ทายาทสายการบินโคเรียนแอร์ที่เป็นรู้จักจากเหตุการณ์ “วีนถั่ว” ซึ่งเคยสร้างเสียงวิจารณ์หนักในเกาหลีใต้ ถูกสามีกล่าวหาว่าข่มเหงรังแกทั้งตัวเขาเองและลูกๆที่ยังเล็ก
โช ฮยุน-อาห์ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางหลังเหตุการณ์อื้อฉาวในปี 2557 ที่เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จากความไม่พอใจในวิธีที่ได้รับการเสิร์ฟถั่วบนที่นั่งชั้นหนึ่งของเครื่องบินก่อนที่จะออกเดินทางจากนครนิวยอร์ก และได้ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี จากการสร้างความวุ่นวายให้เที่ยวบินหยุดชะงักหลังสั่งให้เครื่องบินโคเรียนแอร์ที่มุ่งหน้ามายังกรุงโซลกลับไปยังเกตเพื่อไล่พนักงานต้อนรับที่เธอไม่พอใจลงจากเครื่อง โดยหลังจากนั้นโชพ้นโทษจากการอุทธรณ์และรับโทษอยู่เพียง 5 เดือน
ล่าสุด สามีของเธอซึ่งรายงานระบุว่านามสกุลว่า “ปาร์ค” ได้ระบุว่านับตั้งแต่ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อปี 2558 โช ฮยุน-อาห์ ได้ทำการละเมิดข่มเหงทั้งทางร่างกายและวาจากับครอบครัวของเขา ซึ่งรวมถึงลูกชายวัย 5 ปี ของพวกเขาด้วย ซึ่งเขาได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับโชเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า นายปาร์คฟ้องร้องภรรยาด้ยข้อหากระทำทารุณต่อเด็ก และทำให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกาย รวมถึงอื่นๆ
นายปาร์ค ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง แต่งงานกับโชเมื่อปี 2553 และทั้งคู่กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการหย่า โดยปาร์คได้แชร์ภาพแผลที่คอและนิ้วเท้าของเขากับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น อ้างว่าเป็นแผลที่เกิดจากฝีมือของโช และเผยว่าเขาได้ส่งรูปถ่ายและคลิปวิดีโอการทำร้ายร่างกายให้กับตำรวจ ปาร์คบอกกับทางการว่าเขาถูกภรรยาบีบคอซ้ำๆ และขว้างแท็บเล็ตพีซีใส่ทำให้บาดเจ็บที่นิ้วเท้า นอกจากนี้ยังอ้างว่าโชได้ขว้างช้อนและตะเกียบใส่ลูกๆของพวกเขาจากการกินข้าวช้า และใช้วาจาข่มขูคุกคาม โดยปาร์คกำลังพยายามขอสิทธิเต็มที่ในการคุ้มครองลูกๆ
อย่างไรก็ตาม โฆษกของบริษัทกฎหมายของโชปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่านายปาร์คติดสุราและทำให้ความจำของเขาผิดพลาด พร้อมระบุว่าปาร์คเข้ารับการรักษาอาการพิษสุราเรื้อรัง 3 ครั้งในช่วงชีวิตการสมรสของทั้งคู่
สมาชิกครอบครัวคนอื่นๆของโชที่รวมถึงนางอี มยอง-ฮี ผู้เป็นแม่ และโช ฮยุน-มิน น้องสาว ได้ถูกกล่าวหาข่มเหงรังแกพนักงาน ตั้งแต่ตะโกนด่าทอไปจนถึงเตะ ตบตี หรือแม้แต่ขว้างกรรไกรใส่พวกเขา ขณะที่เรื่องอื้อฉาวหลายกรณีที่รวมถึงข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษี การลักลอบนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และอาหาร ได้ทำให้นายโช ยัง-โฮ พ่อของโชซึ่งเป็นประธานโคเรียนแอร์เผชิญกับการตรวจสอบและสร้างความไม่พอใจให้กับสาธารณชน ไปจนถึงทำให้เกิดการประท้วงจากพนักงานบริษัท
