้าไปได้ก็จะขยายไปเอง ระหว่างที่ธุรกิจขยายก็สามารถไปดูตลาดที่อื่นได้เหมือนกันไม่ใช่แค่ประเทศลาวหรือประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเปิดโอกาสให้กับธุรกิจได้ 

        ส่วนที่ถูกมองเริ่มเป็นมหาเศรษฐีแล้วนั้น ก็ไม่ขนาดนั้นมองว่าน่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่ทำธุรกิจหนักไม่ใช่แค่การตั้งเป้าหมายให้ตัวเองกับครอบครัว ก็อยากให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย และด้วยอายุที่มากขึ้นงานในวงการบันเทิงพอมาถึงจุดหนึ่งก็เข้าใจว่าจะต้องเปลี่ยนสถานะ หรือรับงานน้อยลง เลยต้องมีอะไรบางอย่างที่ซัพพอร์ตซึ่งทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกันมันเลยรู้สึกโชคดี

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0