โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“หุ้นเทคฯ สหรัฐ” พื้นฐานระยะยาวยังแกร่ง...แนะตลาดย่อ-จังหวะทยอยสะสม !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 16 ก.พ. 2565 เวลา 14.57 น. • เผยแพร่ 11 ส.ค. 2564 เวลา 09.22 น. • กฤษฎิ์ รัตนธีระธาดา

“ประเทศสหรัฐฯ”ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี จึงเป็นที่ได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมากถ้าจะบริษัทหรือหุ้นที่มีประสิทธิภาพและพื้นฐานที่ดี
ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาก็เป็นสิ่งสะท้อนถึงความน่าสนใจจากเป็นนักลงทุนเป็นอย่างดี ด้วยราคาหลักทรัพย์ของกลุ่ม “หุ้นเทคโนโลยี” ที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนทำให้เป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นที่สร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนอย่างท่วมท้น
แต่ก็มีนักลงทุนไม่น้อยที่จะอดตั้งคำถามกับหุ้นกลุ่มดังกล่าว ไม่ได้ว่าโอกาสการลงทุนและการสร้างผลตอบแทนของ “หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ” จะไปต่อได้อีกมากน้อยเพียงใด
ในวันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ จึงขอโอกาสแชร์มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญสายงานบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ให้แก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจกันในครั้งนี้

“หุ้นเทคฯ สหรัฐ”…ธีมทางเลือกที่ควรมีติดพอร์ต

โดย “คมสัน ผลานุสนธิ” กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บลจ. แอสเซท พลัส จำกัด ให้มุมมองว่า “หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ” ถือเป็นหนึ่งกลุ่มที่ควรให้น้ำหนักหรือมีติดพอร์ตไว้ด้วย แนวโน้มธุรกิจที่มีการเติบโตที่ในอนาคตหรืออย่างในบางบริษัทไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Microsoft และAppleที่มีความต้องการใช้ของผู้คนจนกลายเป็นปัจจัย 4 ทำให้ธุรกิจกลายเป็นโกลบอล แฟรนไชส์

(คมสัน ผลานุสนธิ)

ภาพรวม “ตลาดสหรัฐฯ” ยังไม่นิ่ง…อาจมีการย่อตัว-ปรับฐาน

แต่ด้วยภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังอยู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ว่าจะจากปัจจัยด้านพื้นฐานอย่างราคาหุ้นโดยรวมที่ได้มีการปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงหรือเป็นระดับที่แพง และการปรับลดเม็ดเงินในการซื้อสินทรัพย์หรือลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบ (QE tapering)ของธนาคารกลางสหรัฐฯที่อาจจะได้เห็นเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ก็อาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาได้แต่ไม่มากนัก เนื่องจากตลาดได้เริ่มมีการรับรู้ไปบ้าง

จับตา 2 ประเด็นหลัก…“นโยบายขึ้นภาษีนิติบุคคล-อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก”

รวมไปถึงยังมีปัจจัยอย่างนโยบายการ“ปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล” ที่จะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนโดยตรง และยังไม่นับรวมกับการกำหนด “อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax)” ที่ 15% ที่ในปัจจุบันหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้ใช้ช่องทางการจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี

 

“ซึ่งถ้าหาก 2 ประเด็นอย่างการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลมีความชัดเจนมากขึ้นและทั่วโลกมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติให้มีการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกที่ 15% ก็อาจส่งผลเชิงลบกับหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯหรือเป็นปัจจัยที่ให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงมาได้”
แต่หากไม่โดนปัจจัยลบดังกล่าวก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ด้วยผลการดำเนินงานของที่มีการเติบโตค่อนข้างดีซึ่งแนวโน้มก็ยังโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและช่องทางการสร้างรายได้ต่างๆ ตามโมเดลธุรกิจ

แนะจังหวะยิ่งย่อ…ยิ่งเป็นจังหวะเข้าซื้อ

สำหรับนักลงทุนที่สนใจก็อยากแนะนำว่า ในช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงก็ถือเป็นโอกาสที่จะ “ทยอยสะสม” ในส่วนช่วงที่ราคามีการปรับตัวขึ้นสูงก็อาจจะไม่เหมาะสมนักที่จะไล่ซื้อ จึงอาจจะต้องติดตามปัจจัยลบต่างๆ ให้มีคลี่คลายหรือมีความชัดเจนก่อนเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นและกำไรบริษัท

“หุ้นเทคฯ สหรัฐ” อนาคตยังไปได้อีกไกล…แต่ระยะสั้นมีปัจจัยที่ต้องระวัง

ฟาก“สาห์รัช ชัฏสุวรรณ” ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทิสโก้ จำกัด ได้ให้มุมมองว่า “หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี” ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตได้ดีในอนาคต เนื่องจากทุกอุตสาหกรรมธุรกิจต้องมีการเปลี่ยนผ่านมาสู่โมเดลดิจิตอลซึ่งทำให้ความต้องการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

(สาห์รัช ชัฏสุวรรณ)

 “ซึ่งผลการดำเนินงานของกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีในไตรมาส 2/64 ก็ถือเป็นเครื่องยืนยัน ได้ว่าแม้เป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ศักยภาพการทำกำไรสุทธิของบริษัทก็ไม่ได้ด้อยลงหรือได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่านักลงทุนและตลาดคาดการณ์ไว้”

ระวังนโยบายปรับเม็ดเงินอัดฉีดเข้าระบบ…ที่อาจทำให้ “ตลาดผันผวน” ได้

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะสั้น จะเป็นเรื่องเซนติเมนต์ของตลาดที่อาจจะมีปัจจัยลบเข้ามากดดันในช่วงไตรมาส 3/64 – 4/64 ในประเด็นการดำเนินนโยบายปรับลดเม็ดเงินในการซื้อสินทรัพย์หรือลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบ (QE tapering)ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีโอกาสทำให้“ตลาดผันผวน” ได้ในระยะสั้นหรืออาจไม่เกิดขึ้นได้เช่นกัน

แนะนักลงทุน “ระยะสั้น” ต้องระมัดระวัง…แต่ “ระยะยาว” มองข้ามไปได้เลย

ซึ่งนักลงทุนที่ยังมองหาโอกาสการลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุน “ระยะสั้น” ก็อาจจะต้องระมัดระวังปัจจัยข้างต้น เพราะมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเกิดการปรับฐานแต่ก็ถือเป็นโอกาสการเข้าลงทุนหรือทยอยสะสม ส่วนนักลงทุน“ระยะยาว” ก็สามารถมองข้ามปัจจัยดังกล่าวไปได้เลย เพราะในแง่พื้นฐานของธุรกิจยังมีศักยภาพที่ไปต่อได้อีกในอนาคต
“หลายคนอาจจะเข้าใจโมเดลหรือการทำธุรกิจของกลุ่ม ‘เทคโนโลยีสหรัฐฯ’จนเกิดเป็นความสนใจและการแสวงหาโอกาสการลงทุน แต่ก็อาจจะมีความกังวลปัจจัยแวดล้อมต่างๆ นานาที่ส่งผลให้ราคาหุ้นถูกกดดัน ซึ่งแน่นอนว่าใน ‘ระยะสั้น’ หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังคงถูกท้าทายและต้องผ่านบทพิสูจน์ให้ได้ หากแต่ผู้ลงทุนมีเป้าหมายการลงทุนใน ‘ระยะยาว’ ก็อาจจะมองข้ามปัจจัยข้างต้นไปได้เลย”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0