โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

‘สนธิรัตน์’ จับประเด็นปากท้อง อุดหนุนราคาน้ำมัน-ขยายครัวเรือนใช้ไฟฟ้าฟรี

The Bangkok Insight

อัพเดต 17 ก.ค. 2562 เวลา 07.51 น. • เผยแพร่ 17 ก.ค. 2562 เวลา 07.29 น. • The Bangkok Insight
‘สนธิรัตน์’ จับประเด็นปากท้อง อุดหนุนราคาน้ำมัน-ขยายครัวเรือนใช้ไฟฟ้าฟรี

สำหรับสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตำแหน่งที่ต้องอาศัยบุญสะสมพอสมควร ถึงจะคว้ามาได้ ท่านถือฤกษ์เข้าทำงานในกระทรวงพลังงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 18  กรกฎาคมนี้ เวลา 15.39 น. โดยจะเข้าสักการะศาลพระพรหม ประจำกระทรวงพลังงาน ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่านทีเดียว เพราะตำแหน่งนี้การเข้าทำงานอย่างผลีผลาม ไม่เอาฤกษ์เอาชัย อาจจะอยู่ยากหน่อย เพราะเก้าอี้ร้อนตั้งแต่ยังไม่เข้ารับตำแหน่ง เป็นธรรมดาที่จะถูกจับตาว่า “จะเข้ามาทำอะไรบ้าง”

ท่านเพิ่งโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กหลังเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า “ผมจะทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ และกระทรวงพลังงานในยุคผม เรื่องพลังงานต้องเป็นพลังงาน สำหรับคนทุกคน ประชาชนเข้าถึงได้  “

ทำไงให้ถึง “ประชาชนฐานราก” ท่านตั้งทีมที่ปรึกษานำโดย พรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารทั่วไป มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เคยช่วยงานตั้งแต่อยู่กระทรวงพาณิชย์ มาช่วยงานเช่นเดิม พร้อมดึงนักวิชาการจากธรรมศาสตร์มาเสริมทัพ เพื่อรับศึกใหญ่

และหน้านี้ไม่กี่วันได้เดินสายพูดคุยกับขาใหญ่หลากหลายสาขาในวงการพลังงาน อาทิ อาจารย์พรายพล คุ้มทรัพย์ เพื่อทำข้อมูลตอบคำถามสื่อพลังงาน โดยเฉพาะแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี) ฉบับปี 2018 ที่มีเรื่องใหญ่ที่ต้องดำเนินการมากมาย และเพื่อวางมาตรการแบบให้ยิงตรงโดนใจ “ประชาชน” ตัวแปรที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ยาวหรือสั้นได้ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่หลายคนบ่นว่า “ย้ำแย่” 

กลไกถนัดที่นายสนธิรัตน์ จะนำมาใช้ คงหนีไม่พ้นการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนราคาพลังงานให้กับประชาชนฐานรากผ่าน  “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เดาว่า คงจะทบทวนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ซึ่งตอนนี้ลอยตัวราคาไปเรียบร้อยแล้ว เหลืออุดหนุนเฉพาะกลุ่มรถบริการสาธารณะ ได้แก่ รถแท็กซี่ รถตู้ รถโดยสารสาธารณะร่วม ขสมก. และรถโดยสารสาธารณะร่วม บขส. ที่ยังใช้ราคาเอ็นจีวีอยู่ที่ 10.62 บาทต่อกก. ถูกกว่า 5.39 บาทต่อกิโลกรัม

แต่เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติวันที่ 19 เมษายน 2562  เปิดทางให้ปตท.ปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีกับกลุ่มนี้ เป็น 13.62 บาทต่อกก. โดยทยอยปรับขึ้นในอัตรา 1 บาทต่อกก. ทุกๆ 4 เดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ที่เหลือให้ปตท.รับภาระไป 2.39 บาทต่อกก.ระยะยาว  มติกบง.เรื่องนี้ น่าจะต้องมีการทบทวน ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลพีจี) ยังตรึงที่ 363 บาทต่อถึงขนาด 15 กก.ต่อไปตราบนานเท่านานแน่นอน

และมีลุ้นว่า “กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้าง” ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีประมาณ 40,000 คน จะต้องถูกกลับมาดูใหม่ เพื่อหาทางช่วยราคาน้ำมัน หลังจากก่อนหน้านี้มีแผนจะช่วยอุดหนุนราคาแก๊สโซฮอล์ 95 อัตรา 3 บาทต่อลิตร โดยให้ปตท.รับภาระไป ตามนโยบายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อครั้งมาเยี่ยมบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อปลายปี 2561 แต่ต้องล้มโครงการช่วยเหลือไปก่อน  เพราะราคาน้ำมันขาลงเสียก่อน

ส่วนดีเซล บี 20 ที่ให้โปรโมชั่น ราคาถูกว่าดีเซลบี 7 อัตรา 5 บาท ที่จะหมดโปรโมชั่น ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้น่าจะขยายต่ออีกไปเรื่อยๆ เอาเป็นว่าปั๊มปตท.จะเป็นกลไกในการสนับสนุนงานของรัฐมนตรีท่านนี้ในการช่วยเหลือประชาชนฐานรากได้อย่างดี

ด้านค่าไฟฟ้าฟรี ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2551 หรือ 12 ปีก่อน และมีการปรับปรุงมาหลายครั้ง ล่าสุดให้ไฟฟ้าฟรีครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน งานนี้นายสนธิรัตน์ คงใช้มาตรการนี้ต่อไป แต่คาดว่าจะมีการปรับให้เข้าถึงผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง

แว่วว่าจะปรับเป็นให้ “ไฟฟ้าฟรี” กับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน เพราะก่อนหน้านี้การกำหนดตัวเลขที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนไม่สามารถช่วยครัวเรือนที่ยากจนได้จริง แต่กลับไหลไปให้กับคนรวยที่มีบ้านหลังที่สอง และไม่ค่อยอยู่บ้านนั้นแทน ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยมักจะอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ อยู่รวมกันหลายคน ใช้ไฟฟ้าราว 60 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป 

นอกจากนี้นายสนธิรัตน์ น่าจะจับจ้องกลไกของเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อผลักดันโครงการอนุรักษ์พลังงานต่างๆในระดับพื้นที่ ปัจจุบันกองทุนฯมีเงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ 27,014.37 ล้านบาท สามารถดึงเงินลงไปสะพัดในพื้นที่ต่างๆทั่วไทยได้

รวมไปถึงโครงการโซลาร์ภาคประชาชน 1,000 เมกะวัตต์ ที่เขาคงจะเข้ามาเข็นต่อ จากเดิมที่ทำท่าจะไปได้สวย แต่ “แป๊ก” จนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แม่งาน ต้องลงทุนเปิดห้องโรงแรมแมนดาริน “ไขข้อข้องใจโซลาร์ประชาชน” เพื่อให้ประชาชนที่สนใจ มารับฟังพร้อมตอบทุกข้อสงสัยอีกครั้งในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้  รวมไปถึงโครงการโซลาร์เสรี ที่เตรียมให้รัฐมนตรีท่านนี้ปั้นโครงการถึง 9,000 เมกะวัตต์ตามแผนพีดีพี 2018

สำหรับโครงการใหญ่ ที่รอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเคาะสำคัญๆ  ได้แก่ แผนก๊าซธรรมชาติเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ทดแทนก๊าซในอ่าวที่ร่อยหรอลง ของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) รวมถึงการนำเข้าโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่กำลังนำร่องเปิดเสรีกิจการก๊าซ จากเดิมผูกขาดโดยปตท. ซึ่งเพิ่งเปิดประมูลรับซื้อ 1.2 ล้านตันต่อปี มูลค่าสัญญาหลักแสนล้านบาท แต่จนแล้วจนรอดคิดกันไม่รอบด้าน เพราะการนำเข้าของกฟผ.มาป๊ะกับสัญญาระยะยาวการนำเข้าแอลเอ็นจีของปตท.ที่ต้องป้อนภาพรวมประเทศ มาชนกันในปี 2563  จนกฟผ.ต้องเจรจาผู้ขายทั้งที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา ให้เลื่อนการนำเข้าในปี 2563 ไปปี 2564

นอกจากนี้ยังต้องจับตาดูนโยบายการจัดสรรกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศให้กับเอกชน และกฟผ.ตามแผนพีดีพี ว่าจะเทน้ำหนักและจะเปิดประมูลอย่างไร หลังผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยให้รัฐต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 51%   

ทั้งนี้การเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่างๆ นายสนธิรัตน์ คงจะเชื่อมโยงกับกุนซือเศรษฐกิจ อย่างนายสมคิด ชนิดสายตรง เน้นมุ่งตรงเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน ท้้งการเปิดประมูลสัมปทานรอบใหม่ที่รอรัฐมนตรีพลังงานท่านนี้เคาะ และการเร่งพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซีไอ) ที่มีปตท.เป็นผู้ลงทุนหลัก

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะทำเรื่องใดก็ตาม ” การทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ ” อย่างที่นายสนธิรัตน์ ประกาศไว้ จะต้องมาพร้อมกับความโปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อน เพื่อให้การเดินหน้าโครงการต่างๆลงไปถึงประชาชนฐานรากอย่างแท้จริง

 

:ขอบคุณภาพมอเตอร์ไซด์รับจ้างจาก @Motorcycle.win

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0