เบอร์เบอรี่ (Burberry) แบรนด์แฟชั่นหรูสัญชาติอังกฤษกำลังเผชิญเสียงวิจารณ์อย่างหนักต่อการเผาทำลายสินค้าขายไม่ออกมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เผยว่า ไม่ได้มีแค่เบอร์เบอรี่แบรนด์เดียวที่ทำลายสินค้าขายไม่ได้
Arnaud Cadart ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมจาก Flornoy and Associates ซึ่งศึกษาวิเคราะห์อุตสาหกรรมแบรนด์แฟชั่นหรูระบุว่า วิธีการที่เบอร์เบอรรี่ใช้นั้นแพร่หลายอยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่น มีแบรนด์หรูเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่จะจัดการขายสินค้าให้หมดสต็อกแทนการทำลาย สินค้าแฟชั่นที่มีอายุการใช้งานสั้นก็ยิ่งเพิ่มจำนวนสินค้าเหลืออยู่และต้องถูกทำลาย
ผู้เชี่ยวชายยังระบุว่า การเผาทำลายสินค้าจะถูกรายงายลงไปในบัญชีการเงิน แต่มักจะอยู่ภายใต้การบันทึกว่าเป็นการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือ ซึ่งรายงานระบุว่า ธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านแฟชั่นอย่าง LVMH ของฝรั่งเศสก็ระบุในรายงานประจำปีล่าสุดของของตัวเองว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากความล้าสมัยของผลิตภัณฑ์ หรือการขาดโอกกาสในการขาย ส่วนแอร์เมสก็พูดถึงความล้าสมัยของผลิตภัณฑ์เช่นกัน แต่ข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีสินค้าถูกทำลายเท่าไรนั้นไม่ได้ระบุไว้
ทั้งนี้ ในรายงานประจำปีของเบอร์เบอรี่ระบุว่า สินค้าขายไม่ได้ที่ถูกเผาทำลายมีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับและน้ำหอม โดยเบอร์เบอรี่ระบุว่าเผาสินค้าขายไม่ออกของบริษัทเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาป้องกันไม่ให้ถูกขโมยและนำไปขายต่อในราคาที่ต่ำลงซึ่งลดมูลค่าแบรนด์ และถึงแม้จะยืนยันว่า ได้ดำเนินการเผาทำลายสินค้าขายไม่ได้เหล่านี้ด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและควบคุมพลังงานจากการเผาทำลายสินค้าเหล่านี้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์เกิดขึ้นจำนวนในประเด็นดังกล่าว
