โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

‘เอ็นริค กาเยโก’ สิงห์สิบล้อค่าตัว 200 ล้านบาท ที่เริ่มเป็นนักฟุตบอลอาชีพตอนอายุ 32 ปี

Main Stand

อัพเดต 23 ก.ค. 2562 เวลา 13.00 น. • เผยแพร่ 18 ก.ค. 2562 เวลา 17.00 น. • ชยันธร ใจมูล

การเปิดตัวนักเตะใหม่ของทีมอย่าง เกตาเฟ่ อยู่ในความสนใจของคุณหรือเปล่า? … 

 

ต้องยอมรับกันตามตรงว่าข่าวสารจากทีมเล็กๆ ทีมนี้ไม่ได้มีหลักใหญ่ใจความในโลกของฟุตบอลมาก นักเตะของที่จะโด่งดังมีชื่อเสียงก็ต่อเมื่อได้ลงสนามและทำผลงานยอดเยี่ยม หรือไม่ก็ยิงประตูใส่ยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด โน่นแหละ

อย่างไรก็ตามนักเตะทุกคนย่อมมีเรื่องราวของตัวเอง และสำหรับนักเตะป้ายแดงเจ้าของค่าตัว 5 ล้านปอนด์ (200 ล้านบาท) จากทีม เกตาเฟ่ อย่าง เอ็นริค กาเยโก มีเรื่องราวความเป็นมาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ในวัย 32 ปี เขาพูดถึงอาชีพตัวเองในเวลานี้ว่าเป็นสิ่งที่ "ไม่เคยคิดฝัน" แต่สุดท้ายเขาก็ทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่

 

เอ็นริค จอมกระหายเลือด 

เอ็นริค เป็นเด็กจากครอบครัวระดับชั้นล่างในเมือง บาร์เซโลน่า บ้านของเขาอยู่ในนิคมโรงงานและไม่ไกลนักจากสนาม คัมป์ นู … ดังนั้นแล้วแน่นอนที่สุดสิ่งที่เขาฝันคงหนีไม่พ้นการเป็นนักฟุตบอล เพียงแต่ความจริงกลับตรงกันข้ามเพราะเขาต้องเติบโตมาพร้อมกับภาระการเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่ เขาจึงทำงานรับจ้างมาตั้งแต่เด็ก ส่วนฝันในการเข้าทีมเยาวชน บาร์เซโลน่า และได้ฝึกใน ลา มาเซีย น่ะหรือ? ลืมไปได้เลย

Photo : @gallegoenric

ทุกสายตาจับจ้องมาที่นักฟุตบอลระดับลีกสูงสุดที่ทำเงินได้มากมายไปพร้อมๆ กับการทำในสิ่งที่รัก มันดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องง่ายสะดวกไปเสียทุกอย่างหากไปถึงจุดนั้น ซึ่งตัวของ เอ็นริค ยอมรับว่ามุมมองของเขานั้นตรงข้ามกับคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง สำหรับเขาแล้วแค่ได้เล่นฟุตบอลสนุกๆ สักเกม ยังเป็นเรื่องยาก …

"ชีวิตนักฟุตบอลคือภาพมายาคติที่เด็กๆ ทุกคนหลงใหล แต่จริงๆ แล้วชีวิตนักฟุตบอลอาชีพมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่ใครมองเสมอไปหรอก คุณอาจจะเห็นคนอื่นทำได้เยอะแยะ แต่อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่เจอกับคำว่าง่ายในชีวิตเลย" กองหน้าวัย 32 ปี ผู้มีค่าตัว 5 ล้านปอนด์เล่าย้อนหลังถึงมุมมองของเขา 

เขามีเหตุผลที่ต้องมองโลกในแง่ลบแบบนั้น เพราะเขาเห็นและสัมผัสความจริงมาแล้ว … เริ่มแรกเดิมทีเขาก็เตะฟุตบอลกับทีมท้องถิ่นที่มีบาทหลวงประจำโบสถ์เป็นคนตั้งทีมให้ เขาเป็นเด็กที่เก่ง แต่ก็ต้องทำหลายๆ สิ่งไปพร้อมกันกับเตะฟุตบอล การลุยงานเหมือนผู้ใหญ่ก่อนวัยอันควรทำให้เขามีความคิดที่โตกว่า ดุดันกว่า และเอาจริงเอาจังมากกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งข้อเสียของสิ่งที่เขาเป็น คือ มันทำให้เขาเป็นเด็กที่ใจร้อนและมักจะมีเรื่องมีราวกับคู่แข่งเสมอมา

เอ็นริค โดนใบแดงไล่ออกประจำ และยังชอบหาเรื่องทะเลาะวิวาทด้วย ว่าง่ายๆ เขาคือตัวปัญหา และตอนอายุ 18 ปี เขาก็ถูก "แบน" ไม่ให้มาซ้อมและเตะฟุตบอลที่สนามของทีมท้องถิ่นที่ชื่อว่า "บาดาโลน่า"

การโดน แบน จากกลุ่มไม่ได้ทำให้ เอ็นริค รู้สึกหวาดวิตกอะไรนัก เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ต้องเรียนรู้ชีวิตในส่วนของการโตแบบผู้ใหญ่ นั่นคือการทำงานหาเงิน เพื่อเป็น 1 ในกำลังเสริมของครอบครัว ส่วนเรื่องของฟุตบอลนั้นเขาไม่ได้หวังว่าจะมีทีมรองรับเหมือนที่เคยฝัน ซึ่งในช่วงวัยรุ่นเขาขอแค่เตะสนุกๆกับเพื่อนก็พอแล้ว

"ผมก็ขอแค่เล่นกับเพื่อนแบบสนุกๆ เท่านั้นพอ ผมไม่ได้คิดถึงฟุตบอลเลย เพราะผมต้องทำงานตลอดทั้งวัน และเมื่อชีวิตของคุณต้องตื่นตอน 6 โมงเช้าและเริ่มทำงานวันละ 8 ชั่วโมงในทุกๆ วัน การจะให้นั่งรถไฟไปซ้อมมันจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินว่าคนอื่นจะเข้าใจ" เอ็นริค กล่าว

 

ยิ่งโตยิ่งต้องทำงานหนัก

ในช่วงก่อนอายุ 18 ปี เขายังไม่ได้ทำงานแบบเต็ม 100% นักเพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ ทว่าหลังจากนั้นมันคือช่วงเวลาที่เขาเฝ้ารอ ซึ่งการเฝ้ารอของเขามันหมายถึงเขาจะทำงานได้เหมือนกับผู้ใหญ่จริงๆ สักที เขาสามารถทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกได้แล้ว ซึ่งค่าตอบแทนนั้นมากกว่าตอนเป็นพนักงานรับจ้างรายวันเหมือนแต่ก่อนพอสมควร

Photo : www.cuatro.com

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขามีครอบครัวตั้งแต่อายุ 20 ปี ลูกพี่ลูกน้องของภรรยาฝากงานให้เขาเป็นคนขับสิบล้อกับบริษัท Grupa Tainer หน้าที่ของเขาคือการไปที่ท่าเรือ บาร์เซโลน่า เพื่อรับของก่อนจะขับไปทั่วเมืองเพื่อส่งสินค้านั้นๆให้ถึงมือเจ้าของ บางครั้งเขาเล่าว่าตนเองต้องขับไปส่งของข้ามประเทศถึงฝรั่งเศสเลยก็มี 

"ผมขับรถไกลจนนับไมล์ไม่ถูก เบาะรถบรรทุกคือเตียงของผม ดูลำบากยังไงแต่สุดท้ายมันก็คืองานนั่นแหละ ผมทำแบบนั้นอยู่ 2 ปี จนลาออกเพราะร่างกายของผมเหนื่อยล้าสะสมจนหลับในมาแล้ว" สิงห์รถบรรทุกกล่าว

การออกจากงานตอนอายุ 22 ปี และมีครอบครัวแล้วคือฝันร้ายอย่างแท้จริง เอ็นริค เริ่มเดินหางานใหม่ จนกระทั่งเขาได้ยินว่าสโมสร "เอสปันญอล เบ" ทีมชุดสำรองของ เอสปันญอล ที่เล่นอยู่ในระดับดิวิชั่น 4 และไม่จำกัดอายุนักเตะที่ใช้ลงสนามกำลังเปิดคัดตัวผู้เล่นใหม่พอดี 

เอ็นริค นั้นเป็นนักเตะตำแหน่งกองหน้าสไตล์ที่แตกต่างจากกองหน้าสเปนทั่วไป เขาตัวใหญ่ (สูง 190 เซนติเมตร) และแข็งแกร่งมากๆ จากการทำงานที่เผลอๆ จะหนักกว่าการเข้าฟิตเนสของนักเตะเยาวชนเสียด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้เขาได้เข้าไปเล่นกับ เอสปันญอล เบ

ค่าจ้างตอนนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร มันมีสัญญาแค่ปีเดียวตามแบบฉบับลีกสมัครเล่นเท่านั้น แต่สำหรับ เอ็นริค มันเป็นเหมือนการจุดประกายความฝันอีกครั้ง เขาได้ลงเล่น 17 นัดยิงไป 2 ลูก มันอาจจะไม่ถึงเป้าที่ เอสปันญอล วางไว้ แต่การเล่นของ เอ็นริค ในสไตล์กองหน้าตัวพักบอลทำให้ คอร์เนย่า ทีมในลีกเดียวกันตัดสินใจให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองกับเขาต่อไป

Photo : www.lesportiudecatalunya.cat

หนนี้ค่าจ้างของเขาจะได้น้อยลงกว่าที่อยู่กับ เอสปันญอล เบ อีก แต่หนึ่งในบอร์ดบริหารของ คอร์เรย่า ก็หาทางช่วย เอ็นริค ด้วยการให้เขาเข้าไปทำงานในบริษัทซ่อมบำรุงจักรยาน โดยหน้าที่ของ เอ็นริค คือ การเอาจักรยานไปไว้ตามจุดต่างๆ ให้ผู้คนได้มาเช่าไปปั่น นอกจากนี้เขายังต้องทำหน้าที่ตามหาจักรยานที่ถูกขโมยและซ่อมจักรยานคันที่พังอีกด้วย การได้เงิน 2 แห่งทำให้เขาแฮปปี้ และมันสะท้อนผ่านผลงานการยิง 55 ประตูจาก 100 เกมที่ลงสนามตลอดระยะเวลา 3 ปี 

เอ็นริค ย้ายออกจาก คอร์เนย่า หลังจากปี 2013 และวนเวียนในระดับดิวิชั่น 3 ดิวิชั่น 4 อยู่อย่างนั้น ผลงานของเขาไม่ดีเลยเพราะตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2015 เขายิงได้แค่ 2 ลูก เท่านั้น นั่นจึงทำให้รักเก่าที่บ้านเกิดอย่าง คอร์เนย่า ตามตัวเขากลับมาอีกครั้ง หนนี้ เอ็นริค กลับมาพร้อมๆ กับความแปลกใจของโค้ชในทีม ทุกคนสงสัยว่าเขาไปทำอะไรมาจึงเก่งขึ้นผิดหูผิดตา ทั้งๆ ที่สถิติก่อนหน้านี้ไม่เคยฟ้องว่าเขาจะทำได้ดีเลย 

Photo : www.futbolcatalunya.com

"เขามาอยู่ที่นี่และระเบิดฟอร์มที่ใครคาดไม่ถึง แต่ละปี เอ็นริค จะมีพัฒนาการให้เห็นตลอด ผมยังจำได้ดีตอนแรกที่เขาย้ายมาเขาเป็นผู้เล่นที่มีเทคนิคเข้าขั้นห่วยเลยล่ะ แต่ตอนนี้เหรอ คุณลองไปแย่งบอลเขาสิ ไล่เป็นวันก็แย่งไม่ได้หรอก ไอ้หมอนี่มันพริ้วขึ้นเยอะ" เป๊ป คาบาลเล่ กุนซือของ คอร์เนย่า กล่าวเจ้ายักษ์ใหญ่ประจำทีม

เหตุผลที่เขาเก่งขึ้นนั้นง่ายนิดเดียว นั่นคือการเอาจริงเอาจังยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้เขามีชีวิตให้รับผิดชอบเพิ่มเติมอีก ดังนั้นหากเขาเล่นดีกับ คาร์เนย่า ไม่แน่ อาจจะได้ขยับไปเล่นเกมระดับอาชีพใน เซกุนด้า (ลีกรองของสเปน) ก็เป็นได้

"เหนื่อยมากจริงๆ ที่ต้องทำงานไปด้วยและเล่นฟุตบอลไปด้วย มันเป็นอะไรที่ยากแต่ก็ต้องทำ เพื่อเงินนั่นแหละ ผมต้องพยายามมากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ เพราะตอนนี้อะไรก็สำคัญไปหมด มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมเลย แต่เมื่อเลือกมันแล้วและยืนอยู่ตรงนี้แล้วผมก็ต้องทำ"  เอ็นริค กล่าวทิ้งท้าย

 

เค้กหน้า "เอ็นริค"

การกลับมาที่ คอร์เนย่า รอบสอง คือการจุดระเบิดอย่างแท้จริง เขายิง 46 ประตูจาก 98 เกม และหลังจากฤดูกาล 2017-18 จบลง เอ็กซ์เตรมาดูร่า ทีมใน เซกุนด้า เบ (ดิวิชั่น 3 สเปน) ก็คว้าตัวเขาไปร่วม ซึ่งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นๆ เพราะ เอ็นริค มีค่าตัว 200,000 ยูโร และในวัย 30 ปี เขาคงคาดหวังอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว…

Photo : www.elperiodicoextremadura.com

อย่างไรก็ตามที่ เอ็กซ์เตรมาดูร่า นี้เองที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป การแจ้งเกิดของเขาเริ่มต้นตอนอายุ 30 ปี ไม่ใช่แค่ในฐานะนักฟุตบอล แต่ในฐานะของบุคคลที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย

"ที่เอ็กซ์เตรมาดูร่า ทุกคนอ้าแขนต้อนรับผม พวกเขาตระหนักถึงการมีตัวของผมอยู่ และผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ ตอนที่อยู่ที่นั่น" เอ็นริค เริ่มเท้าความ

"ตอนเด็กเราอาศัยในบ้านราคาถูกที่ บอน ปาสตอร์ มันเป็นชุมชนแออัด เท่าที่จำได้ผมใช้เวลาเกือบทั้งวันที่ข้างถนนเพื่อหาเงินสำหรับมื้อเย็น แซนด์วิช 1 อัน นั่งกินกับแม่แล้วก็น้องชาย"

เอ็นริค เล่นปีแรกกับ เอ็กซ์เตรมาดูร่า และยิงไปถึง 28 ลูก พาทีมเลื่อนชั้นสู่ เซกุนด้า เมื่อนั้นเองที่สัญญาอาชีพฉบับแรกของเขาเริ่มขึ้น เอ็กซ์เตรมาดูร่า มอบค่าเหนื่อยก้อนงามแม้จะไม่ระบุตัวเลขว่าเท่าไหร่แต่มันก็เป็นเงินที่มากที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ ตอนนั้น เอ็นริค ยังจำได้ดี เขาอายุ 31 ปีกับอีก 11 เดือน และมันคือวันที่ฝันของเขาเป็นจริงเสียที เขาไม่ต้องทำงานเป็นช่างแอร์, ซ่อมจักรยาน และขับสิบล้ออีกแล้ว ตอนนี้เขาเป็นนักเตะอาชีพที่มีรายได้ที่มั่นคง และมีสวัสดิการรองรับจากสโมสร 

Photo : alacontra.elindependiente.com

เขากำลังวาดภาพในหัวว่าจะยิงประตูถล่มทลายในลีกรอง และหวังว่าหากมีโอกาสอาจจะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปลีกสูงสุดให้เป็นเกียรติประวัติดูสักครั้ง เขาเริ่มต้นอย่างสวยงามด้วยการทำประตูได้ในเกมกับ กรานาด้า ก่อนตามด้วยการยิงแฮตทริก ในเกมกับ ราโย มาฆาดาฮอนด้า และเท่านั้นยังไม่พอเขายิงคนเดียว 4 ลูกในเกมกับ เรอุส เดปอร์ติอู เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลทุกคน … ทว่าสิ่งที่เขาหวังกับ เอ็กซ์เตรมาดูร่า ไม่เกิดขึ้น เพราะมีเรื่องฉุกเฉินเข้ามา …

"ที่เอ็กซ์เตรมาดูร่า ผมเป็นที่รักของทุกคนแม้แต่เค้กวันเกิดของแฟนๆ วัยจิ๋ว พวกเขาก็จะแต่งหน้าเค้กเป็นหน้าของผม มันเป็นปีที่สวยงามที่สุดในชีวิตเลย" เอ็นริค เล่าถึงวันคืนที่แสนหวานก่อนเจอการเปลี่ยนแปลง

 

ย้ายทีมสายฟ้าแลบ 

หลังจากได้รับรางวัลยอดเยี่ยมของลีก เซกุนด้า ในเดือนธันวาคม เอ็นริค มาถึงทางแยกครั้งสำคัญเมื่อ อูเอสก้า ทีมใน ลา ลีก้า (ลีกสูงสุด) ยื่นข้อเสนอซื้อตัวเขาด้วยราคามากกว่าตอนที่ เอ็กซ์เตรมาดูร่า ซื้อเขามาจาก คอร์เนย่า 10 เท่า … เอ็นริค ไม่ต้องรอเลื่อนชั้นกับ เอ็กซ์เตรมาดูร่า แล้ว เขาได้เล่นในลีกสูงสุดของประเทศในเดือนมกราคมปี 2019 และเป็นตอนที่เขาอายุ 32 ปี 

Photo : www.elperiodicodearagon.com

"การได้มาเล่นในลา ลีกา คือการเปลี่ยนชีวิตคุณเลย ผมย้ายมาที่นี่ด้วยการถูกคาดหวังว่าจะทำให้ทีมรอดการตกชั้น และตัวผมเองหวังว่าจะช่วยให้ทีมบรรลุเป้าหมายนั้น" เอ็นริค กล่าวในวันเปิดตัว

เกมแรกที่เขาได้ลงเล่นในลีกสูงสุดคือการเจอกับ แอตฯ มาดริด ทีมระดับท็อป 3 ของประเทศ และเกมนั้นมันทำให้เขาต้องเป่าปากเพราะรู้ว่าโลกของลีกสูงสุดนั้นไม่ง่ายเลย … อูเอสก้า โดนยิงคาบ้านไป 0-3 

"ผมบอกตัวเองว่า "เอาวะมาดูกันว่าเกมนี้ผมจะโง่ได้ขนาดไหน" หลังจากนั้นผมต้องเจอกับตัวประกบอย่าง ฆิเมเนซ และ โกดิน (กองหลังทีมชาติอุรุกวัย ชุดใหญ่)" เขาเล่าไปก็ขำไปก่อนที่หลังจากนั้นไม่กี่เกม เอ็นริค ก็ทำในสิ่งที่ตัวเองหวังได้ด้วยการยิงประตูใส่ เรอัล บายาโดลิด จากนั้นก็กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม ได้ลงเล่นทุกนัดในครึ่งฤดูกาลหลัง พร้อมด้วยฟอร์มการเล่นที่ยิงไป 5 ประตูจาก 19 นัด นั่นไม่เลวเลยสำหรับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเมื่อ 2 ปีก่อน

Photo : www.abc.es

"ประตูกับ บายาโดลิด เปลี่ยนผมไปเลยนะ มันทำให้ผมเลิกกังวล ผมอยากจะตะโกนว่า เอาเลย เชียร์ผมเยอะๆ สิ ผมทำประตูได้แล้วนะโว้ย" เอ็นริค กล่าว 

ที่สุดแล้ว อูเอสก้า ไม่สามารถรักษาอันดับให้อยู่รอดปลอดภัยได้ พวกเขาตกชั้นทันทีในปีแรกที่เล่นลีกสูงสุด ตัวของ เอ็นริค ก็ทำใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว และก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากจนเกินไปนัก ทุกวันนี้เขามาไกลเกินกว่าที่คาด และการกลับไปเล่นลีกสองก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่จนถึงขั้นรับไม่ได้เสียทีเดียว 

เขามองโลกในแง่บวกได้แป๊ปเดียว เกตาเฟ่ ทีมอันดับ 5 ของลีกสูงสุดที่ได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรป ยูโรปา ลีก ในฤดูกาล 2019-20 ก็ยื่นข้อเสนอซื้อตัวเขา หนนี้ราคาของเขาเพิ่มมาอีก 2 เท่ากว่าๆ จาก 2 ล้านยูโร กลายเป็น 5.2 ล้านยูโร แล้ว

Photo : as.com

นี่คือชัยชนะเกินกว่าที่เขาหวังไว้ เขามองดูตัวเองแล้วก็ยังไม่เชื่อว่าจะมาถึงขนาดนี้ได้เหมือนกัน เอ็นริค มองว่าการที่เขาไร้ความกดดันเพราะผ่านสิ่งที่แย่ๆมาก่อน คือส่วนสำคัญที่ทำให้เขาผลงานดีขึ้นในทุกๆ ปี ไม่แน่ในอีกปีหรือสองปีข้างหน้าเขาอาจจะกลายเป็นผู้เล่นของทีมใหญ่สักทีมก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะชีวิตของเขามีสิ่งเหลือเชื่อเป็นประจำอยู่แล้ว

"เรื่องราวของผมมันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่มันก็มีประโยชน์สำหรับนักฟุตบอลทั่วโลก ผมดีใจนะที่เส้นทางของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาทุกคนสู้ต่อไปได้ ส่วนคำแนะนำของผมที่อยากจะฝากไว้คือ สนุกกับการล่าฝันของคุณเถอะนักล่าทั้งหลาย แม้โอกาสล้มเหลวจะสูง แต่ก็อย่าลืมว่าโอกาสสำเร็จมันก็มีเหมือนกัน"

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.elperiodico.com/es/deportes/20190330/enric-gallego-entrevista-delantero-huesca-visita-bernabeu-7377408
https://alacontra.elindependiente.com/enric-gallego/
https://www.libertaddigital.com/deportes/liga/2018-11-21/la-increible-historia-de-enric-gallego-de-camionero-albanil-y-repartidor-a-pichichi-de-segunda-1276628603/
https://www.panenka.org/pasaportes/enric-gallego-gol-forjado-la-perseverancia/
https://en.wikipedia.org/wiki/Enric_Gallego
http://www.sportbible.com/football/reactions-take-a-bow-news-enric-gallego-signs-for-getafe-after-making-professional-debut-aged-32-20190715

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0