นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า มีการประเมินหลังจากผลปาล์มราคาปรับขึ้นมาจากการที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ประกาศในเรื่องนโยบายไบโอดีเซล หรือ บี10 เป็นการดึงน้ำมันส่วนเกินออกจากระบบที่มีเกินอยู่ในสต็อก 3-4 แสนตัน มองว่าเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ราคาปาล์มปรับตัวสูงขึ้น สิ่งที่จะทำอย่างต่อเนื่องล่าสุดท่านรัฐมนตรีได้สั่งการให้ปลัดกระทรวง หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้จับตาดูว่าจะทำอย่างไรให้ราคาปาล์มที่ปรับตัวขึ้นนี้ให้ยั่งยืนเพื่อให้พี่น้องชาวสวนปาล์มมีความมั่นคง มั่งคั่ง เป็นเจตนารมย์นโยบายของรัฐบาล”
สอดคล้องนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากผลปาล์มที่ราคาขึ้นแรงนั้นเป็นผลมาตรการนโยบาย บี 10 ที่ทำให้น้ำมันดิบ(ซีพีโอ)หายไป ประกอบกับผลผลิตมีน้อยทำให้ราคาปาล์มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาผลปาล์ม ณ วันที่ 14 ธ.ค.62 ราคาอยู่ที่ 5.20 บาท/กิโลกรัม แต่ถ้าเกษตรกรทำเปอร์เซ็นต์น้ำมันไปที่ 22%ขายได้กิโลกรัมละ 6 บาท
นายสัณหพจน์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 1 มกราคม 2563 ในส่วนบี10 จะเป็นมาตรฐานบังคับนั้นเชื่อว่าจะทำให้ราคาปาล์มประเทศนั้นมีความสมดุล มองนโยบายดังกล่าวเป็นมาตรการยั่งยืน แล้วจะทำให้เกษตรกรมีความมั่นคงในอาชีพแต่ว่าต้องมีการควบคุมด้วยว่ามีจำนวนเกษตรกรที่ปลูกปาล์มจำนวนเท่าไร ไม่เช่นนั้นจะเกิดล้นตลาดขึ้นมาอีกจะส่งผลทำให้ราคาผลปาล์มกลับมาตกต่ำอีก
ที่สำคัญจะเกิดปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ เพราะปาล์มจะต้องอาศัยน้ำเป็นหลักไม่เช่นนั้นผลผลิตปาล์มจะไม่ดี ก็คือ ต้องใช้น้ำ 200 ลิตร/วัน ดังนั้นจึงอยากจะฝากพี่น้องเกษตรกรว่าอยากให้ยึดอาชีพนี้ไว้จะต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น อาจจะปลูกพืชล้มลุกหรือพืชสวนครัวผสมจะช่วยลดรายจ่ายลง
