โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘มิลาน’ หลายรส

The Momentum

อัพเดต 21 ก.ค. 2562 เวลา 09.02 น. • เผยแพร่ 21 ก.ค. 2562 เวลา 09.02 น. • ภทร ไชยเชียงของ

In focus

  • มิลาน ไม่ได้มีดีแค่แฟชั่น เพราะที่นี่ยังเด่นทั้งด้านศิลปะการออกแบบอีกหลายแขนง รวมถึงการศึกษางานวิจัย การเงิน สุขภาพ ประวัติศาสตร์ ถึงขั้นได้รับการยกย่องให้เป็น ‘Alpha Global City’ หรือ เมืองชั้นนำของประเทศอิตาลี 
  • จุดศูนย์กลางเมือง (แทบทุกเมืองในอิตาลี) คือดูโอโมหรือ มหาวิหาร ที่มิลานก็เช่นกัน ไม่เพียงความตระตาของสถานที่ แต่นับว่ามีทีเด็ดที่เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง บนยอดมหาวิหาร เราจะได้ชมเมือง 360 องศารายล้อมกับรูปปั้นทูตสวรรค์อีกนับร้อย
  • แบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์ที่แปะตรา Made in  Milan ไม่ได้มีแค่หน้าร้านเชิงพาณิชย์ แต่ยังช่วยดำรงลมหายใจของศิลปะด้วยการเปิดพื้นที่ให้ศิลปินหลายแขนงได้จัดแสดงผลงานของตัวเอง บางแบรนด์ถึงขั้นจัดตั้งเป็นองค์กรสนับสนุนหรือมูลนิธิอย่างจริงจัง

 

‘Made in Milan’  ใครเห็น ก็ต้องนึกถึงแบรนด์แฟชั่นดังที่มีจุดกำเนิด ณ เมืองทางตอนเหนือของอิตาลีแห่งนี้ แต่ทริปนี้เราได้มาซอกแซกสังเกตุดูความเป็นมิลาน แล้วดันพบว่า ‘แฟชั่น’ เป็นแค่เพียงหนึ่งในด้านเด่นของเมืองเท่านั้น รสสัมผัสจริงๆ ของมิลาน มีความหลากหลายกว่าที่คิด

ที่นี่รุ่มรวมด้วยศิลปะการออกแบบอีกหลายแขนงซึ่งเกี่ยวโยงโดยตรงกับประวัติศาสตร์ของประเทศ รวมถึงยังเด่นด้านการศึกษาและงานวิจัย (เพื่อนเด็กเนิร์ดของเราหลายคนก็มาทำวิจัยที่เมืองนี้) และที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการสุขภาพ ที่สำคัญ ‘มิลาโน่’ คือหมุดหมายในฝันของนักท่องเที่ยวหลายล้านคนทั่วโลก

 

มิลานจากมุมสูง

แม้ความเจริญของเมืองจะกระจุกตัวอยู่ในย่านใจกลางมหาวิหารดูโอโม (Duomo) แต่ถ้าอยากสำรวจมิลานให้ได้ทั่ว เราก็ขอแนะนำทางเลือกรักษ์โลกด้วยการปั่นจักรยานคันเหลือง (มีให้เช่ารายชั่วโมง) แต่หากไม่สันทัดสองล้อ ที่มิลานก็มีบริการบัส 2 ชั้น ที่จะพาเราตระเวนรอบเมือง แบ่งเป็นเส้นทางต่างๆ  แนะนำให้ยึดที่นั่งชั้น 2 นั่งชมมิลานแบบเปิดประทุน นับว่าได้รสชาติดีทีเดียว

ชมเมืองด้วยรถจักรยานเช่า

จุดแรกที่เหมาะจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสำรวจเมืองอย่างที่เกริ่นนำไปคือ ใจกลางเมืองที่ดูโอโมหรือ มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano) มหาวิหารนี้ก่่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และนับเป็นวิหารโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 157 เมตร และกว้างถึง 92 เมตร รวมใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 579 ปี  บริเวณด้านหน้าของวิหารได้รับการตกแต่งด้วยรูปปั้น และรูปสลักหินอ่อนที่ประณีตสวยงาม เช่นเดียวกับภายในที่ประดับประดาด้วยรูปปั้นนักบุญ และกระจกสีโมเสกเรื่องราวตามพระคัมภีร์ไบเบิลมากกว่า 3,000 รูป ล้อมแท่นบูชาขนาดใหญ่

Duomo di Milano

ภาพกระจกโมเสกเรื่องราวตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

  ความโดดเด่นของดูโอโมเมืองมิลานอยู่ที่ยอดหลังคา ซึ่งรายล้อมด้วยยอดแหลมถึง 135 ยอด สวยงามแปลกตา บนหลังคาเปิดให้เราขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองมิลาน ได้  360 องศา สำหรับผู้มั่นใจในความหนุ่มแน่นของตัวเองแนะนำให้ขึ้นบันไดขึ้นไปชม แต่ก็มีลิฟต์ในราคาไม่แรงมากให้บริการอยู่อีกประตูทางเข้า

ชมมิลาน 360 องศาบนหลังคาของมหาวิหาร

ในกลุ่มอาคารรายล้อมมหาวิหารทางด้านซ้าย ยังเป็นที่จุดนำเสนอเกร็ดประวัติศาสตร์ศิลป์ของโบสถ์ และยังเป็นที่ซ่อนตัวของวิหารสีชมพูอ่อน Church of San Gottardo in Corte งดงามควรค่าแก่การเยี่ยมชม

แบบจำลองไม้ ในพิพิธภัณฑ์ของ Duomo

รูปหล่อจำลองจากยอดมหาวิหาร

Church of San Gottardo in Corte

ในกลุ่มอาคารด้านขวาของมหาวิหารคือช้อปปิงอาเขตขนาดใหญ่ ‘กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเล เซคอนโด’ (Galleria Vittorio Emanuele II) ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 กษัตริย์พระองค์แรกของราชอาณาจักรอิตาลี  ที่นี่เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีลักษณะเป็นทางเดินอาคารขนาบ 4 ชั้น คลุมด้วยหลังคาทรงโค้งเป็นโดมกระจกขนาดใหญ่ บนพื้นตรงกลางอาคารเป็นจุดสำคัญที่ทุกคนแวะเวียนมาถ่ายภาพ นั่นคือมีงานโมเสก 4 ชิ้น ทำเป็นตราของเมืองหลวงเก่าของราชอาณาจักรอิตาลี คือ ตูริน ฟลอเรนซ์ มิลาน และ โรมเมืองหลวงปัจจุบัน

Galleria Vittorio Emanuele II  หนึ่งในศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

รายละเอียดของ Galleria Vittorio Emanuele II

  ภายในอาเขตอัดแน่นไปด้วยร้านรวงไฮแฟชันของอิตาลี รวมไปถึงคาเฟ่เก๋ไก๋สำหรับนั่งหย่อนกายจิบกาแฟ หรือไวน์ดีๆ สักแก้ว หากหายเมื่อยแล้วลองเดินไปที่อีกปลายทางเข้าของอาเขต เราจะพบกับจัตุรัส ‘เลโอนาร์โด ดา วินชี’ รูปปั้นของเขาตั้งเด่นรายล้อมด้วยศิษย์เอกทั้ง 4 คน ซึ่งเราจะเห็นหนุ่มสาว และขาช้อปมานั่งหย่อนกายใจหน้าลานนี้  โดยลานนี้เชื่อมต่อกับอีกสถานที่สำคัญของมิลาน นั่นก็คือโรงอุปรากร ‘ลา สกาลา’ (Teatro alla Scala) ที่จะมีโอเปร่าและการแสดงระดับโลกเวียนมาจัดแสดงที่นี่อยู่เป็นประจำ

เลโอนาร์โด ดา วินชี และ ศิษย์เอกทั้ง 4 คน

โรงอุปรากร ‘ลา สกาลา’

นอกจากจุดสำคัญกลางเมือง สถานที่ซึ่งไม่ควรพลาดเยี่ยมชมคือ ‘ปราสาทสฟอร์เซสโก้’ (Castello Sforzesco) ป้อมปราสาทเก่าแก่หลายร้อยปี ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในมิลาน เริ่มแรกปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมและที่พำนักของตระกูล Visconti ที่เรืองอำนาจยุคหนึ่ง และได้มีการเปลี่ยนผู้ครอบครองหลายต่อหลายคน  แม้ตัวปราสาทจะผ่านความผุพังตามกาลเวลา แต่ในศตวรรษที่ 19 ก็ได้รับการบูรณะให้กลายเป็นศูนย์วัฒนธรรมตามรูปแบบที่เห็นในปัจจุบัน ภายในป้อมปราสาท มีจุดศูนย์กลางเป็นหอคอยที่สูง 70 เมตร  โดยในยุคที่เริ่มเปิดให้เข้าชมได้รับการกล่าวถึงในฐานะ ป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

ปราสาทสฟอร์เซสโก้

นอกจากนั้นภายในอาณาเขต ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ชื่อดัง เช่น Museum of Ancient Art (สถานที่เก็บผลงานของศิลปินระดับโลกอย่าง ไมเคิล แองเจลโล) , Museum of Musical Instruments , Applied Arts Collection รวมถึง Antique Furniture and Wooden Sculpture Museum การเที่ยวชมปราสาทนั้น ทำได้สองวิธีคือเดินชมด้วยตัวเอง หรือจะเลือกใช้บริการไกด์ท้องถิ่น เราก็จะได้ของแถมเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ ซึ่งซ่อนตัวตามมุมต่างๆ และยังเฮฮากับมุขตลกแบบชาวมิลานที่บางมุขก็ขำเหนือความคาดหมาย

โบสถ์ซานตามารีอา เดลเลกราซีเอ 

ในย่านประวัติศาสตร์ของเมืองยังมีอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจให้ไปเยี่ยมชม คือ โบสถ์ซานตามารีอา เดลเลกราซีเอ (Santa Maria delle Grazie) โบสถ์คอนแวนต์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ.1980 หากฟังจากชื่ออาจไม่คุ้นหู แต่หากบอกว่าที่นี่เป็นที่ซ่อนของจิตรกรรมฝาผนังระดับโลก ‘The Last Supper’ หรือพระกระยาหารมื้อสุดท้าย (วาดโดย เลโอนาร์โด ดา วินชี) หลายคนคงต้องคุ้นหูขึ้นมาบ้าง ภาพวาดประวัติศาสตร์นี้ผ่านสงครามและการถูกรุกรานมาหลายรอบ แต่ยังคงสภาพงดงามให้คนรุ่นหลังได้ชมกัน โดยเราต้องต่อคิวและซื้อตั๋วพิเศษ (ซึ่งควรจองออนไลน์ล่วงหน้า)

Museo del Novecento

นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ มิลาน ยังแน่นไปด้วยงานศิลปะสมัยใหม่งามๆ เช่นที่ Museo del Novecento พิพิธภัณฑ์ศิลป์แห่งศตวรรษที่ 20 ตั้งอยู่ด้านข้างของดูโอโมที่นี่รวบรวมคอลเลกชันที่เรียกว่าสุดยอดของยุคมาจัดแสดง โดยมีของแถมเป็นวิวสวยๆ ของดูโอโม จากกระจกบานใหญ่ของพิพิธภัณฑ์

Pirelli Hangar Bicocca

Pirelli Hangar Bicocca แกลอรีขนาดใหญ่ขยับออกจากเมืองไม่ไกลมากนัก จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย แถมยังรายล้อมด้วยร้านรวงเก๋ๆ ในย่านนั้น

Gallerie d’Italia Piazza Scala พิพิธภัณฑ์ในพื้นที่โออ่่า รวมผลงานยุครุ่งเรืองตั้งแต่ศตวรรษที่ 19-20 ของอิตาลี

Bar Luce by Wes Anderson

ตบท้ายด้วยแฟชั่นแบรนด์ชื่อดังหลายแบรนด์ก็ได้ยึดมิลานเป็นสถานที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ของตัวเอง เช่น Armani Silos จัดแสดงหน้าประวัติศาสตร์แฟชันของอาณาจักรอาร์มานี  ฝั่งปราดา ก็ได้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อสนับสนุนงานศิลปะในนาม Fondazione Prada โดยได้เนรมิตรโกดังเก่าให้เป็นพื้นที่สุดคูล แสดงศิลปะหลากหลายแขนงซึ่งไม่จำกัดอยู่แค่เพียงในแวดวงแฟชั่นเท่านั้น รวมไปถึงได้ผู้กำกับสุดแนวอย่าง Wes Anderson มาออกแบบมุมกาแฟให้กับที่นี่ด้วยในนาม Bar Luce

สีสันของมิลาน

  มิลานคืออีกหน่ึ่งเมืองที่มีส่วนผสมอันหลากหลายและมีความน่าสนใจแตกต่างกันไปในทุกฤดูกาล  เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้หลายคนอยากกลับไปอีกก็คือความมีชีวิตชีวาและความกลมกล่อมลงตัว จะเปรียบไปก็เหมือนอาหารจานดีๆ เปรี้ยวนิด เผ็ดหน่อย เค็มกำลังดี อร่อย ทำให้ติดใจ
อยากให้ลอง มาชม มาชิมดู เผื่อคุณจะติดใจในมิลาน หลากรส ในแบบที่เราติดใจมาแล้ว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0