เฟซบุ๊คเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า จะเพิ่มความเข้มงวดของกฎสำหรับการโฆษณาทางการเมืองบนแพลตฟอร์มในประเทศต่างๆที่จะมีกำหนดจัดการเลือกตั้งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เป็นความพยายามสร้างความโปร่งใสที่ดำเนินการแล้วในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และบราซิล หลังมีข่าวอื้อฉาวต่อเนื่อง
เฟซบุ๊คระบุว่าในการเตรียมการเพื่อการเลือกตั้งสำคัญที่จะมีขึ้นทั่วโลกในปีนี้ เฟซบุ๊คเดินหน้าให้ความสำคัญกับการป้องกันการแทรกแซงของต่างชาติและให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับประชาชนเกี่ยวกับโฆษณาที่พวกเขาเห็นบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ค โดยในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและบราซิล ผู้ลงโฆษณาทางการเมืองต้องยืนยันตัวตนและที่อยู่ของพวกเขาก่อนจะสามารถดำเนินการโฆษณาบนเฟซบุ๊คได้ ซึ่งโฆษณายังจะถูกเก็บไว้ในคลังที่เป็นสาธารณะและสามารถค้นหาได้เป็นเวลานานถึง 7 ปี
โดยเฟซบุ๊คระบุว่านี่จะทำให้องค์กรข่าว ผู้ควบคุมกำกับระเบียบ กลุ่มสังเกตการณ์ และประชาชนในทุกที่ทั่วโลกสามารถทำให้ผู้ลงโฆษณาและเฟซบุ๊คต้องรับผิดชอบมากขึ้น นอกจากนี้ยังระบุว่าในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในไนจีเรียและยูเครน จะไม่มีโฆษณาเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่างชาติได้รับการยอมรับ ส่วนในอินเดียเฟซบุ๊คจะเปิดแอด ไลบรารี (Ad Library) และบังคับใช้การอนุญาตก่อนการเลือกตั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ในสหภาพยุโรป หรือ อียู เฟซบุ๊คจะเปิดใช้ “เครื่องมือความโปร่งใส” ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปในเดือนพฤษภาคม โดยภายในสิ้นเดือนมิถุนายน เฟซบุ๊คระบุว่าจะจัดเตรียมชุดเครื่องมือเหล่านี้ให้กับผู้ลงโฆษณาทั่วโลก
เฟซบุ๊คจำเป็นต้องยอมรับเมื่อปีที่แล้วว่าเคมบริดจ์ อนาไลติกา บริษัทด้านการเมืองที่ทำงานให้กับโดนัล ทรัมป์ เมื่อปี 2559 ขโมยข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊คไปหลายสิบล้านคน นักวิจารณ์ประชามติเบร็กซิทบางส่วนยังกล่าวหาเคทบริดจ์ อนาไลติกาว่าใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการช่วยแกว่งเสียงโหวตให้ไปในทิศทางโหวต “ออก” จากอียู โดยในสหรัฐฯการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษต่อความเชื่อมโยงการหาเสียงของทรัมป์กับรัสเซีย ได้พุ่งเป้าไปที่บัญชีเฟซบุ๊คและเพจส่วนตัวที่บริหารโดยอินเทอร์เน็ต รีเสิร์ช เอเจนซี่ องค์กรที่ตั้งอยู่ในรัสเซียและทำหน้าที่ยั่วยุให้เกิดความแตกแยกและปั่นป่วนในโลกออนไลน์ ซึ่งความกังวลลักษณะนี้ได้ทำให้มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ต้องตอบคำถามจากรัฐสภายุโรปและรัฐสภาสหรัฐฯ ขณะที่บราซิลยังเป็นอีกประเทศที่เฟซบุ๊คเจอเสียงวิจารณ์หนักในการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ในเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ของคนขับรถบรรทุกเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
