ในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า "ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย" คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.50 บาทต่อดอลลาร์ ต้องจับตาการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯเดือนพ.ย. ในคืนวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค. ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 10-11 ธ.ค. และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมถึงแนวโน้มการทำข้อตกลง Brexit
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ 1,558.99 จุดปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 และมีแนวโน้มจะลงไปทดสอบจุดต่ำสุดของปีที่ 1,550.22 จุด โดยรวมสัปดาห์นี้หุ้นไทยปรับตัวลง 31.60 จุด หรือ ติดลบ 1.98% "บล.ฟิลลิป" คาดนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูพัฒนาการเจรจาการค้าสหรัฐและจีนที่ปรับเปลี่ยนบวกสลับลบแต่ตลาดหุ้นไทยอาจได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อกองทุน LTF ของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน จึงเริ่มมีความน่าสนใจในการสะสมเพื่อการลงทุนคาดตลาดจะแกว่งตัวออกข้างอยู่ในกรอบระหว่าง 1560-1575 จุด ประเด็นน่าติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม OPEC ซึ่งยังอยู่ในช่วงพิจารณาลดกําลังการผลิตลง และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐ
สำหรับราคาทองคำล่าสุด อยู่ที่ 1,474.71ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,200 บาทต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน "ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ระบุสัปดาห์หน้า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบที่ 1,445-1,480 ดอลลาร์ขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน อีกทั้ง SPDR มีสถานะขายติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จากที่ก่อนหน้านี้มีสถานะซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. มีสถานะขาย 21.71 ตัน ขณะที่เดือน ต.ค. ขายออก 5.28 ตัน คอยกดดันราคาทองคำ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวรับ 1,445 ดอลลาร์ได้ ให้ขายออก
