ปฏิทินเดินมาพร้อมกับนาฬิกาที่หมุนเวียนมาจนถึงเดือนที่ 6 ของปี ค.ศ.2020
คอฟุตบอลและคอกีฬามีนัดกันแข่งขันกันระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน-12 กรกฎาคม 2020 จะเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16 หรือ ยูโร 2020 ซึ่งเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่จะมีเจ้าภาพร่วมถึง 12 ประเทศกระจายไปทั่วทวีป
แต่ในที่สุดเราต้องมาลุ้น “ฟุตบอลลีก”ของแต่ละชาติแทน
การเดินเข้ามาแบบไม่มีใครรับเชิญของ “โคโรนาไวรัส” หรือ “โควิด-19” ยังผลให้โลกหยุดหมุน ทุกอย่างแม้จะมี “แบบแผนที่ดี” แต่ก็ต้องลุ้นกันต่อไปแบบ “วันต่อวัน”
ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน ชนิดที่ขุนแผนยังต้องแสนสะท้านทรวงใน!!!
l บนความตั้งใจในซัมเมอร์2020
เลดี้ แอนด์ เจนเทิ่ลแมน……..เราจะได้ดูฟุตบอลที่โรแมนติกที่สุดในโลกเกิดขึ้นที่แผ่นดินยุโรป
“ยูโร 2020” จะมีความพิเศษนั่นก็คือ รอบสุดท้ายจะมีเจ้าภาพร่วมถึง 12 ชาติเพื่อฉลอง 60 ปีของรายการนี้ กับคำนิยามจาก “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ ที่ดำรงตำแหน่งประธานยูฟ่า ณ เวลานั้น ว่า “นี่คือฟุตบอลที่โรแมนติก”
เจ้าภาพทั้ง 12 ชาติ ประกอบไปด้วย มิวนิค ประเทศเยอรมนี,โรม ประเทศอิตาลี, บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน, บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย, บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี, อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์, ดับลิน ประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์, โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก, กลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์, บิลเบาประเทศสเปน, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย และมหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ
รอบแรก กลุ่ม เอ จะเล่นที่อิตาลี กับ อาเซอร์ไบจาน, กลุ่ม บี เล่นที่รัสเซียกับ เดนมาร์ก, กลุ่ม ซี เล่นที่เนเธอร์แลนด์ กับ โรมาเนีย,กลุ่ม ดี เล่นที่อังกฤษ กับ สกอตแลนด์, กลุ่ม อี เล่นที่สเปน กับ ไอร์แลนด์ และกลุ่ม เอฟ เล่นที่ เยอรมนี และบูดาเปสต์
จากนั้นในรอบน็อกเอาท์ จะกระจายเล่นไปครบทุกเมือง ก่อนที่รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงจะเล่นที่นิว เวมบลีย์อังกฤษ
นี่แหละคลาสสิกจริงๆ!!!
ผลการจับสลากรอบแบ่งกลุ่มออกมา ก็แทบจะทำให้หลายคนอดใจรอไม่ไหว เพราะมีกรุ๊ป ออฟ เดธ อยู่ในกลุ่ม เอฟ นั่นก็คือ โปรตุเกส, ฝรั่งเศส และเยอรมนี
กลุ่มเอ : ตุรกี, อิตาลี, เวลส์,สวิตเซอร์แลนด์
กลุ่มบี : เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, เบลเยียม, รัสเซีย
กลุ่มซี : เนเธอร์แลนด์, ยูเครน, ออสเตรีย, ทีมจากรอบเพลย์ออฟ (สายดีหรือเอ)
กลุ่มดี : อังกฤษ, โครเอเชีย, ทีมจากรอบเพลย์ออฟ (สายซี), สาธารณรัฐเช็ก
กลุ่มอี : สเปน, สวีเดน, โปแลนด์, ทีมจากรอบเพลย์ออฟ (สายบี)
กลุ่มเอฟ : ทีมจากรอบเพลย์ออฟ (สายเอหรือดี), โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, เยอรมนี
แค่คิดเราก็สนุกกันล่วงหน้าแล้ว……………
l บนความเป็นจริงในซัมเมอร์2020
การย่างกรายเข้ามาของไวรัสมหาประลัย มันทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลงไปทั้งหมด แน่นอนที่สุดก็คือ ฟุตบอลลีกสำคัญๆ ไม่สามารถแข่งขันได้เลยตั้งแต่ก่อนกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
จนกระทั่ง “บุนเดสลีกา โมเดล” เดินเข้ามาและกลับมาแข่งขันได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมาทำให้ลีกอื่นๆ ที่เฝ้ามองการดำเนินงานครั้งนี้ของพวกเยอรมนี ทำให้กลับมาเตรียมสตาร์ทกันทั้งหมด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลา ลีกา สเปน และกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ต่างลั่นกลองรบ
ส่วน ลีก เอิง ทุกอย่างไม่ได้ประสานกันไว้กับภาครัฐ ต้องตัดจบยกแชมป์ไปเรียบร้อยก่อนใคร
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ คุณภาพและมาตรฐานของเยอรมนี ระบบการทำงานแบบสหพันธรัฐ ดูเหมือนมีความแข็งแรงอยู่ในตัวของมันเอง ทำให้ลีกเดินหน้าต่อเหมือนกับไม่มีปัญหา
เยอรมนี ต่างจาก อังกฤษ กับการทำโมเดลนี้ขึ้นมา นั่นเพราะว่า บุนเดสลีกา ทำเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้วถึงจะยื่นไปยังรัฐบาลเยอรมนี ตรงข้ามกับ พรีเมียร์ลีก ที่ทำงานร่วมกันกับรัฐบาลอังกฤษไปเลย
เส้นทางของ “พรีเมียร์ลีก” ที่ทำงานภายใต้แคมเปญว่า “Premier League Project Restart” ยังคงถกเถียงกันไม่จบ แม้จะกำหนดวันออกมาแล้วว่า จะกลับมาแข่งขันวันที่ 17 มิถุนายนนี้
เงื่อนไขก็คือ ตอนนี้โปรแกรมไหนไม่สำคัญกว่าการที่ “เตะที่ไหน”
ตำรวจหวั่นใจว่า การเตะในถิ่นของหลายๆ เกมอาจจะมีผลต่อการที่มีแฟนบอลจำนวนมากออกมาเฉลิมฉลองแชมป์ นั่นหมายความว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี ที่ใกล้เคียงกับการเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี
คือเป้าหมายในเรื่องนี้
การหวั่นใจในการรวมกลุ่มคนยังเป็นที่กังวลจากหน่วยงานภาครัฐ จึงต้องการอยากให้หลายๆ เกม รวมถึงเกมที่ลิเวอร์พูล ลงสนามนั้น
ไปแข่งที่อื่นไม่ใช่ที่บ้านตัวเอง
เกมที่อยู่ในลิสต์ที่อยากให้ไปเตะกันที่อื่นในไม่ใช่ในถิ่นตัวเอง พูดง่ายๆ ว่า “เตะสนามกลาง” ประกอบด้วย แมนเชสเตอร์ซิตี้-ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี้-นิวคาสเซิ่ล, แมนยูฯ-เชฟฯยูไนเต็ด, นิวคาสเซิล-ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน-ลิเวอร์พูล
รวมถึงทุกแมทช์ที่ ลิเวอร์พูลลงเล่นในแอนฟิลด์!!!!
แต่เดี๋ยวก่อน!!!!
ทางฝั่งตำรวจเมอร์ซี่ย์ไซด์ ออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาพร้อมปฏิบัติหน้าที่หากฟุตบอลจะกลับมาแข่งขันที่กูดิสัน พาร์ค และแอนฟิลด์
“ตำรวจเมอร์ซี่ย์ไซด์ พร้อมรักษาการณ์อย่างเต็มที่ในการกลับมาแข่งขันฟุตบอลในเมือง เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งเอฟเวอร์ตัน และลิเวอร์พูล รวมไปถึงกลุ่มแฟนคลับของทั้งสองทีม เรามั่นใจว่าเรารับมือได้กับการรีสตาร์ทของฤดูกาลนี้” แถลงการณ์ระบุ
ตำรวจท้องที่พร้อม แต่ตำรวจฟุตบอล….ยังไงกัน
ทำให้ทุกอย่างตอนนี้ของพรีเมียร์ลีกยังเป็นปัญหาที่ดูจะเรื้อรัง โดยเฉพาะเรื่องจะแข่งที่ไหน คุยกันยังไม่รู้เรื่องมาเป็นเดือน
ขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องของทีมตกชั้นหรือไม่ตกชั้นน่าสนใจมากๆ หากว่าเตะไปแล้วเกิดระบาดรอบ 2 หนักขึ้นจนต้องยุติการแข่งขันจะทำอย่างไร
บางทีมบอกว่าไม่มีการตกชั้นไปเลย แต่บางทีมก็ต้องการข้อเสนอที่ดีกว่าเหมาะสมกว่า นั่นก็คือ นำคะแนนมาเฉลี่ยตัดสินจะดีที่สุด
เรื่องนี้ พรีเมียร์ลีก ยืนกระต่ายขาเดียวมาโดยตลอดว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หากแข่งไม่จบ ก็จะต้องมีการดำเนินการหาแชมป์, โควตาไปฟุตบอลยุโรปทั้ง 2 รายการ และทีมตกชั้น เพื่อให้ชัดเจนพร้อมกับเป็นไปตามกฎที่กำหนดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล
หากทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องนำแต้มเฉลี่ยมาตัดสิน
ขณะเดียวกัน ลา ลีกา สเปน ยืนยันชัดเจนคัมแบ๊ก 11 มิถุนายนนี้ และกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มาแน่วันที่ 20 มิถุนายน
เงื่อนไขรายละเอียดหลายคนเลิกคิ้วสงสัย ทำไมดูง่ายกว่าพรีเมียร์ลีก
แน่นอนที่สุดก็คือเรื่องของมูลค่า และการให้ความสนใจของแฟนบอลไปยังพรีเมียร์ลีก ก็เลยทำให้ทุกอย่างดูน่าจับตาไปซะทั้งหมด
กับการทำงานที่อิสระเสรีทุกทีมมีสิทธิ์ออกเสียง เพื่อปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเอง แต่เชื่อว่าแฟนบอลน่าจะทนได้ และทน(อีก)สักหน่อย
ฟุตบอลที่คุณรักจะกลับมา
แม้จะผิดแผนผิดเวลาก็ตามที
……..
บี แหลมสิงห์
