โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘ไวรัสโควิด – บาทอ่อน’ จ่อดันราคาทองปี 63 สูงสุดถึง 27,000 บาท

The Bangkok Insight

อัพเดต 22 ก.พ. 2563 เวลา 04.19 น. • เผยแพร่ 22 ก.พ. 2563 เวลา 04.14 น. • The Bangkok Insight
‘ไวรัสโควิด – บาทอ่อน’ จ่อดันราคาทองปี 63 สูงสุดถึง 27,000 บาท

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปีว่า ภาพรวมในปีนี้ ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น หลังจากผ่านบริเวณ 1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของราคาทองคำในเดือน มีนาคม 2556 และเป็นกรอบแนวต้านแรกของปีนี้ที่ YLG เคยประเมินไว้ ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ โดยจะมีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์

หากผ่านได้จะมีแนวต้านถัดไปอยู่ในโซน 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนระดับสูงสุด ของราคาช่วงเดือน กุมภาพันธ์ กันยายน และตุลาคม ปี 2555 และเป็นจุดที่ราคาทดสอบหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถผ่านได้

ส่วนราคาทองคำในประเทศ คาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท เนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อกำลังซื้อของเกษตรกร การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ไวรัสโควิด-19) ที่กระทบต่อภาคท่องเที่ยว หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนหายไป ส่งผลให้ GDP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะเพิ่มโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบของการอ่อนค่า จึงเพิ่มโอกาสที่ราคาทองคำในประเทศจะแตะระดับ 25,500-27,000 บาทต่อบาททองคำภายในปีนี้

"ปีนี้เป็นปีที่ราคาทองคำทะยานขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี โดยราคาทองคำในตลาดโลก หรือ Gold Spot ปรับตัวสูงขึ้น 118 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 7.78% จากราคาเปิด 1,517 สู่ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 1,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี"

ทองคำได้รับปัจจัยบวกหลายเรื่องในปีนี้ ได้แก่ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านในช่วงต้นปี ล่าสุดเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก กระตุ้นการคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยปีนี้ ส่วนตลาดบอนด์กลับมาเกิดภาวะ inverted yield curve ระหว่างบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 3 เดือน และอายุ 10 ปี ซึ่งยิ่งสร้างความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอยในอนาคต

ไม่เพียงแต่ราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งขึ้น แต่ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเนื่องจาก กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.00% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน จึงมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยอีกในอนาคต

การอ่อนค่าของค่าเงินบาท จึงทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาล่าสุดในวันนี้ (22 ก.พ.) ทองคำแท่งขายออกที่ 24,500.00 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณ มีราคาขายปรับขึ้นมาถึงบาททองคำละ 25,000.00 บาทแล้ว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2563 สามารถหาจังหวะเข้าซื้อใกล้บริเวณแนวรับ 1,545 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 23,100 บาทต่อบาททองคำ และทยอยแบ่งพอร์ตเพื่อขายทำกำไรเป็นระยะ โดยขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,700-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 25,500-27,000 บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ดี หากหลุดแนวรับ 1,545 ดอลลาร์ต่อออนซ์ควรตัดขาดทุนบางส่วน แล้วถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปบริเวณ 1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,600 บาทต่อบาททองคำ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0