โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘3 ตำนานของสถานที่เที่ยวลึกลับในภาคอีสาน’ ที่ก่อนตายต้องไปสักครั้ง!!!

Horrorism

อัพเดต 10 มี.ค. 2563 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 10 มี.ค. 2563 เวลา 07.40 น. • Horrorism

 

       ความเชื่อและความศรัทธาในอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับคนไทยนั้นเป็นของคู่กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในเรื่องฝนฟ้าอากาศ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ผีสางเทวดา และโหราศาสตร์ หรือแม้กระทั่งสถานที่ต่าง ๆ ก็มักจะมีเรื่องราว ตำนานความเชื่อที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนาน วันนี้ HORRORISM จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ ‘3 ตำนานของสถานที่เที่ยวลึกลับในภาคอีสาน’ที่ก่อนตายต้องไปสักครั้ง!!! มาดูซิว่าในแต่ละที่มีเรื่องราวแปลกประหลาดชวนน่าขนลุกขนาดไหน…

1. ป่าคำชะโนด ตำนานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนพญานาค

       คำชะโนด หรือ ป่าคำชะโนด ตั้งอยู่ในวังนาคินทร์คำชะโนด อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นป่าที่มีลักษณะเหมือน ‘เกาะแม่น้ำ’ มีน้ำล้อมรอบ มีพื้นที่บนเกาะประมาณ 20 ไร่ ที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นคำชะโนดสูงใหญ่ทั่วทั้งเกาะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านศรัทธาสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 18.00 น.

 

รูปภาพประกอบ : matichon

       ในป่าคำชะโนดมีศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้ามากราบไหว้ขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย โดยอีกด้านหนึ่งของศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ นักท่องเที่ยวจะเห็นรากต้นไทรขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านนิยมเข้ามากราบไหว้บูชาด้วยเช่นเดียวกัน
 

รูปภาพประกอบ : sanook

ตำนานของคำชะโนด

       เชื่อกันว่าป่าคำชะโนดเป็นดินแดนลี้ลับของพญานาค และเป็นทางเชื่อมต่อเมืองบาดาล ปกครองรักษาโดยพญานาคราชปู่ศรีสุทโธ และองค์แม่ศรีปทุมมานาคราชเทวี ภายหลังพญานาคราชปู่ศรีสุทโธได้ทำสงครามกับเจ้าพ่อสุวรรณนาค เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน จนพื้นโลกสะเทือนเดือดร้อนไป 3 ภพจนรู้ถึงพระอินทร์
       พระอินทร์จึงลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตรัสโองการให้นาคทั้งสองฝ่ายหยุดรบ และหันมาสร้างแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำโขงและแม่น้ำน่าน ในปัจจุบัน โดยฝ่ายไหนสร้างแม่น้ำเสร็จก่อนจะให้ปลาบึกไปอยู่ในแม่น้ำสายนั้น
       และพญานาคราชปู่ศรีสุทโธก็ได้สร้างแม่น้ำเสร็จก่อน ปลาบึกจึงได้อยู่ที่แม่น้ำโขง และพญานาคราชปู่ศรีสุทโธจึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ทูลขอทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์เอาไว้ 3 แห่ง ได้แก่ ที่ธาตุหลวงนครเวียงจันทน์ ที่หนองคันแท และที่พรหมประกายโลกหรือคำชะโนดนั่นเอง ที่นี่จึงเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเล่าลือสืบเนื่องกันมา
       นอกจากนี้ยังมีตำนานผีจ้างหนัง ที่โด่งดังจนถูกนำมาดัดแปลงทำเป็นภาพยนตร์ โดยเริ่มจากมีบุคคลลึกลับได้จ้างวานให้บริษัทหนังกลางแปลงไปตั้งฉายหนังกลางทุ่งคำชะโนดด้วยค่าจ้าง 4,000 บาท และจะต้องฉายให้เสร็จก่อนเวลาตี 4 และออกมาก่อนฟ้าสว่าง โดยห้ามหันหลังกลับไปมองด้านหลังเด็ดขาด

 

2. ตำนานพญาคันคาก พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก

 

รูปภาพประกอบ : nationtv

       พิพิธภัณฑ์พญาคันคากตั้งอยู่อย่างโดดเด่นที่สวนสาธารณะพญาแถน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ริมอ่างเก็บน้ำลำทวน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าถึงตำนานเรื่องเล่าพื้นเมืองของชาวอีสาน เกี่ยวกับตำนานพญาคางคกและประเพณีบุญบั้งไฟ สามารถเข้าชมได้ในเวลา 09.00 น. - 12.00 น. และเวลา 15.00 น.- 18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)

       ภายในพิพิธภัณฑ์จะเป็นนิทรรศการแสดงเรื่องเกี่ยวกับที่มาของบั้งไฟ โดยจัดฉายเป็นภาพยนตร์ 4 มิติ และนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในเมืองไทย รวมถึงวิถีชีวิตของชาวอีสานและทางด้านเกษตรกรรม

 

 

 

รูปภาพประกอบ : oknation

 

ตำนานพญาคันคาก

       ตำนานพญาคันคากเป็นเหมือนนิทานพื้นบ้านของชาวอีสานที่เล่าต่อ ๆ กันมาอย่างยาวนาน เป็นเรื่องเกี่ยวกับพญาแถน เทพเจ้าแห่งฝน ที่โกรธเคืองโลกมนุษย์มากจึงแกล้งไม่ให้ฝนตกยาวนานถึง 7 เดือน สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างพากันล้มตายเป็นจำนวนมาก
       สรรพสัตว์ทั้งหลายที่รอดชีวิตต่างก็พากันมาชุมนุม และหาวิธีทางปราบพญาแถน โดยเริ่มจากการส่งพญานาคียกทัพไปรบกับพญาแถน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กลับมา พญาต่อแตนยกทัพไปปราบ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีกจนสิ้นหวังไปตาม ๆ กัน
       พญาคางคกจึงขออาสาที่จะไปรบกับพญาแถน และได้วางแผนในการรบ โดยให้ปลวกทั้งหลายก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงเมืองพญาแถน เพื่อเป็นเส้นทางให้ทุกคนได้เดินทางไปสู่เมืองพญาแถนได้ 
       มอด ได้รับหน้าที่ให้กัดเจาะด้ามอาวุธที่ทำด้วยไม้ทุกชนิด ส่วนแมงป่องและตะขาบให้ซ่อนตัวอยู่ตามเสื้อผ้าของไพร่พลพญาแถนเพื่อทำหน้าที่กัดต่อย จนในที่สุดพญาแถนจึงได้ยอมแพ้ และตกลงทำสัญญาสงบศึกกับพญาคางคก โดยมีสัญญาดังนี้

       1.    ถ้ามวลมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อใด ให้พญาแถนสั่งให้ฝนตกในโลกมนุษย์ (เป็นที่มาของการทำบั้งไฟ)
       2.    ถ้าได้ยินเสียงกบเสียงเขียดร้อง ให้รับรู้ว่าฝนได้ตกลงมาแล้ว
       3.    ถ้าได้ยินเสียงสนู (เสียงธนูหวายของว่าว) หรือเสียงโหวด ให้ฝนหยุดตกเพราะจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว
       หลังจากที่ได้สัญญากันแล้ว พญาแถนจึงได้ถูกปล่อยตัวไปและพญาแถนก็ได้ปฏิบัติตามสัญญามาจนบัดนี้

 

 

3. ตำนานพญานาค บั้งไฟพญานาค

 

รูปภาพประกอบ : thairath

 

       ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคช่วงเทศกาลออกพรรษา จังหวัดหนองคาย ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ เพราะจะมีลูกไฟจำนวนหลายพันลูกต่อคืนที่พุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขงสู่ท้องฟ้าในวันออกพรรษาของทุกปี โดยที่ไม่สามารถอธิบายถึงต้นกำเนิดได้ ก่อนปี 2529 บั้งไฟพญานาคนี้มีชื่อเรียกกันว่า บั้งไฟผี

       ลักษณะบั้งไฟพญานาค เป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือจนถึงขนาดเท่าไข่ห่าน มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น และจะเริ่มปรากฏเหนือผิวน้ำตั้งแต่ระดับ 1–30 เมตร พุ่งสูงขึ้นไปประมาณระดับ 50–150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5–10 วินาที แล้วจะดับหายไปในอากาศ ทั้งที่ดวงไฟยังโตอยู่ ไม่ได้หรี่เล็กลงแล้วค่อย ๆ ดับหรือโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ จึงทำให้บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์มาจนถึงปัจจุบัน
 

รูปภาพประกอบ  : matichon

 

ตำนานบั้งไฟพญานาค

       ความเชื่อของชาวอีสานนั้นเชื่อกันว่าในแม่น้ำโขงมีเทพเจ้าทางน้ำ เรียกว่า พญานาค อาศัยอยู่ เดิมทีพญานาคที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลนั้นมีนิสัยดุร้าย แต่พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เลิกนิสัยดุร้าย และคิดจะหันมาออกบวช แต่ก็ไม่สามารถบวชได้เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ
       และในวันออกพรรษาของทุกปี เชื่อกันว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กลับสู่โลกมนุษย์ เหล่าบรรดาพญานาคที่อยู่ในแม่น้ำโขงต่างแสดงความยินดี ด้วยการจุดบั้งไฟเฉลิมฉลองเพื่อเป็นพุทธบูชา จึงปรากฏให้เห็นเป็นลูกไฟที่พุ่งขึ้นจากผิวน้ำ และนี่คือที่มาของ ‘บั้งไฟพญานาค’

 

 

       เป็นยังไงบ้างครับกับ 3 สถานที่สุดลึกลับในภาคอีสาน หากเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจไปกราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตก็สามารถไปได้เลยนะครับ หวังว่าทุกคนจะได้รับความสนุกและความรู้กันถ้วนหน้านะครับ _

 

ช้อมูลอ้างอิงและรูปภาพประกอบ : ‘3 ตำนานของสถานที่เที่ยวลึกลับในภาคอีสาน’ ที่ก่อนตายต้องไปสักครั้ง!!!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0